วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล

วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล
วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล

   ASN Broker ขอนำข้อมูลมาอัพเดท เนื่องด้วยกิจกรรม Bike For Dad 2015 ปั่นเพื่อพ่อและช่วงปีใหม่  
   การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษเนื่องในโอกาสจัดกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อBike for dad”ในวันที่11 ธ.ค.2558 ระหว่างเวลา 09.00– 23.00 น.สำหรับทางพิเศษศรีรัชจำนวน6 ด่าน ได้แก่ด่านยมราช ด่านหัวลำโพงด่านสะพานสว่าง ด่านอุรุพงษ์ด่านสุรวงศ์ ด่านถนนจันทร์และทางพิเศษเฉลิมมหานคร(ทางด่วนขั้นที่1)จำนวน4 ด่าน
ได้แก่ด่านพระราม4-1ด่านพระราม4-2ด่านเพลินจิตและด่านเพชรบุรี รวม 10 ด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชน
    นอกเหนือจากนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ยังได้มีการเห็นชอบ ให้ยกเว้นเก็บค่าผ่านทางประกอบด้วยสายบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี)ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถีและทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก(บางพลี-สุขสวัสดิ์)กับทางพิเศษบูรพาวิถีตั้งแต่เวลา 00.01น. วันที่25ธ.ค.2558ถึงเวลา 24.00น. วันที่3 ม.ค.2559
           การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ประกาศงดเก็บค่าธรรมเนียมทั้งหมด 11 ด่าน ตั้งแต่เวลา 09.00-23.00 น. ได้แก่
           ด่านยมราช
           ด่านหัวลำโพง
           ด่านสะพานสว่าง
           ด่านอุรุพงษ์
           ด่านสุรวงศ์
           ด่านจันทน์
           ด่านสาทร
           ด่านพระรามสี่ 1
           ด่านพระรามสี่ 2
           ด่านเพลินจิต
           ด่านเพชรบุรี

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันที่10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

วันที่ 7, 10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล
วันที่  10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

ASN Broker ขออัพเดท กิจกรรมพิเศษ ในช่วงวันที่  10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ 
วันที่ 10 ธันวาคม 2558 ปิดถนน ซ้อมเคลื่อนพระศพสังฆราช
- ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่ แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนหลานหลวง ตั้งแต่ แยกผ่านฟ้า ถึง แยกสะพานขาว
- ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่ แยกสะพานขาว ถึง แยกนพวงศ์
- ถนนหลวงตั้งแต่ แยกนพวงศ์ ถึง แยกพลับพลาไชย
-----------------------------------------------------
วันที่ 11 ธันวาคม 2558 Bike for dad “วันจริง”! ปิดถนน
1 พระลานพระราชวังดุสิต
2 แยกราชประสงค์
3 จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย
4 สวนลุมพินี
5 วงเวียนโอเดียน
6 เยาวราช
7 วงเวียนใหญ่
8 กองบัญชาการกองทัพเรือ
9 โรงพยาบาลศิริราช
10 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
----------------------------------------------
วันที่ 16 ธันวาคม 2558 “พิธีจริง” เคลื่อนพระศพพระสังฆราช
- ถนนพระสุเมรุตั้งแต่แยกบางลำพูถึงแยกสิบสามห้าง
- ถนนสิบสามห้างตลอดสาย
- ถนนบวรนิเวศน์ ตลอดสาย
- ถนนบ้านพานถมตลอดสาย
- ถนนดินสอตั้งแต่อนุเสาวรีย์ชัยปรชาธิปไตยถึง ถนนพระสุเมรุ
- ถนนพระสุเมรุตั้งแต่ถนนสิบสามห้าง ถึง แยกป้อมมหากาฬ
- ถนนราชดำเนินกลางตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนหลานหลวงตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงแยกสะพานขาว
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกสะพานขาวถึงแยกนพวงศ์
- ถนนหลวงตั้งแต่แยกนพวงศ์ถึงแยกพลับพลาไชย
- ถนนประชาธิปไตยตั้งแต่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ถึง สะพานเฉลิมวันชาติ
- ถนนราชดำเนินกลางตั้งแต่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนมหาไชยตั้งแต่แยกสำราญราษฎ์ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกจปร.ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนจักรพรรดิพงษ์ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ถึงจุดตัดถนนพระราม4
- ถนนนครสวรรค์ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนพะเนียงตลอดสาย
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงแยกสะพานขาว
- ถนนหลานหลวงตั้งแต่แยกยมราชถึงสะพานขาว
- ถนนอนันตนาคตลอดสาย
- ถนนพญามหาอำมาตย์ตลอดสาย
- ถนนบำรุงเมืองตั้งแต่แยกแม้นศรีถึงแยกกษัตริย์ศึก
- ถนนพระราม1ตั้งแต่แยกกษัตริย์ศึกถึงแยกพงษ์พระราม
- ถนนยศเสตลอดสาย 25.ถนนพลับพลาไชยตั้งแต่จุดจัดตัดถนนมังกรถึง- ถนนกรุงเกษม
- ถนนพลับพลาไชยตั้งแต่จุดตัดถนนมังกรถึงถนนบำรุงเมือง(แยกอนามัย)
- ถนนหลวง ตั้งแต่แยกวรจักรถึงแยกนพวงศ์
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกหัวลำโพง ถึงแยกนพวงศ์
- ถนนมิตรพันธ์ตั้งแต่จุดตัดถนนมังกร ถึงถนนหลวง

