การมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจเอเชี่ยน หรือ AEC ดูเป็นประเด็นสำคัญระดับชาติในตอนนี้ และเมื่อถนนการลงทุนหลายสายในตอนนี้
มุ่งไปที่ประเทศพม่า ผมจึงขอเริ่มบทความเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยในประเทศ AEC ที่ประเทศพม่าก่อนเป็นอันดับแรก อย่างน้อยนักลงทุนจากไทยและนักธุรกิจการเงิน การประกันภัยของเราจะได้ทราบความเป็นไปเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยในประเทศดาวรุ่งทางตะวันตกของเรา
ย้อนกลับไปหลังปี พ.ศ. 2491 เมื่อประเทศพม่าได้รับเอกราชนั้น มีจำนวน
บริษัทประกันภัยที่เป็นบริษัทเอกชนมากกว่า 100 บริษัท ที่เปิดดำเนินการทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ แต่หลังจากการปฏิวัติและปิดประเทศในปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันรวม 47 ปี ธุรกิจประกันภัยในประเทศพม่าตกอยู่ภายใต้การผูกขาดของรัฐโดยดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ Myanmar Insurance ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งการประกันชีวิตและการประกันวินาศภัย โดยมีขอบเขตการรับประกันวินาศภัยที่กว้างขวางพอสมควร คือ ครอบคลุมถึงการรับประกันภัยประเภทหลักๆ เช่น การ
ประกันภัยการขนส่งทางทะเล การ
ประกันภัยรถยนต์การ
ประกันภัยอุบัติเหตุ ไปจนถึงการประกันภัยสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ
ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยเบ็ดเตล็ดทั่วไป การประกันภัยความรับผิดในการทำเหมืองแร่ การประกันภัยการเดินอากาศ แม้กระทั่งการประกันภัยจากการถูกงูกัด เป็นต้นนั้น โดยข้อมูลจาก Myanmar Insurance ระบุว่าในปัจจุบันมีตัวแทนนายหน้าประกันภัยทั่วประเทศพม่าราว 800 คนเท่านั้น
ปัจจุบันที่เพียงสามประเทศในโลก คือ พม่า คิวบา และเกาหลีเหนือ เท่านั้น ที่ไม่อนุญาตให้บริษัทเอกชนทำธุรกิจประกันภัยได้แต่ข้อมูลนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลง เพราะพม่ากำลังเปิดให้เอกชนทำธุรกิจประกันภัยได้แล้ว
จากการขับเคลื่อนทางการค้าของโลกและเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการลงทุนจากต่างประเทศ ประเทศพม่าไม่สามารถอาจปิดกั้นการทำธุรกิจประกันภัยของเอกชนได้ ดังนั้นขณะนี้ (เดือน มิ.ย. 2555) พม่าได้เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอกชนยื่นคำขอเพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยแล้วโดยได้เริ่มประกาศเชิญชวนภาคเอกชนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ วันสุดท้ายของการยื่นคำขอคือวันที่ 29 มิถุนายนนี้ แต่รัฐบาลยังไม่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทำธุรกิจด้านการรับประกันภัยในโครงการของรัฐและการประกันภัยสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ซึ่งสงวนให้อยู่ภายใต้ธุรกิจของบริษัทประกันภัยของรัฐเท่านั้น
แม้บริษัทเอกชนที่จะทำธุรกิจประกันภัยจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำประกันภัยได้ทุกประเภทเท่ากับบริษัทประกันภัยของรัฐ แต่หนังสือพิมพ์เมียนมาร์ไทม์ ได้รายงานว่ามีนักธุรกิจมาซื้อคำขอจัดตั้งธุรกิจประกันภัยไปถึง 180 คำขอ และมีบริษัทประกันภัยต่างประเทศหลายแห่งเช่นกลุ่มเอไอเอ และ Star Insurance จากประเทศอเมริกา กลุ่ม QBE ได้แสดงความสนใจที่จะยื่นขอจัดตั้งธุรกิจประกันภัย