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา3เดือน
ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่วางกรอบให้ลดปัญหารถติดให้ได้60%
ประกอบด้วย
1.บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดเน้นการจอดรถที่กีดขวางการจราจรให้ยกรถที่จอดขวางออกจากพื้นที่พร้อมทั้งปรับในอัตราโทษสูงสุด
2.จัดระบบการหยุดรับส่งผู้โดยสารของรถประจำทาง ไม่ให้มีการจอดซ้อนคันบริเวณป้ายรถประจำทา เบื้องต้นมีจุดที่มีปัญหารวม46จุด
โดยมอบหมายให้แต่ละท้องที่ดำเนินการอย่างเด็ดขาด
3.จัดการจราจรในเส้นทางเข้าออกกรุงเทพฯ ทั้ง4ทิศ ในถนน11สายโดยให้ประเมินความเร็วเฉลี่ยเพื่อประเมินผลหลังปฏิบัติการ
4.จัดการจราจรบริเวณทางขึ้นลงทางด่วน ซึ่งจะต้องไม่มีปัญหาการจราจรโดยจัดตำรวจจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
เข้าอำนวยความสะดวกและกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิด และ
5.ให้นายตำรวจระดับผู้กำกับการ(ผกก.)ต้องออกมาแก้ไขและอำนวยความสะดวกด้วยตนเองพร้อมกันนี้ให้ผกก.แต่ละสถานีส่งภาพถ่าย
การปฏิบัติทั้งในช่วงเช้าและเย็น รายงานผลผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้ บช.น.ยังสั่งการให้ทุกพื้นที่ติดป้ายประชาสัมพันธ์เบอร์โทรและชื่อของ
ผกก.ไว้ตามทางแยกต่างๆ เพื่อให้ประชาชนที่ประสบปัญหาจราจรสามารถติดต่อให้ข้อมูลกับ
ผกก.ได้โดยตรง ซึ่งขณะนี้มีการติดตั้งไปแล้วรวม 368 จุด
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของ บช.น.ยังสามารถอนุมัติให้เรียกกำลังจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191)
งานป้องกันปราบปราม งานอารักขาและควบคุมฝูงชน เพื่อมาช่วยปฏิบัติหน้าที่งานจราจรได้อีกด้วย
พร้อมจะมีการประเมินผลในทุก 30 วัน โดยแผนทั้งหมดจะเริ่มวันที่ 1 ธ.ค. 2558
ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) กล่าวว่า จำนวนรถยนต์ในกรุงเทพฯ
เพิ่มขึ้นปีละ 3-4 แสนคัน ขณะที่ถนนไม่เพิ่มเติม ทำให้ขณะนี้มีจำนวนรถมากกว่าถนนจะรองรับได้ถึง 5 เท่า
ส่งผลให้ความเร็วเฉลี่ยบนท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วนลดลงเหลือประมาณ 18 กิโลเมตร/ชั่วโมง
“ที่ผ่านมาเราไม่เคยคุมกำเนิดรถยนต์ ทำให้เกิดปัญหาการจราจรตามมา
อีกทั้งมีแต่การสนับสนุนให้ซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ตำรวจก็ไปห้ามประชาชนไม่ให้ใช้รถไม่ได้
จึงต้องวางแผนอำนวยความสะดวกให้รถติดน้อยที่สุด”รอง ผบก.จร. กล่าว
ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์)ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี
ที่ทางตำรวจเอาจริงเอาจังกับปัญหารถติดในเขตกรุงเทพหวังว่าผู้ใช้ถนนหลายๆท่านจะได้รับความสะดวกขึ้นครับ

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล
ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

กรมการขนส่งทางบก ลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้ขับรถสาธารณะ กระทำความผิดซ้้าซาก 
เพียงเดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (เดือนตุลาคม 2558) พักใช้ ใบอนุญาตรถแท็กซี่ผิดซ้้าซากแล้ว 10 ราย พร้อมเผย!!!
ตั้งแต่เริ่มบังคับใช้มาตรการ พักใช้ ใบอนุญาตแล้ว 239 ราย เพิกถอน 2 ราย หากประชาชนพบเห็นการกระท้าความผิดหรือพบ
รถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัยร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง นายสนิท พรหมวงษ์อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

เปิดเผยถึงผลดำเนินการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะที่กระท าความผิดซ้ า
ในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (เดือน ตุลาคม 2558) ตรวจพบผู้ขับรถโดยสารสาธารณะกระท้าความผิดซ้้า
และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถแล้ว จ้านวน 10 ราย เป็นรถแท็กซี่ทั้งหมด ประกอบด้วย ความผิดฐานปฏิเสธการรับจ้างผู้โดยสารจำนวน 6 ราย
ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ได้ตกลง กันไว้จำนวน 2 ราย ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร จำนวน 1 ราย และแสดงกิริยา

ไม่สมควรอีกจำนวน 1 ราย นอกจากนี้ นับตั้งแต่เริ่มใช้ มาตรการลงโทษพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้กระท้าผิดซ้้าซาก
(1 เมษายน 2557 – 31 ตุลาคม 2558) กรมการขนส่ง ทางบกได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรม
ลามกอนาจารแล้วจ้านวน 2 ราย และสั่งพักใช้ใบอนุญาตจ้านวน ทั้งสิ้น 239 ราย เป็นรถตู้กระท้าผิดฐานใช้รถ
ไม่ตรงตามประเภทจ้านวน 19 ราย นอกนั้นเป็นรถแท็กซี่จ้านวน 220 ราย ประกอบด้วย ความผิดฐานปฏิเสธการรับจ้างผู้โดยสาร
จำนวน 166 ราย รองลงมา ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร จ านวน 28 ราย ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้จ านวน 16 ราย

เก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่ทางราชการก าหนด จ านวน 4 ราย กระท า การอันควรขายหน้า จ านวน 4 ราย
แสดงกิริยาไม่สมควร จ านวน 2 ราย โดยกรมการขนส่งทางบกได้จัดเก็บประวัติการกระท า ความผิดของผู้ขับรถ
โดยสารสาธารณะทุกรายไว้ที่ศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ
ตรวจสอบและติดตามการแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมการให้บริการ และยังได้ส่งตัวผู้กระท าผิดเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกฎหมาย
ระเบียบต่างๆ ของทางราชการ รวมถึงการสร้างจิตส านึกการให้บริการที่ดี เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทาง

ที่ดีอย่างยั่งยืน นายสนิท กล่าวเพิ่มเติมว่า การบังคับใช้มาตรการลงโทษพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้กระทำผิดซ้ำซากอย่าง
จริงจัง เป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมพฤติกรรมการให้บริการของผู้ขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ซึ่งจะท าให้ประชาชนได้รับ
บริการสาธารณะที่มีความสะดวกและมีความปลอดภัยในการเดินทาง โดยได้แบ่งฐานความผิดออกเป็น 2 กลุ่ม ความผิดทั่วไป
เช่น ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ได้ตกลงกันไว้
หากพบการ กระท าความผิดครั้งแรก ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และส่งตัวเข้ารับการอบรมสร้างจิตสำนึกการให้บริการ
ที่ดีความผิดซ้ำครั้งที่ 2 ปรับสูงสุด 1,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับรถ 1-3 เดือน และความผิดซ้ำครั้งที่ 3 ปรับสูงสุด

และพักใช้ใบอนุญาตขับรถ นาน 6 เดือน ทั้งนี้ หากกระท้าผิดซ้้าภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากกระท้าความผิดครั้งแรก
พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ขับรถทันที และส้าหรับกลุ่มความผิดร้ายแรงหรือส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
เช่น การขู่กรรโชก การใช้สารเสพติด หรือ มีพฤติกรรมลามกอนาจาร มีสิทธิ์ถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
เพื่อรักษาระเบียบและสร้างมาตรฐานการ ให้บริการด้วยรถโดยสารสาธารณะให้มีคุณภาพต่อไป อธิบดีกรมการขนส่งทางบก 
กล่าวในที่สุด

ASN Broker (ประกันภัยรถยนต์) หวังว่ามาตรการนี้ จะช่วย ยกระดับ การขนส่งขั้นพื้นฐานของไทย ให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถแท๊กซี่ หรือระบบขนส่งในรูปแบบอื่นๆครับ

ทีมา กรม ขนส่งทางบก http://goo.gl/VMK1PB

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง #ลอยกระทง #LoyKrathong


เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง  #ลอยกระทง #LoyKrathong
เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง #ลอยกระทง #LoyKrathong

  วันนี้ (24 พ.ย.58)เตือนภัย 53 ท่าเทียบเรือ-โป๊ะ ไม่พร้อมใช้งานลอยกระทง กทม.จัดใหญ่ พระราม 8-เอเชียทีค
             ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ห่วงความปลอดภัยในเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. โดยที่ผ่านมาได้ตรวจสอบท่าเรือและโป๊ะในกรุงเทพฯ 436 แห่ง พบว่าสามารถซ่อมแซมให้ปลอดภัยมีเพียง 383 แห่ง นอกจากนี้ กทม.จะจัดเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ต่ำกว่า 50 ลำ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
            ทั้งนี้ ท่าเทียบเรือหรือโป๊ะที่ไม่พร้อมใช้งานมีอยู่ 53 ท่า ที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซม เช่น ท่าวังหลัง ศิริราช และพรานนก ท่าเรือเกียกกาย ท่าเทียบเรือพระอาทิตย์ ท่าเรือพระโขนง ซึ่ง กทม.ได้ดำเนินการติดป้ายห้ามใช้งานไปแล้ว
             นางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษก กทม. กล่าวว่า กทม.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยใน 203 จุด ที่ กทม.เปิดให้ลอยกระทง แบ่งเป็น สวนสาธารณะ 29 จุด และพื้นที่เอกชน 174 จุด สำหรับจุดจัดงาน อาทิ ริมคลองผดุงกรุงเกษม ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี และเอเชียทีค
             สำหรับจุดใหญ่อยู่ที่บริเวณสะพานพระราม 8 เริ่มเวลา 17.00-24.00 น. มีกิจกรรม อาทิ ตลาดย้อนยุค การประกวดกระทง การสาธิตประดิษฐ์งานใบตอง และประดิษฐ์กระทงแจกฟรี กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และการแสดงดนตรีของศิลปินชื่อดัง
             พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล กล่าวว่า ในเขตกรุงเทพฯ มีสถานที่จัดงานลอยกระทง 89 จุด ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น เอเชียทีค ท่าน้ำสรรพาวุธ ใต้สะพานพระปกเกล้า ใต้สะพานพุทธ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงบริเวณสะพานพระราม 8
             พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย 1.93 ล้านคน และชาวต่างชาติ 7 หมื่นคน ร่วมงานลอยกระทง โดยจะสร้างรายได้กว่า 3,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความคึกคักที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากบรรยากาศการรักษาความสงบของ คสช.

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลดหย่อนภาษี 2558 กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้

ลดหย่อนภาษี 2558  กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้
ลดหย่อนภาษี 2558 กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้

ขอบคุณที่มา http://www.ecepost.com/viewtopic.php?id=701465024
         ลดหย่อนภาษี 2558 นี้ มีวิธีดี ๆ และหลักเกณฑ์ไหนบ้าง ที่จะช่วยให้เราจ่ายภาษีได้น้อยลง ใครที่ต้องเสียภาษีคราวละมาก ๆ ทุกปี ไม่รู้ไม่ได้แล้ว !

          ใกล้สิ้นปีแบบนี้  ผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี คงถึงช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคิดถึงต่อมาคือ การขอลดหย่อนภาษี เพื่อลดภาระการจ่ายภาษีให้กับตัวเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายวิธี เอาล่ะ ลองไปดูกันว่าสำหรับในปีภาษี 2558 นี้ มีหนทางไหนที่ช่วยลดหย่อนภาษีให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ได้บ้าง

1. ลดหย่อนส่วนบุคคล

          ใช้ลดหย่อนภาษีได้ทันที 30,000 บาท
 
2. ลดหย่อนจากคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้

          ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท สำหรับสามี-ภรรยาที่จดทะเบียนสมรส โดยคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้เเต่เลือกนำมาคำนวณภาษีพร้อมกัน


 
3. ลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุตร และการศึกษาบุตร

          ค่าลดหย่อนจากการเลี้ยงดูบุตร นับจากบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นได้ทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรตามกฎหมาย โดยหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท แต่ไม่เกิน 3 คน (มากสุด 45,000 บาท) โดยบุตรจะต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรือถ้าเกิน 20 ปี (21-25 ปี) จะต้องศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ขึ้นไปเท่านั้น และหากบุตรศึกษาต่อในประเทศ  (ตั้งแต่อนุบาล-ปริญญาเอก) ก็จะได้ลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท 

          ทั้งนี้บุตรที่จะนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีนั้น จะต้องไม่มีรายได้ในภาษีเกิน 15,000 บาทขึ้นไป หรือรายได้ที่มีนั้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น บุตรที่อายุไม่เกิน 20 ปีและรับเงินปันผล ซึ่งเงินปันผลนั้นจะถือว่าเป็นเงินของผู้ปกครอง และไม่ถือว่าบุตรมีรายได้


 
4. ลดหย่อนจากดอกเบี้ยเงินกู้ยืม

          ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยเป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้การเช่าซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย โดยมีเงื่อนไขคือ

           ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ เช่น ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐต่าง ๆ โดยทรัพย์สินที่กู้ ต้องใช้มาเป็นหลักในการคำประกันการกู้ (จำนอง) ด้วย

           ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่ บนที่ดินของตัวเองหรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม

           หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนรวมกันได้ทุกแห่ง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

           กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ก็ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนเช่นกัน
 



5. ลดหย่อนจากค่าเลี้ยงดูบิดามารดา

          ลดหย่อนจากบิดามารดา (ตัวเอง) และบิดามารดาคู่สมรส ได้คนละ 30,000 บาท มากสุดไม่เกิน 120,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท ทั้งนี้ต้องให้บิดามารดาออกหนังสือรับรองการเลี้ยงดู ให้กับบุตรที่จะขอลดหย่อนภาษีด้วย เพราะลูกที่จะรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี จะสามารถใช้สิทธิ์ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา


6. ลดหย่อนจากประกันชีวิต

          สำหรับการขอลดหย่อนด้วยการซื้อประกันชีวิตนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ

 ประกันชีวิตแบบทั่วไป

          ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000  บาท โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งเเต่ 10 ปี ขึ้นไป และมีผลตอบแทนคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสม ส่วนเบี้ยประกันเพิ่มเติมจำพวกประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ จะไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ส่วนผู้ที่คู่สมรสมีประกันชีวิตอยู่หรือซื้อประกันชีวิตให้คู่สมรสไว้ และคู่สมรสไม่มีรายได้ แต่ยังจ่ายเบี้ยประกันอยู่ สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท เพราะเมื่อไม่มีรายได้ จึงไม่จำเป็นต้องหักลดหย่อนภาษีนั่นเอง (ส่วนที่เหลืออีก 90,000 บาทเป็นการยกเว้นจากรายได้)

 ประกันชีวิตแบบบำนาญ 

          ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นประกันที่มีระยะเวลาเอาประกัน 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปีต่อเนื่องไปจนถึง 85 ปี และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท


7. ลดหย่อนจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ Long term equity fund (LTF)

          LTF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว โดยเน้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ซื้อหน่วยลงทุน LTF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผลตอบแทนด้วยคือ สามารถซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ทั้งนี้ กองทุน LTF ที่ซื้อไว้ต้องไม่ต่ำกว่า 5 ปี (นับตามปี พ.ศ. เช่น ซื้อ LTF ปี 2558 จะต้องถือไว้จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นอย่างน้อย) และไม่สามารถโอนหรือจำนำไปเพื่อเป็นหลักประกันได้

          ตัวอย่างการลดหย่อนภาษีจาก LTF เช่น ผู้มีรายได้สุทธิ 3 ล้านบาทต่อปี จะต้องเสียภาษีในอัตรา 30% ตามกฎหมาย คือ 9 แสนบาท แต่เมื่อซื้อกองทุน LTF 15% ของรายได้เเล้ว จะสามารถซื้อกองทุน LTF ได้วงเงินสูงสุด 450,000 บาท จึงนำรายได้สุทธิ 3 ล้านนั้น หักลดหย่อนจากกองทุนออก 450,000 เท่ากับ 2,550,000 บาท ก็จะได้เงินสุทธิที่เหลือจริง แล้วจึงนำไปคำนวณการจ่ายภาษีที่ 2,550,000 X 30% = 765,000 บาท ซึ่งจะลดลงจากเดิมที่ต้องจ่ายภาษี 9 แสนบาท

8. ลดหย่อนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF)

          RMF เป็นกองทุนรวมที่จัดขึ้นเพื่อการออมและการลงทุนในระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมหลังเกษียณ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลดหย่อนภาษีคือ หักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท แต่ถ้ามีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว เมื่อนำมารวมกับเงินที่ซื้อหน่วยลงทุนใน RMF แล้วก็หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาทเช่นกัน

          สามารถคิดตามสูตรได้คือ  RMF + กบข. + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ + กองทุนครูโรงเรียนเอกชน + ประกันชีวิตแบบบำนาญ  รวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 500,000 บาท

9. ลดหย่อนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

          กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนเงินออมของสมาชิก ซึ่งกำหนดให้สมาชิกของ กบข.  ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน กบข. 3% ในแต่ละเดือน โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้อีก 3% ด้วยเช่นกัน โดยสมาชิกที่จ่ายเงินสบทบเข้า กบข. นี้จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000  บาท


10. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

          สมาชิกที่จ่ายเงินสบทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 10,000 บาท สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้เมื่อรวมกับ RMF, กบข., กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

11. ลดหย่อนจากกองทุนการออมแห่งชาติ

          ถือเป็นปีแรกที่ผู้ที่เป็นสมาชิกและจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีจากเงินสะสมเข้า กอช. ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะเดียวกันแล้ว ต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด

12. ลดหย่อนจากการจ่ายประกันสังคม

          เงินสมทบกองทุนประกันสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่บุคคลที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 9,000 บาท อันมาจากการคำนวณรายได้สูงสุดที่เดือนละ 15,000 บาท

13. ลดหย่อนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์

          เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่เกิดขึ้นเป็นปีแรก  ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้านให้กับประชาชน สามารถซื้อบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป โดยผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท สามารถนำ 20% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ ไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งสิทธิ์การลดหย่อนส่วนนี้ จะแยกกับการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านอีกด้วย

          อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้จาก เปิด 3 มาตรการล่อใจคนซื้อบ้าน ลดค่าโอน - จำนอง เคลมภาษีได้
 

14. ลดหย่อนจากค่าเลี้ยงดูคนพิการ หรือคนทุพพลภาพ

          สามารถใช้ลดหย่อนได้สูงสุด 60,000 บาท หากเป็นผู้ที่ดูแลคนพิการตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นคนพิการซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือเป็นคนทุพพลภาพที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ 
   
           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ
 
15. ลดหย่อนจากเงินบริจาค

         การบริจาคให้กับการกุศลต่าง ๆ สามารถลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือหลังหักลดหย่อนและยกเว้นกรณีอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ไม่สามารถนำการบริจาคที่เป็นสิ่งของมาหักลดหย่อนได้ และหากต้องการลดหย่อนแบบคูณ 2 จะต้องเป็นการบริจาคเงินให้กับโรงเรียนรัฐ และโรงเรียนเอกชนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการ หรือสมาคมกีฬาที่ได้รับการอนุญาติจากการกีฬาแห่งประเทศไทยแล้วเท่านั้น เช่น บริจาคให้โรงเรียนหรือสมาคมกีฬา 15,000 บาท ก็จะสามารถหักลดหย่อนได้เป็น 30,000 บาท (15,000 x 2 = 30,000)

         ทั้งนี้ การบริจาคที่จะนำมาใช้ลดหย่อนจะต้องมีใบเสร็จรับเงินบริจาค หรือใบอนุโมทนาบัตรที่ระบุชื่อผู้บริจาคชัดเจนตรงกับชื่อ-นามสกุลของผู้เสียภาษี เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐาน และหากมีการบริจาคร่วมกันหลายคน ให้เฉลี่ยเงินบริจาคออกเป็นเท่า ๆ กันตามสัดส่วน

           รายชื่อสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนเงินบริจาค

           รายชื่อหน่วยงานกีฬาที่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาค

           รายชื่อมูลนิธิสมาคม สถานสาธารณกุศล วัดวาอาราม ที่ใช้สิทธิ์ขอหักลดหย่อนเงินบริจาค

           รายชื่อสถานสงเคราะห์ สถานพักฟื้นบำบัดและฟื้นฟูเด็ก คนชรา คนพิการ ที่สามารถลดหย่อนเงินบริจาคได้
 


16. ลดหย่อนจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ

          ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท จากทั้ง 2 เงื่อนไขรวมกันคือ

           ค่าบริการนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ (ค่าแพ็กเกจทัวร์)  อันเกิดจากการใช้บริการบริษัททัวร์ หรือบริษัทนำเที่ยว ที่จดทะเบียนกับสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

         ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนค่าเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ที่กรมสรรพากร