อย่างไรก็ตาม ผมยังสงสัยอยู่ว่าถึงเวลาจริงๆ จะมีคนขอยื่นสักกี่รายเนื่องจากวงเงินทุนจัดตั้งธุรกิจที่รัฐบาลพม่าตั้งไว้สูงมาก โดยสำหรับบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยทั้งประกันชีวิตและ
ประกันวินาศภัย จะต้องมีวงเงินทุนจัดตั้งที่ชำระแล้วสูงถึง 57 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่ทำธุรกิจประกันวินาศภัยอย่างเดียวจะต้องมีวงเงินทุนจัดตั้งที่ชำระแล้วสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่ทำธุรกิจประกันชีวิตอย่างเดียวจะต้องมีวงเงินทุนจัดตั้งที่ชำระแล้วจำนวน 7.2 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ธุรกิจประกันภัยที่เปิดให้เอกชนทำนั้นยังต้องเป็นบริษัทที่เป็นการลงทุนกับคนพม่า โดยยังไม่เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ แต่การเปิดให้เอกชนทำธุรกิจประกันภัยนี้ รัฐบาลพม่าประกาศว่าเพื่อเป็นการเตรียมรองรับสำหรับการเปิดธุรกิจประกันภัยเสรีให้ชาติเอเชี่ยนเมื่อมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจเอเชี่ยนหรือ AEC ในปี 2015
ปัญหาอีกประการหนึ่ง คือ การกำหนดเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ เงินกองทุนที่ต้องรักษาไว้และค่านายหน้าประกันภัยขั้นสูงสุดที่รัฐบาลยังไม่มีกฎเกณฑ์ออกมาและจะยังไม่มีกฎเกณฑ์ออกมาจนกว่าจะอนุมัติการจัดตั้งบริษัทประกันภัยให้เอกชน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยการคำนวณต้นทุนธุรกิจและความเสี่ยงธุรกิจที่ต้องดำรงเงินกองทุน
สำหรับปัญหาทางธุรกิจในภาคประกันภัยในพม่าอีกเรื่องคงเป็นเรื่องการสำรวจความเสียหายเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น เพราะปัจจุบัน บุคลากรของ Myanmar Insurance ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยเองจะเป็นคนสำรวจความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินของผู้เอาประกัน แม้จะเป็นความเสียหายที่สูงมากเพียงใดก็ตาม ซึ่งต่างจากประเทศไทยหรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่จะให้ผู้สำรวจความเสียหายที่เป็นเอกชนคนกลางและที่เป็นมืออาชีพ
ด้วยการมีประชากรถึง 60 ล้านคนประกอบกับนโยบายการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น และมีทรัพยากรธรรมชาติที่เหลือเฟือ พม่าจึงได้รับความสนใจในการลงทุนจากนานาประเทศเป็นอย่างสูง ผมคิดว่าธุรกิจประกันภัยจากต่างแดนจำนวนไม่น้อยคงกำลังศึกษาลู่ทางการทำธุรกิจประกันภัยในพม่าอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ในการสัมมนาเรื่องการลงทุนด้าน Oil & Gas ที่พม่าเมื่อเดือนที่แล้ว มีคนแห่เข้าฟังร่วม 300 คนและมีตัวแทนจากบริษัทประกันภัยจากต่างประเทศถึง 17 บริษัท
อีกทั้งการเปิดให้เอกชนทำธุรกิจประกันภัยในพม่าจึงเป็นช่องทางโอกาสของธุรกิจสำรวจความเสียหายมืออาชีพ รวมทั้งธุรกิจ
นายหน้าประกันภัยและประกันภัยต่อ รวมทั้งธุรกิจที่ต่อเนื่องกับธุรกิจประกันภัยหลายอย่าง และ เมื่อการทำธุรกิจในประเทศพม่าเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ผู้คนจากต่างแดนมีความมั่นใจมากขึ้น ถนนการลงทุนจึงยังคงทอดไปสู่พม่าต่อไปและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพม่ายืนยันการเป็นเจ้าภาพการประชุม World Economic Forum For East Asia ต่อจากไทยในปีหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น