           ค่าบริการที่พัก จะต้องเป็นค่าที่พักกับโรงแรมที่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติโรงแรม เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ดังนั้น ค่าที่พักบางแห่งอาจจะไม่สามารถนำมาหัก เป็นค่าลดหย่อนได้ เช่น พักตาม โฮมสเตย์ หรือ บ้านพักต่าง ๆ แม้แต่บ้านพักตามอุทยานแห่งชาติ ฯลฯ เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรมตามกฎหมาย  โดยการนำหลักฐานสำคัญ คือใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงิน ที่ระบุชื่อผู้ชำระเงิน จำนวนเงิน และวันเดือนปีที่ชัดเจนมาแสดง

          ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนค่าเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ที่กรมสรรพากร

          ทั้งนี้ ค่าลดหย่อนจากการท่องเที่ยวนี้ สามารถใช้ได้ใน 2 ปีภาษีคือ ปี 2557 ที่ผ่านมา และปี 2558 ที่กำลังจะหมดไปนี้เท่านั้น จึงทำให้ช่วงเวลาที่ใช้ท่องเที่ยวและนำมาลดหย่อนภาษีได้เหลืออยู่เพียงวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2558 สำหรับการยื่นภาษีก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2559 เท่านั้น
 
          หลังจากทราบเงื่อนไขเเละหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีทั้งหมดแล้ว ผู้เสียภาษีทุกคนก็เตรียมสำรวจตัวเองได้เลยว่าเราเข้าหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีข้อใดบ้าง ทำตามหลักเกณฑ์ใดได้บ้าง และอย่าลืมตรวจเช็กเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้สำหรับแนบไปให้ครบถ้วน เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ ลดภาระการจ่ายภาษี ของทุกคนกันด้วยนะครับ สำหรับใครที่ต้องการดาวน์โหลดแบบแจ้งรายการเพื่อการหักลดหย่อนภาษี สามารถเข้าไปดูได้ที่ กรมสรรพากร
 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรมสรรพากร

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews

ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews
ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews
ที่มา http://www.gangzabaaball.com/news-details.php?item=2709

หลังจากชัยชนะอันงดงาม เชื่อว่าหลายๆคน ต่างปลื้มปิติกับชัยชนะ ASN Broker ขอนำบทสัมภาษณ์ของโค็ช ซิโก้
มาลงให้เพื่อนได้อ่านกันครับ  ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวเรือใหญ่ทีมชาติไทย หลังจาก ทัพ ช้างศึก ได้เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ไล่ต้อน ทีมชาติ ไต้หวันไปอย่างเมามัน 4 – 2 ทำให้ทัพ ช้างศึก เข้ารอบต่อไปเกือบจะแน่นอน 100 % แล้ว ณ ตอนนี้
หลังจากที่เกมการแข่งขันของทัพช้างศึกและไต้หวัน ได้จบลงด้วยสกอร์ 4 – 2 ซิโก้ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า
ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณแฟนบอลพี่น้องชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอด แต่ทีมเราเสียประตูเร็วไปหน่อยทำให้นักเตะทุกคนดูเร่งไปหมด แต่ก็ยังดีที่ทีมเราสามารถแซงนำ 2 – 1 จนทำให้เราห่วงเกมรุกซึ่งนำมาถึงการเสียประตูที่ 2
จุดเปลี่ยนของเกมนี้เราเปลี่ยน ธนา ลงมาทำให้มีทีเด็ดในช่วงท้ายเกมและ ธนา เองก็ทำได้ดี
ตอนนี้เรามองถึงแมตช์ต่อไปแล้วซึ่งแมตช์หน้าเราจะพบกับทีมชาติอิรักเพื่อเป็นที่ 1 ของสาย
โดยภาพรวมแล้วเราพอใจกับผลงานที่ออกมา   โดยเกมนัดต่อไปของทีมชุดใหญ่จะมีแข่งขันอีกที เดือน มีนาคม ปีหน้า
และหลังจากนี้นักเตะทุกคนแยกย้ายกันไป
สโมสร ของตัวเอง ส่วนตนก็จะไปดูทีม ปรีโอลิมปิก และในวันที่ 16
ก็จะเข้าไปหารือกับทีพีแอลเกี่ยวกับโปรแกรมของ
ชุดปรีโอลิมปิก และ ชุดใหญ่ และถ้าเราเข้ารอบที่ 3 ได้
ชุดใหญ่จะไปเก็บตัวที่ไหนบ้างในประเทศไทยหรือต่างประเทศ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แถลงการณ์ รพ.รามาธิบดี ฉบับที่ 3 อาการปอ ทฤษฎี สหวงษ์ #strongerpor

แถลงการณ์ รพ.รามาธิบดี ฉบับที่ 3 อาการปอ ทฤษฎี สหวงษ์ #strongerpor
แถลงการณ์ รพ.รามาธิบดี ฉบับที่ 3 อาการปอ ทฤษฎี สหวงษ์ #strongerpor

แถลงการณ์ รพ.รามาธิบดี ฉบับที่ 3 อาการปอ ทฤษฎี สหวงษ์ #strongerpor

ความคืบหน้าอาการป่วยจากไข้เลือดออกของนายทฤษฏี สหวงศ์(ปอ)

อาการโดยทั่วไปยังมีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอดอยู่ ต้องได้รับเลือดและส่วนประกอบของเลือดเป็นระยะ
และยังมีภาวะ infection-associated hemophagocytic syndrome
(IAHS)

สัญญาณชีพโดยทั่วไปคงที่มากขึ้น การทำงานของตับดีขึ้น ภาวะไตวายคงที่ ยังต้องใช้เครื่องฟอกไต
และเครื่องพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ
(Extracorporeal Membrane Oxygenator:ECMO)อย่างต่อเนื่อง

ค่าออกซิเจนในเลือด เกลือแร่ และความเป็นกรดในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ การทำงานของสมอง
อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผลตรวจไข้เลือดออกพบเป็นเชื้อไข้เลือดออกชนิดที่2 (Dengue Type2)
ยังไม่พบการติดเชื้อแทรกซ้อนเพิ่มเติมขึ้น

โดยสรุป ผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะวิกฤติ และยังคงต้องได้รับการเฝ้าระวังใน CCU อย่างต่อเนื่อง
ASN Broker ขอเอาใจช่วยด้วยคนครับ

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ (ปิดถนน) ครม.ไม่ประกาศให้วันที่ 11 ธ.ค.เป็นวันหยุด #MorningNews #เรื่องเล่าเช้านี้

จัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ (ปิดถนน) ครม.ไม่ประกาศให้วันที่ 11 ธ.ค.เป็นวันหยุด #MorningNews #เรื่องเล่าเช้านี้
จัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ (ปิดถนน) ครม.ไม่ประกาศให้วันที่ 11 ธ.ค.เป็นวันหยุด #MorningNews #เรื่องเล่าเช้านี้

อัพเดทความเคลื่อนไหว กิจกรรมที่หลายคนรอคอยรวมทั้ง ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) ด้วย ล่าสุด.
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือเพื่อพิจารณาประกาศให้วันที่ 11 ธ.ค.
ซึ่งเป็นวันจัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD เป็นวันหยุดราชการ โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นวันหยุด
เพราะวันหยุดมีมากแล้ว แต่อาจขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ เป็นการเฉพาะไป

สำหรับบรรยากาศการลงทะเบียนร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อวันสุดท้ายเป็นไปอย่างคึกคัก
ประชาชนต่างทยอยซื้อรถจักรยานและเสื้อสีเหลืองเพื่อสวมใส่ในกิจกรรมกันอย่างหลากหลาย

นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า มีผู้ลงทะเบียนทั่วประเทศกว่า 6 แสนราย
โดยจะไม่ขยายวันลงทะเบียนออกไปอีกแน่นอน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย
เพราะมีคนร่วมงานจำนวนมาก และเส้นทางการจราจรจะติดขัด จึงต้องดูแลอำนวยความสะดวกให้ประชาชน
และทำให้กิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างสมพระเกียรติ

นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การเปิดรับลงทะเบียนในกิจกรรม “BIKE FOR DAD ปั่นเพื่อพ่อ"
ในส่วนภูมิภาค เมื่อวานนี้ เป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียน มีผู้มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 456,738 คน เป็นชาย 255,561 คน
เป็นหญิง 200,105 คน  โดยจังหวัดที่มียอดลงทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 
จังหวัดนครราชสีมา  28,881 คน 
สกลนคร  15,446  คน
สงขลา  12,498 คน
ชัยนาท 11,922 คน
และ เชียงใหม่  11,592 คน  (ข้อมูล ณ วันที่ 10 พ.ย.58 เวลา 15.30 น.)
ทั้งนี้ มีหลายจังหวัดได้มีการซ้อมปั่นจักรยานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย
รถจักรยาน และสำรวจเส้นทางปั่นจักรยาน “เส้นทางสิริมงคล” ระยะทางเฉลี่ย 29 กิโลเมตร
ซึ่งทุกจังหวัดได้กำหนดเส้นทางของขบวนจักรยานผ่านสถานที่มงคลของจังหวัด ได้แก่
สถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน โครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และสถานที่มงคล หรือสถานสำคัญของจังหวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
นายกฤษดา กล่าวว่า  กระทรวงมหาดไทยจึงขอเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม "BIKE FOR DAD ปั่นเพื่อพ่อ"
และร่วมปั่นจักรยานบนเส้นทางสิริมงคล ในวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
และร่วมแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพ่อและพ่อของแผ่นดินโดยพร้อมเพรียงกัน
ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาเส้นทางปั่นจักรยานเส้นทางสิริมงคล และรายละเอียดการจัดกิจกรรม
ได้ที่เว็บไซต์ www.bikefordad2015.moi.go.th

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ด่วน เกิดเหตุไฟไหม้ #Terminal21 เรียงลำดับเหตุการณ์ จนประกาศ ห้างปิดจนถึง17.00 น 10พย58

ด่วน เกิดเหตุไฟไหม้ #Terminal21 ห้างปิดจนถึง17.00 น
ด่วน เกิดเหตุไฟไหม้ #Terminal21 เรียงลำดับเหตุการณ์ จนประกาศ ห้างปิดจนถึง17.00 น
วันที่ 10 พ.ย.58 เกิดเหตุไฟไหม้ ห้างสรรพสินค้า Terminal21 
โดยเวลา 11.30 โดยประมาณ เกิดเหตุไฟไหม้ ที่ห้าง Terminal21 โดย ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) ขอนำเหตุการ์ณมาเรียงลำดับ
และรายงานล่าสุดดังนี้ครับ
ภาพลิงค์ที่แปะไว้
หลังจากนั้น ทางห้างได้อพยพคนและปิดตึกห้างสรรพสินค้าเป็นการด่วน
ภาพลิงค์ที่แปะไว้

ภาพลิงค์ที่แปะไว้

รถคันนี้เค้าบอกว่าเติมน้ำมัน e85 e20 gasohol95 ได้ ทีนี้จะเติมอันไหนดี #เรื่องเล่าเช้านี้ #Pantip

รถคันนี้เค้าบอกว่าเติมน้ำมัน e85 e20 gasohol95 ได้ ทีนี้จะเติมอันไหนดี #เรื่องเล่าเช้านี้ #Pantip
รถคันนี้เค้าบอกว่าเติมน้ำมัน e85 e20 gasohol95 ได้ ทีนี้จะเติมอันไหนดี #เรื่องเล่าเช้านี้ #Pantip

เจ้าของล็อคอินนามว่า สมาชิกหมายเลข 1164205  ได้แชร์ความรู้การเติมน้ำมันรถ แบบไหนดีและคุ้มค่า ในบอร์ดดังพันทิป
ASN Broker จึงอยากขอนำมาให้ความรู้ทางด้านความคุ้มค่ากับทางด้านการเติมน้ำมันรถยนต์ ของเราๆท่านๆกันครับ
สวัสดีครับ  จะกล่าวถึงการเติมน้ำมันรถยนต์ครับ ว่าเติมน้ำมันชนิดไหนดี

สืบเนื่องมาจากว่า ผมซื้อรถมาใหม่ เอาจริงๆก็เริ่มไม่ใหม่แล้ว เป็นรถอะไรไม่พูดนะครับ ประมาณครึ่งปี ประเด็นมันเริ่มเกิดตรงที่ รถคันนี้เค้าบอกว่าเติมน้ำมัน e85 e20 gasohol95 ได้ ทีนี้จะเติมอันไหนดี
เลยเกิดความสงสัย พอดีงานที่ทำก็จดน้ำมันทุกวันอยู่แล้ว ก็เลยเริ่มจดน้ำมัน ระยะทางที่รถวิ่งได้ มาลองคำนวนดูเล่นๆว่าอะไรคุ้มสุด
เริ่มจดตั้งแต่ปลายเดือน พฤษภาคม จนถึงตอนนี้ ก็ประมานเกือบๆ ครึ่งปี
โดยผมจะเติมน้ำมันแบบละเดือน เช่นเดือน มิถุนา เติม95 เดือนกรกฎา เติมe20 เดือนสิงหาเติมe85
แล้วก็จะมีกฎเล็กน้อย ไม่รุทางการทดลองเค้าเรียก ตัวแปรควบคุมปล่าว คือ
จะเติมเต็มถังนะครับทุกครั้ง แล้วก็ขับจนรูปปั้มน้ำมันขึ้นสีแดงตรงหน้าปัดก็จดระยะทางที่วิ่งได้ตรงนั้น
เรื่องความเร็วผมassumeว่าขับทั้งเดือนพอๆกัน ผมขับไปทำงานจากบ้านค่อนข้างไกล เดือนนืงเติมน้ำมันประมาณ 5 ครั้ง
สุดท้ายก้เอามาเฉลี่ยทั้งหมด
คำนวนไปคำนวนมาตัวเลขที่ได้คือ เฉลี่ย
95  14.3 กิโล/ลิตร
e20 13.56กิโล/ลิตร
e85 11.31กิโล/ลิตร
(วิธีการคิดละเอียดผมไม่กล่าวถึงนะครับ)

ตัวเลขที่ออกมา เราสรุปได้ว่า น้ำมันยิ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เยอะขึ้น ใน1ลิตร จะวิ่งได้ระยะทางน้อยลง นั้นคือกินน้ำมันมากขึ้น แต่ว่ายิ่งผสมมากราคาน้ำมันยิ่งถูกลง ดังนั้นผมเลยเอาราคาน้ำมันมาคิดคำนวนด้วย

แต่สุดท้ายหน่วยที่ชอบ พูดๆกัน กิโล/ลิตร มันอาจจะดูงงๆหน่อย ว่าน้ำมันอะไรคุ้มสุด
ประเด็นหลักอยุ่หลังจากนี้ครับ
ผมลองเปลี่ยนมาเป็นหน่วย บาท/กิโล คือรถแล่นไป1กิโลเนี้ย เราเสียตังกี่บาท
ง่ายๆเลย เราขับไป1กิโลเนี้ย น้ำมันแต่ละแบบ เราต้องจ่ายตังเท่าไหร่
พอมีเรื่องราคาเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มีคำถามราคาน้ำมัน มันขึ้นๆลงๆ  ขึ้นลงก็ไม่พร้อมกันอีก 95ลด 50สตางค์ e20ลง20สตรางค์ e85ไม่ลงบ้าง

ผมก็เข้ากูเกิ้ลหาราคาน้ำมันย้อนหลังแล้วลองพลอตกราฟดู ทีนี้ได้เรื่องเลย
(ref. http://www.pttplc.com/TH/Media-Center/Oil-Price/pages/Bangkok-Oil-Price.aspx

(assume อัตราสิ้นเปลืองเป็นค่าคงที่ใช้ตามค่าเฉลี่ยนตามตัวเลขที่หาได้ข้างบน)

อธิบายกราฟ ก่อนครับ
สีน้ำเงินคือ น้ำมันgasohol95
สีแดงคือ e20
สีเขียวคือe85

ลากเส้นในแนวดิ่งขึ้นไปจากวันที่ข้างล่าง คือ อัตราสิ้นเปลืองเป็นบาท(รถผมนะครับ) ถ้าอยู่สูงก็แปลว่าแพง อยู่ต่ำก็ถูก
ยกตัวอย่างเช่น วันที่3/1/2015 ถ้าใช้น้ำมัน95 ก็อัตราอยู่ที่ 2.06บาทต่อ 1 กิโลเมตรที่ขับ /e20 1.93บาท ต่อ 1 กิโลเมตรที่ขับ/ e85 1.97บาทต่อ 1 กิโลเมตรที่ขับ

ครับจากกราฟ สรุปได้ว่าอะไรบ้าง (เหมือนการบ้านวิชาเลขตอนประถม เพิ่งรู้ว่ามีประโยชน์)

1 กราฟที่อยู่สูง คือ มีอัตราสิ้นเปลืองมาก
2 กราฟเส้นสีแดง(e20) shift ลงมาจากเพื่อน แปลว่าเส้นสีแดงมีอัตราสิ้นเปลืองน้อยที่สุด เกือบจะตลอดทั้งปี
3 กราฟสีน้ำเงินกับสีเขียวสลับกันขึ้นๆลงๆ แปลได้ว่า ราคาน้ำมันที่ขึ้นลง บางที95ลงแต่ e85ไม่ลงหรือลงน้อย ทำให้ในบางช่วงเวลาเติม 95ประหยัดกว่า e85 และบางครั้ง เติมe85ประหยัดกว่า95
4 เส้นของกราฟสีแดงกับสีน้ำเงิน คล้ายกันเกือบตลอด แสดงว่า เมื่อ95มีการปรับราคา e20 ก็ปรับราคาในอัตราส่วนเดิมตลอด
5 ช่วง1-2เดือนมานี้ e85 ปรับลดลงมากระทันหัน(ลง2บาทจากเวปref.ข้างบน) ทำให้การใช้e85 ประหยัดกว่า 95 และพอๆกับe20

สรุปรวมทั้งหมดสิ่งที่ได้จากการศึกษานะครับ
น้ำมันทั้งหมด อัตราสิ้นเปลืองต่อกิโลเมตรต่างกัน ไม่เกิน0.1 นั้นคือ ถ้าปีนืงผมขับไป 50000กิโล ความแตกต่างของค่าน้ำมันก็ต่างกันไม่เกิน 5000 ก็เลือกกันเองครับว่าจะเติมอันไหน เรื่องน้ำมันแต่ละแบบมีคุณสมบัติต่างกันยังไง อันนี้ผมก้ขอไม่พูด(เพราะไม่รู้ 55)
ส่วน e85 จริงๆแล้วราคาต่อลิตรถูกกว่าแต่เมื่อเทือบราคาต่อระยะทางแล้วไม่ได้ประหยัดไปกว่า น้ำมันอื่นๆเลย ผมก็ไม่รุ้จะเติม alcoholใส่รถผมเยอะๆทำไม ในเมื่อมันไม่ได้ประหยัดกว่า e20 เลย


สุดท้ายผลการเปรียบเทียบนี้ assume อัตราสิ้นเปลืองคงที่จากด้านบน เป็นค่าคงที่ มาจากการคิดคำนวนของผมเองอาจผิดพลาดไปบ้าง อัตราสิ้นเปลืองของรถท่านก็ลองไปคิดกันเองนะครับ แต่ราคาน้ำมันก็เอามาจากปตท. ก้น่าจะเชื่อได้
ท้ายที่สุด ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยครับ ผมคิดออกมาเล่นๆ แล้วเห็นว่า(อาจจะ)มีประโยชน์สำหรับคนเลือกใช้น้ำมันก็เลยอยากแบ่งบัน

edit

อ่านคอมเม้นแล้วครับจึงไปทำกราฟให้ช่วงเวลาปี2557  ปีที่แล้วที่ราคาน้ำมันสูงอยู่ ผลลัพธ์ตามกราฟนะครับ (จริงผมเพิ่งจะเริ่มเติมน้ำมันปีนี้เองจึงพลาดไปไม่ได้เอาปีก่อนมาคิด)

เห็นได้ว่า  ในช่วงที่ราคาน้ำมันสูง น้ำมัน e85 เติมแล้วประหยัดที่สุด แต่ตั้งแต่ช่วงหลังจาก มิย 57 ไล่มา ราคน้ำมันลงมาเรื่อยๆ แต่ e85 ราคาแทบจะคงที่ ทำให้ถึงจุดๆหนึ่ง  e85 แพงกว่าแบบอื่น
แล้วเปรียบเทียบช่วงน้ำมันแพง จะเห็นว่ากราฟแต่ละเส้น อยู่ห่างกันมากเทียบกัน ณ เวลานี้ แปลว่า ช่วงน้ำมันแพง การเลือกน้ำมันนี้จะมีผล ต่อเงินในกระเป๋าชัดเจนกว่าตอนนี้มากครับ


ผมขอสรุปกระทู้นี้ใหม่แบบสั้นๆง่ายๆใหม่นะครับ อ่านคอมเม้นแล้วรุ้สึกว่าบางท่านไม่เข้าใจที่ผมจะสื่อหรือผมอธิบายไม่เคลียไม่รุ้
ประเด็นหลักครับ
1 อัตราการกินน้ำมัน km/l ของรถคันหนึ่งเนี้ย ผมเฉลี่ย ออกมาเป็นค่าคงที่ค่านืง
2 สิ่งที่ขึ้นลงคือราคาน้ำมัน ส่งผลให้
3 ณ เวลา เวลาหนึ่ง เติมน้ำมันแบบไหน ประหยัดค่าน้ำมันที่สุด ออกมาในหน่วย บาท/กิโลเมตร
ที่มา http://pantip.com/topic/34407799

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาษีรถยนต์ใหม่ เริ่มใช้ปี 59 เรื่องที่คนเตรียมถอยรถป้ายแดงควรรู้ #ยกทัพข่าวเช้า #เรื่องเล่าเช้านี้

ภาษีรถยนต์ใหม่ เริ่มใช้ปี 59 เรื่องที่คนเตรียมถอยรถป้ายแดงควรรู้
ภาษีรถยนต์ใหม่ เริ่มใช้ปี 59 เรื่องที่คนเตรียมถอยรถป้ายแดงควรรู้ 

ภาษีรถยนต์ใหม่ เริ่มใช้ปี 59 เรื่องที่คนเตรียมถอยรถป้ายแดงควรรู้ 
ที่มา http://www.smartsme.tv/lifestyle-detail.php?id=18543
        ภาษี รถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2559 ทำให้คนที่กำลังคิดจะ ซื้อรถ ต้องนั่งคำนวณตัวเลขกันวุ่นกับภาษีที่ต้องเสียเพิ่มขึ้น
แต่งานนี้ Eco Car ได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะได้ลดภาษี !!

        ใครที่กำลังวางแผนซื้อรถใหม่ในช่วงปี 2559 เตรียมเก็บเงินเพิ่มได้เลย เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
รัฐบาลจะทำการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากเห็นว่า
การจัดเก็บภาษีในอัตราเดิมนั้นมีการบิดเบือนโครงสร้างทางภาษีสรรพสามิต และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์
จึงได้มีการคลอดเกณฑ์การจัดเก็บภาษีรถยนต์แบบใหม่ โดยพิจารณาจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ด้วยหวังจะลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศนั่นเอง

        งานนี้เหล่าผู้ที่กำลังจะควักกระเป๋าซื้อรถประเภทอีโคคาร์ ดูเหมือนจะได้รับอานิสงส์จากภาษีใหม่ไปเต็ม ๆ
เพราะเป็นรถประเภทที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่ไม่สูงมาก ทำให้อัตราการเก็บภาษีลดลงไปโดยปริยาย ขณะที่รถยนต์ประเภทอื่นๆ
ที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่สูง ก็เตรียมก้มหน้ารับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นตามปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาได้เลย
ซึ่งแบ่งเป็นการคิดภาษีตามประเภทรถยนต์และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนี้
       จากตารางที่แสดงอยู่ด้านบนทางด้านกรมสรรพสามิตแบ่งแยกรถยนต์อย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สามารถจำแยกเครื่องยนต์ออกไปอย่างละเอียดได้
อัตราภาษีจะอย่างในช่วง 10% จนไปถึง 50% เลยทีเดียว เราจะมาแบ่งแยกให้ชัดเจนเพื่อทำควมเข้าใจกับระบบการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่กัน
โดยจะแบ่งออกเป็น 8 ประเภท
1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)
 
เก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี ภาษีขึ้น 3-10 %
       รถยนต์นั่งในพิกัดนี้ ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น
ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย
       ในอัตราภาษีเดิม รถยนต์ซับคอมแพคท์ ที่รองรับน้ำมันE20เช่น โตโยตา วีออส, เชฟโรเลต์ โซนิค, ฟอร์ด ฟิเอสตา
จะเสีย25%แต่อัตราใหม่ รถเหล่านี้ถ้าปล่อยCO2 ไม่เกิน150กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น30%
ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม
       รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 เช่น โตโยตา อัลทิส (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี),
ฮอนดา ซีวิค, เชฟโรเลต์ ครูซ (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), มาซดา 3 อัตราเดิมเสีย 22 % ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2
ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 % ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 %
ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย
       รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เช่น โตโยตา แคมรี, ฮอนดา แอคคอร์ด,
ฮอนดา ซีอาร์วี, นิสสัน เทอานา, มาซดา ซีเอกซ์-5 ฯลฯ มีทั้งรุ่นที่รองรับน้ำมัน E20 และ E85 ซึ่งถูกคิดภาษีอยู่ที่ 25 %
และ 22 % ตามลำดับ รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่
ดังนั้น จะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ
       นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน
ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสีย

เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี ภาษีแพงขึ้น
       ในพิกัดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งและเอสยูวีขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมบางรุ่น  ซึ่งเดิมเสียภาษี 30%และ27%
ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85 ซึ่งเท่าที่สำรวจรถในตลาด พบว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับนี้ จะปล่อยไอเสีย 151-200
กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 % สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85
2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)
3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
– ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้ จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 14%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 17%
5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
       รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV) ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 3,250 ซีซี จากเดิมเสียภาษี 20 % ทุกรุ่น ในอัตราใหม่จะเพิ่มเป็น 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร และ 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น
       จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่ารถยนต์ประเภทอีโคคาร์นั้นมาราคาถูกลง ซึ่งเป็นนโยบายที่ทางกรมสรรพสามิตต้องการสนับรถยนต์ประหยัดพลังงานและรักษ์โลกโดยจะปล่อยก๊าซ CO² ต่ำกว่า 100 g/km
สรุป : ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
       อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย3-10%อย่างไรก็ตาม
ภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน