วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ประกาศตรึงราคา vat7% มีผล 1ต.ค.58 ถึง 30 ก.ย.59 #เรื่องเล่าเช้านี้

ประกาศตรึงราคา vat7% มีผล 1ต.ค.58 ถึง 30 ก.ย.59 #เรื่องเล่าเช้านี้
ประกาศตรึงราคา vat7% มีผล 1ต.ค.58 ถึง 30 ก.ย.59 #เรื่องเล่าเช้านี้

ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศ ตรึงราคา Vat7% โดยให้มีผล ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม58ถึง30กันยายน59

อ้างอิงจาก พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า“พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ฉบับที่ ๕๙๒) พ.ศ.๒๕๕๘” โดยทั้งนี้ประกาศยังระบุให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๒/๒๕๕๗
เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

โดยท้ายประกาศระบุว่าจะปรับVat9%คงเดิมเป็นสําหรับการขายสินค้าการให้บริการหรือการนําเข้าทุกกรณีซึ่งความรับผิด
ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่๑ตุลาคมพ.ศ.๒๕๕๙เป็นต้นไป

ASNBroker(ประกันภัยรถยนต์)ขอสรุปให้นะครับ ประกาศฉบับนี้คือตรึงราคาVat7%เดิมเพิ่มอีก1ปีครับ

ที่มา http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/093/1.PDF

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

กทพ.เตรียมเพิ่มกล้องจับความเร็วเส้นทางออกนอกเมือง เผยกล้องบนทางด่วนพบผู้กระทำผิดเดือนละกว่าพันราย

กทพ.เตรียมเพิ่มกล้องจับความเร็วเส้นทางออกนอกเมือง เผยกล้องบนทางด่วนพบผู้กระทำผิดเดือนละกว่าพันราย
กทพ.เตรียมเพิ่มกล้องจับความเร็วเส้นทางออกนอกเมือง เผยกล้องบนทางด่วนพบผู้กระทำผิดเดือนละกว่าพันราย

เมื่อวันที่27 ก.ย.นายอัยณัฐ ถินอภัยผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)กล่าวว่า 
ขณะนี้กทพ.โครงการจะขยายจุดติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วในถนนกาญจนาภิเษกทางพิเศษอุดรรัถยา
ซึ่งเป็นเส้นทางออกนอกเมืองเพื่อลดความเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จากปัจจุบันที่มีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วบนทางด่วนจำนวน 13 ตัว

กล้องที่ติดตั้งบนทางด่วนในปัจจุบันแบ่งเป็นติดตั้งบนทางด่วนเฉลิมมหานคร2ตัว
ทางพิเศษฉลองรัช5ตัว ทางด่วนพิเศษบูรพาวิถี3ตัวและทางพิเศษศรีรัช3ตัว
โดยจะติดตั้งตามทางแยกและทางโค้งจุดเสี่ยงรวมทั้งจะมีการย้ายจุดติดตั้งทุกเดือนๆ
เพื่อให้สามารถตรวจจับได้อย่างทั่วถึงซึ่งกทพ.ได้กำหนดความเร็วไว้ที่110กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยหากตรวจพบว่ารถที่วิ่งมามีความเกินกว่ากฎหมายกำหนดในรัศมี100เมตรจากจุดที่ติดตั้ง
ระบบกล้องก็จะทำการบันทึกทะเบียนรถที่กระทำผิดทันที

ทั้งนี้แต่ละเดือนพบว่ามีผู้กระทำผิดขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดกว่า1,000ราย
ซึ่งกทพ.ได้ส่งข้อมูลให้แก่ตำรวจจราจรเพื่อทำการออกใบสั่งให้มาชำระค่าปรับ

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ตามหาเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ เหตุเกิดที่ลานจอดรถห้าง #pantip

ตามหาเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ เหตุเกิดที่ลานจอดรถห้าง #pantip
ตามหาเจ้าของลายมือในกระดาษแผ่นนี้ เหตุเกิดที่ลานจอดรถห้าง #pantip

จขกท.นามล็อคอิน โจ๊กหมูใส่ไข่ใส่ผักไม่ใส่ขิง ตั้งกระทู้ตามหา เจ้าของกระดาษ เพื่อขอโทษและชี้แจง
ASN Broker (ประกันภัยรถยนต์)คิดว่าเป็นอุทาหรณ์ สำหรับการจอดรถในที่สาธารณะ จนกลายเป็นปัญหาขึ้นมา
***********************************************
ตามชื่อกระทู้เลยค่ะ ลานจอดรถชั้น 2 ครึ่ง
ขอตามหาเจ้าของลายมือกระดาษแผ่นนี้



อย่างแรก อยากขอโทษเจ้าของรถค่ะ ที่จอดรถไปเกยฝั่งคุณจริงๆ
ซึ่งทางตัวเราเองก็ผิดที่ไม่ดูให้ดีก่อนว่ามันชิดขนาดไหน พอดีมีธุระ เห็นว่าจอดได้
แม้จะยากหน่อยเลยรีบลงรถไปค่ะ

แต่

อยากให้เจ้าของรถช่วยดูนิดนึงว่า เราก็โดนเบียดมาก่อนตั้งแต่จะจอดค่ะ คือก่อนมาจอดเนี่ย
ไม่ได้ดูซองด้วยว่ามันค่อนข้างแคบ เนื่องจาดรถด้านข้างใหญ่ค่ะ ตามภาพนี้



[ขอโทษเจ้าของรถคันนี้ด้วยนะคะ ที่ติดมาในกระทู้นี้ด้วย
ถ้ายังไงเจ้าตัวมาแล้วรู้สึกไม่พอใจ หลังไมค์มาให้เราลบได้เลยค่ะ]

จากรูปด้านบน นี่คือรถคันด้านข้างก็เกยมาขนาดนี้แล้ว เราก็ถอยเข้าซองตามปกติ
และพอเราจอด มันก็เลยเกยมาแบบนี้


ปล. คิดว่ารถทางด้านขวาน่าจะพึ่งเข้ามาจอดใหม่ค่ะ ไม่ใช่คู่กรณี


ตามที่กล่าวไปข้างต้น เราไม่ได้อยากเบียดเบียนคุณนะคะ แต่คือเราก็โดนเบียดช่องมาเหมือนกัน
และเราก็คิดว่า รถเขาใหญ่ จะให้ทำไงหละ ให้เราไปด่าเขาหรอ - - หรือให้ไปประกาศตามหาเจ้าของให้
มาจอดให้ชิดซองกว่านี้ ก็ไม่ใช่

จริงๆคิดว่ามันควรจะถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่านี้

ถ้าคุณมาเห็นแล้วยังไม่พอใจอะไร หรืออยากต่อว่าอะไรเรา หลังไมค์มาได้เลยค่ะ
ขอโทษ และขอบคุณค่ะ ต่อไปจะระวังมากกว่านี้

----------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติมค่ะ เนื่องจากบางคห. อาจจะไม่เห็น อยากรบกวนให้อ่าน คห 27 ด้วยนะคะ ; _____ ;
จากหลายๆความเห็น จขกท ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
ที่ไม่รอบคอบ และไม่นึกถึงอีกฝั่ง

ในเหตุการนี้คือ เราเห็นซองว่างเลยรีบเข้าจอด
ไม่ได้มีเจตนาว่า ฝั่งเราออกสบาย ฝั่งนู้นช่างมัน
แต่คือ ไม่คิดเลยว่ามันชิด เพราะไม่รู้ตัวว่ากระบะ
กินเส้นแบ่งมาแต่แรก พอจอดได้
ก็ไม่ได้ลงมาตรวจสอบอีกฝั่ง เพราะรีบ+ติดนิสัยขับรถคนเดียว
ไม่มีคนนั่ง
ขอรับผิดจริงๆค่ะ ต่อไปจะระวังมากกว่านี้ จอดเสร็จ
ต้องดูรอบๆคัน

ขอบคุณทุกๆความเห็นที่เข้าใจและหวังดีค่ะ ยิ้ม
******************************************
ถือว่าเป็นกระทู้ที่ช่วยเตือนใจคนที่ชอบ จอดรถโดยไม่คิดถึงผู้อื่น จนทำให้เกิดปัญหาตามมา ของบุคคลที่สองสาม
การใช้พื้นที่สาธารณะใจเขาใจเรา ก็อย่าเบียดเบียนกันเลยครับ ........
ที่มา http://pantip.com/topic/34223917

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ทำอย่างไร เมื่อน้ำมันแต่ละชนิดหยด #เรื่องเล่าเช้านี้ #pantip

ทำอย่างไร เมื่อน้ำมันแต่ละชนิดหยด #เรื่องเล่าเช้านี้ #pantip

ทำอย่างไร เมื่อน้ำมันแต่ละชนิดหยด #เรื่องเล่าเช้านี้ #pantip

จากหนังสือยานยนต์ฉบับที่ 431 ประจำเดือน เมษายน 2545
ASN Broker ขอนำมาแชร์เพื่อประโยชน์แก้ผู้ใช้รถทุกท่าน พวกรถใหม่มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของน้ำมันหยดน้ำมันซึม (แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ) ต่างกับพวกรถเก่าอายุเยอะ เมื่อเปิดฝากระโปรงรถมักจะเห็นห้องเครื่องเขรอะไปหมด ซึ่งเกิดจากมีน้ำมันรั่วซึมออกมาแล้วมีฝุ่นมาเกาะอันที่จริงแล้วก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเมื่อรถวิ่งจะมีไอน้ำมันหยดเลอะเทอะ ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวเครื่องหรือหยดลงบนพื้นก็ตาม การปล่อยปละละเลยทำเป็นไม่ในใจอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ คราวนี้จุดที่น้ำมันหยดมีอยู่หลายจุด แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นน้ำมันอะไร รั่วซึมมาจากไหน มีอันตรายหรือเปล่า และที่สำคัญค่าซ่อมแพงแค่ไหน

น้ำมันเชื้อเพลิง

ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบก่อนว่าเจ้าหยดน้ำมันที่เราเห้นนั้นมันเป็นน้ำมันอะไร ซึ่งเราจะดูได้จากสี กลิ่น และการสัมผัส อย่างพวกน้ำมันเบ็นซินหรือดีเซล อันนี้จะได้กลิ่นชัดซึ่งคิดว่าคงจะจำกลิ่นกันได้อยู่แล้ว เจ้าน้ำมันเบ็นซินถึงจะมีคุณสมบัติระเหยตัวเร็วจะกระทั่งไมแนน้ำมันหยด แต่กลิ่นของมันจะอยู่นาน ถ้าเห็นน้ำมันหยดหรือเพียงแค่ได้กลิ่นของน้ำมันดีเซลหรือเบ็นซินในห้องเครื่อง มันก็เป็นการแสดงให้ทราบว่ามีการรั่วไหลของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงดังนั้นจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ต้องรีบนำรถไปให้ช่างตรวจเช็คทันที มิฉะนั้นรถอาจเกิดไฟไหม้ขึ้นมาแล้วจะยุ่ง

น้ำมันพาวเวอร์

น้ำมันอีกอย่างที่มีใช้ในรถคือ น้ำมันเพาเวอร์ มีลักษณะใสกว่าน้ำมันเครื่อง แต่เหนียวข้นกว่าน้ำมันคลัทช์น้ำมันเบรคเล็กน้อย และมีกลิ่นเฉพาะตัวของมันอยู่ พวกรถที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ เป็นไปได้ว่าน้ำมันนี้อาจรั่วซึมมาจากชุดเพาเวอร์พวงมาลัย หรือชุดเกียร์อัตโนมัติ ลำพังชุดเกียร์อัตโนมัถ้าจอดทิ้งไว้นานพอสมควร อาจมีการหยดของน้ำมันให้เห็นกันได้บ้างนิดหน่อย อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ข้อสำคัญมันเป็นเพียงแค่การหยดไม่ใช่ไหลนองพื้น ส่วนระบบเพาเวอร์พวงมาลัยไม่สมควรมีการรั่วซึม หากพบว่ามีการรั่วซึมของเพาเวอร์พวงมาลัย ก็ต้องหาเวลาไปเจอช่างส่วนพวกรถเกียร์ธรรมดาเจอน้ำมันเพาเวอร์หยด แสดงว่ามาจากชุดพวงมาลัยเพาเวอร์แน่นอน ยกเว้นพวงมาลัยเกียร์ธรรมดาและใช้ระบบพวงมาลัยธรรมดาไม่มีเพาเวอร์หยดอยู่บนพื้นใต้ท้องรถ แบบนี้สบายใจได้เพราะต้องเป็นน้ำมันจากรถคันอื่นแน่นอน

น้ำมันเบรคและน้ำมันคลัทช์
ส่วนกรณีที่พบว่ามีน้ำมันเบรคหยดในรถหรือบนพื้น รวมทั้งน้ำมันคลัทช์สำหรับรถที่ใช้ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา และใช้ระบบคลัทช์น้ำมันที่ไม่ได้ใช้คลัทช์สาย ทั้งน้ำมันเบรคและน้ำมันคลัทช์จะใช้เหมือนกัน โดยเฉพาะรถบางรุ่นใช้กระปุกน้ำมันใบเดียวกันด้วยซ้ำ แล้วต่อสายไปว่าจะใช้กับเบรคหรือใช้กับคลัทช์ งานนี้ก่อนอื่นควรตรวจสอบก่อนว่าใช่น้ำมันเบรคหรือเปล่า โดยการดมกลิ่นแต่ถ้าไม่รู้ว่ากลิ่นมันเป็นอย่างไร ก็เปรียบเทียบกับน้ำมันเบรคในกระปุกก็ได้ หรือให้ทดลองใช้น้ำราดลงไป ถ้าเป็นน้ำมันเบรคมันจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทันที

น้ำมันเครื่อง

พวกที่เจอกันบ่อยน่าจะเป็นเรื่องการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีจุดรั่วซึมอยู่เยอะเหมือนกัน ถ้าพบว่ามีคราบน้ำมันเกาะอยู่ตามเสื้อเครื่องยนต์หรือหยดลงบริเวณพื้น ประการแรกน่าจะทำความสะอาดภายนอกเครื่องยนต์กันก่อน จะได้เห็นร่องรอยการรั่วซึมได้ง่ายขึ้น ว่ามันรั่วมาจากส่วนไหนกันแน่

ฝาครอบวาล์ว

ส่วนของฝาครอบวาล์วนื้มีจุดให้น้ำมันซึมได้หลายที่ด้วยกันต้องคอยสังเกตดูจากรอยเปรอะเปื้อนว่าอยู่ตรงไหน

-ท่อหายใจ

อันนี้จะอยู่บนฝาครอบวาล์ว แล้วทำเป็นท่อหรือสายต่อไปยังหม้อกรองอากาศ เพื่อเอาไอไปยังหม้อกรองอากาศ เพื่อเอาไปน้ำมันเครื่องส่งเข้าไปเผาไหม้อีกครั้งเป็นการลดมลภาวะ แต่คนบ้านเรามักมีความคิดริเริ่มที่แสนดี เพียงแต่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม นิยมเอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง พวกรถที่มีอายุการใช้งานเยอะ เครื่องยนต์เริ่มหลวม จะเกิดไอน้ำมันเครื่องเยอะกว่าปกติ เมื่อต่อเข้าไปในไส้กรองจะทำให้ไส้กรองอุดตันเร็ว จากคราบน้ำมันเครื่องไปเกาะตามไส้กรองพวกก็เลยเล่นง่ายๆ โดยการเปลี่ยนทิศทางของท่อทางเดินหรือสายไอน้ำมันเครื่อง ถอดจากไส้กรองอากาศเอามาเป่าลงพื้นแทน ไส้กรองอากาศก็ไม่สกปรกอุดตันช้า แต่ไอน้ำมันเครื่องจะไปสร้างมลภาวะอย่างไรไม่รู้และไม่สนใจ

ถ้าพบว่ามีคราบน้ำมันเครื่องมาจากท่อหายใจ เป็นไปได้ว่าตัวยึดท่ออาจหลุดหลวมคลายตัว ท่อชำรุดเสื่อมสภาพมีรอยแตกและบางทีอาจเป็นที่ปลอกวาล์วหลวม ยางตีนวาล์วเสื่อมสภาพ หรือเครื่องหลวมมากแล้ว แบบนี้ไม่ควรทนใช้น่าจะยกเครื่องไปเลยดีกว่า เพราะจะช้าหรือเร็วก็ต้องทำอยู่ดี

-ฝาปิดช่องเติน้ำมันเครื่อง สำหรับปิดกั้นไม่ให้ไอน้ำมันเครื่องและน้ำมันเครื่องกระเซ็นออกมา เมื่อพบว่ามีคราบน้ำมันเครื่องเกาะอยู่แถวฝาปิดก็แสดงว่ามันมีปัญหาแล้ว อย่างเช่น บางครั้งช่างได้เปลี่ยนถ่ายและเติมน้ำมันเครื่อง แล้วอีตอนปิดฝาหมุนไม่แน่น หรือเวลาขับรถมีการสั่นสะเทือนฝาปิดอาจคลายตัว และอีกกรณีเกิดขึ้นจากตัวฝาปิดชำรุด โดยเฉพาะส่วนของปะเก็น ซึ่งสามารถจะซื้อหามาเปลี่ยนหรือตัดเองก็ได้ราคาไม่กี่ตังค์

-ปะเก็นฝาครอบวาล์ว
วนใหญ่มักนิยมเรียกกันสั้น ๆ แค่ “ปะเก็นฝาวาล์ว” และบางทีก็หดสั้นลงไปอีกเป็น “ปะเก็นวาล์ว” ก็มี ทั้งหมดนี้มันคือ ตัวเดียวกัน

บริเวณฝาสูบของเครื่องยนต์ อันใช้เป็นที่ติดตั้งอุปกรณ์พวกวาล์วต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีน้ำมันเครื่องมาหล่อเลี้ยงเอาไว้ป้องกันการสึกหรอ ทำความสะอาด หล่อลื่น ลดเสียงดัง และลดการสึกหรอ คราวนี้จากแรงดันของน้ำมันเครื่องที่ฉีดมาตามท่อ หรือการทำงานของวาล์วก็ดีย่อมสามารถฉีดและดีดน้ำมันเครื่องให้กระจายปลิวว่อนไปทั่วได้ เค้าจึงจำเป็นต้องมี “ฝาครอบวาล์ว” มาปิดเอาไว้ ช่วงที่เค้าปะกบเจ้าฝาครอบวาล์วปิดลงไปบนฝาสูบนี้ มันต้องมีปะเก็นรองเอาไว้ป้องกันการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง ต่อเมื่อใช้ไประยะหนึ่งตัวปะเก็นนี้อาจเกิดการแข็งตัวชำรุด หรือพวกสกรูว์ยึดฝาครอบวาล์วคลายตัวหลุดหลวม ซึ่งบางครั้งสกรูว์ก็ยังอยู่ของมันดี ๆ เพียงแต่เจ้าปะเก็นแข็งตัวหรือยุบตัวลงมาเอง ทำให้กลายเป็นว่าสกรูว์ขันไม่แน่น เมื่อพบว่ามีคราบน้ำมันเครื่องซึมมาจากแถวฝาครอบวาล์ว ให้ทดลองขันไล่สกรูว์ยึดฝาครอบวาล์วก่อน และการขันนั้นต้องว่ากันตามลำดับและแรงที่ขันที่ทางบริษัทกำหนดเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ฝาครอบวาล์วบิดเบี้ยวเสียรูปทรง แต่ถ้าไม่มีคู่มือให้พยายามขันตัวฝาตรงข้ามหรือเยื้องกัน และอย่าขันแน่นซะทีเดียว ให้ขันพออยู่ก่อนแล้วขันไล่ไปเรื่อย ๆ เพิ่มแรงทีละนิดจนกระทั่งรู้สึกตึงมือหน่อย ๆ การขันแน่นหรือแรงเกินไป มักทำให้ปะเก็นชำรุดและเกิดน้ำมันรั่วซึมได้ ไม่ใช่ว่าขันแน่นแล้วจะดีเสมอไป หลังจากขันแน่นและทดลองขับใช้งานไประยะหนึ่ง หากยังพบว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันเครื่องอีก คราวนี้ต้องซื้อหาปะเก็นฝาครอบวาล์วมาเปลื่ยน พวกรถรุ่นเก่าที่ใช้ปะเก็น “ฝาไม้ก็อก” ก็มีราคาไม่กี่สิบบาท แต่ถ้าเป็นพวกรถรุ่นใหม่คงจะหลายร้อยเหมือนกัน และก็มีรถบางรุ่นที่ไม่ได้ใช้ปะเก็น แต่ใช้พวกน้ำยาหยอดแทนปะเก็น และพวกน้ำยาเหล่านี้หลอดนึงบางทีว่ากันเป็นพันแพงกว่าปะเก็นซะอีก

ปะเก็นฝาสูบ

ในส่วนของปะเก็นฝาสูบที่ใช้รองรับฝาสูบประกบกับเสื้อสูบ เจ้าตัวนี้แทบไม่มีปัญหาทำให้น้ำมันเครื่องรั่วไหลออกมาให้เห็นกันภายนอก ส่วนใหญ่จะซึมอยู่ภายในเข้าไปวุ่นวายกับทางเกินน้ำมั่ง หรือห้องเผาไหม้ซะมากกว่า

ใส้กรองน้ำมันเครื่อง

จุดนี้พอมีให้เห็นกันได้บ่อยพอสมควร ซึ่งจะแตกต่างจากจุดอื่นตรงที่ว่าไท่ค่อยเกิดขึ้นจากการขันตัวไส้กรองไม่แน่น ถ้าจะเป็นเรื่องมักเกิดจากการขันแน่นเกินไปซะมากกว่า ทำให้ซีลยางถูกบีบอัดจนปลิ้นเกิดชำรุดฉีกขาดหรือเกิดเป็นร่องให้น้ำมันซึมออกมาได้ นอกจากนี้ก็เป็นเพราะช่างไม่ละเอียดเท่าที่ควร เวลาใส่ไส้กรองน้ำมันเครื่องตัวซีลขยับไม่เข้าที่ และที่เจออยู่หลายครั้งเกิดขึ้นจากไส้กรองของเทียมที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ตัวซีลยางอาจจะใหญ่ไป เล็กไป หนาไป หรือบางไป ทำให้ไม่สามารถสกัดกั้นแรงดันของน้ำมันเครื่องได้ เกิดเป็นการรั่วซึมออกมาบริเวณส่วนล่างของเครื่องยนต์ ตัวสำคัญก็คือ “ข้อเหวี่ยง” ที่ลูกสูบขยับขึ้นลงแล้วส่งกำลังมาทางก้านสูบกระทุ้งให้ข้อเหวี่ยงหมุน และเราจะใช้กำลังจากข้อเหวี่ยงนี่แหละมาหมุนเกียร์ และเพลาให้รถขับเคลื่อนไป จากส่วนท้ายของข้อเหวี่ยงที่ต่อไปยังฟลายวีล ส่วนทางด้านหน้าของข้อเหวี่ยงเค้าจะติดพูลเล่ย์เข้าไปใช้เป็นกำลังในการหมุนพวกไดชาร์จและคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเจ้าตัวข้อเหวี่ยงมันอยู่ในเครื่อง แต่เราต่อพ่วงเอากำลังไปใช้ หมายความว่าต้องมีชิ้นส่วนของมันทะลุเสื้อเครื่องออกมา และยังเป็นการแสดงให้ทราบว่าบริเวณที่ข้อเหวี่ยงโผล่ออกมานั้น มีโอกาสที่น้ำมันเครื่องจะไหลออกมาด้วย เค้าจึงต้องทำซีลปิดกั้นเอาไว้ ถ้าอยู่ทางด้านหน้าก็เป็น “ซีลหน้าเครื่อง” ถ้าอยู่ทางด้านท้ายเครื่อง ที่มีฟลายวีลและเกียร์ประกบอยู่ ก็นเป็น “ซีลท้ายเครื่อง” ถ้าซีลหน้าเครื่องเกิดการรั่วซึม
ขึ้นมา มักจะมีน้ำมันเครื่องหยดอยู่บนพื้นให้เห็น ตรงกับตำแหน่งซีลหน้าเครื่องหรือพูลเล่ย์เครื่องยนต์นั้นเอง และถ้ามองไปที่ตัวพูลเลย์ก็จะมีคราบน้ำมันจับเขรอะ แต่ถ้าเป็นซีลท้ายเครื่องมักจะมองไม่เห็นการรั่วซึม เพราะน้ำมันเครื่องจะรั่วเข้าไปในห้องคลัทช์หรือหัวหมูคลัทช์ ลักษณะนี้มักจะเป็นประเภทน้ำมันเครื่องขาดระดับโดยไม่ทราบสาเหตุหรือหาจุดรั่วไม่เจอ

ในกรณีที่ซีลหน้าเครื่องหรือซีลหลังเครื่องรั่ว ควรรีบเปลี่ยนซีลใหม่โดยเร็ว หรือพวกรถที่ใช้สายพานขับแค็ม เมื่อถึงกำหนดเปลี่ยนสายพาน เวลาช่างเปิดหน้าเครื่องก็ควรบอกช่างให้ตรวจเช็คซีลหน้าเครื่องด้วย ถ้าพบไอน้ำมันเครื่องจับเป็นคราบแถวข้อเหวี่ยงแสดงว่าซีลเริ่มรั่วซึมแล้วให้เปลี่ยนไปเลย มิฉะนั้นไอน้ำมันเครื่องนี้จะไปจับที่สายพานทำให้สายพานลื่นเกิดอาการกระโดดข้ามร่องได้ และเวลาที่มีการถอดเกียร์เพื่อเปลี่ยนชุดคลัทช์สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ก็ควรให้ช่างถอดตัวแผ่นฟลายวีลดูซะหน่อยว่าซีลหลังมีการรั่วซึมหรือเปล่า ถ้ายังไงจะได้ถือโอกาสเปลี่ยนซีลใหม่ไปเลย จะได้ไม่ต้องรื้อเกียร์กันบ่อย ๆ

ปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่อง

อ่างน้ำมันเครื่องจะอยู่ตอนล่างของเครื่อง เป็นที่อยู่ของชุดฝักบัวดูดน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ การประกบระหว่างอ่างน้ำมันเครื่องกับเสื้อเครื่องจะมีแผ่นปะเก็นหรือบางทีเค้าก็ใช้ปะเก็นเหลวที่เป็นหลอดบีบเอาน้ำยามาแทนปะเก็น ซึ่งมีลักษณะเดียวกับฝาครอบวาล์ว คือเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็มีโอกาสรั่วซึมได้ต้องขันสกรูว์ไล่หรือเปลี่ยนปะเก็นพวกรถรุ่นใหม่ต้องระวังให้ดี การขันสกรูว์ต้องใช้ค่าตามที่กำหนด เบามือไปก็รั่ว ใช้แรงมาไปปะเก็นชำรุดก็เกิดการรั่วได้อีก

สกรูว์ถ่ายน้ำมันเครื่อง

จุดนี้จะพบว่าน้ำมันรั่วซึมบ่อย แต่ไม่ค่อยมีอันตรายเท่าไหร่เพราะมักจะรั่วซึมเพียงเล็กน้อย แต่ก็น่ารำคาญเหมือนกัน สาเหตุที่สกรูว์ถ่ายน้ำมันเกิดการรั่วซึมนั้น มักเกิดขึ้นจากเวลาถอดสกรูว์เพื่อถ่ายน้ำมันแล้วไม่มีการเปลี่ยนแหวนรองสกรุว์ด้วยเมื่อช่างเห็นว่ามีน้ำมันหยดก็จะขันอัดให้แน่นขึ้น ดีไม่ดีอาจจะทำให้เกลียวหวาน หรือแน่นจนคลายสกรูว์ไม่ออก ก็ต้องเดือดร้อนยุ่งยากถอดอ่างน้ำมันเครื่องออกมาทำเกลียวใหม่ หรือใช้ไฟเป่าให้ขยายตัวเพื่อคลายสกรูว์ออกมา

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ประกันภัยคาดน้ำท่วมภาคตะวันออกรถยนต์เสียหายร่วม 1,000 คัน แต่ความเสียหายรวมยังไม่หนัก

ประกันภัยคาดน้ำท่วมภาคตะวันออกรถยนต์เสียหายร่วม 1,000 คัน แต่ความเสียหายรวมยังไม่หนัก
ประกันภัยคาดน้ำท่วมภาคตะวันออกรถยนต์เสียหายร่วม 1,000 คัน แต่ความเสียหายรวมยังไม่หนัก

แหล่งข่าวจากสมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดเผยว่า คาดว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกในพัทยา 
จ.ชลบุรีและระยองจะทำให้รถยนต์ที่มีประกันภัยได้รับความเสียหายประมาณ1,000คัน
แต่ทรัพย์สินโดยรวมเสียหายไม่มากนัก

นายอานนท์ วังวสุผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันภัย
คาดว่ารถที่ทำประกันภัยกับบริษัทจะได้รับความเสียหายประมาณ 40 คัน
หากรวมความเสียหายทรัพย์สินอื่นๆ ด้วยน่าจะเสียหายประมาณ 15-20 ล้านบาท
ถือว่าไม่มาก เพราะลูกค้ารายใหญ่ เช่น โรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำประกันภัยน้ำท่วมจะอยู่บริเวณชายหาด
จึงไม่ได้รับความเสียหายหนัก อาจจะมีบ้างที่น้ำท่วมแต่ถือว่าเล็กน้อย
นายเชวง รักษายศ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค3(ภาคตะวันออก)บริษัทวิริยะประกันภัยกล่าวว่า
ขณะนี้มีรถที่ทำประกันภัยกับบริษัทได้รับความเสียหายแล้ว374คันเป็นสินไหมทดแทนประมาณ15ล้านบาท
โดยเขตพัทยาได้รับความเสียหายมากที่สุด267คัน จ.ชลบุรี22คัน ศรีราชา23คัน บ่อวิน4คัน และที่ระยอง
เสียหายรวม54คัน จันทบุรี เสียหาย2คัน และฉะเชิงเทรา1คัน

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดกับตัวรถไม่รุนแรงนัก เพราะเป็นรถที่จอดแล้วเคลื่อนย้ายไม่ทัน
ทำให้น้ำไม่เข้าไปในตัวเครื่อง สามารถทำความสะอาดได้ ซึ่งความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากพรมเปียกและระดับเปียกถึงเบาะ
รวมถึงเครื่องยนต์เสียหาย ส่วนเสียหายทั้งคันไม่มาก คาดว่าความ เสียหายที่เป็นตัวเงินอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากบริษัท ทิพยประกันภัย คาดว่าจะมีรถของลูกค้าเสียหายประมาณ110คัน หรือเป็นค่าสินไหมที่ต้องชดใช้ประมาณ
5.5ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่ทำประกันเสียหายไม่มาก เช่น ธนาคารออมสิน ที่ชลบุรี น้ำไหลเข้าท่วมชั้นล่าง
แต่สามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำได้

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัทแอกซ่าประกันภัยเปิดเผยว่ามีลูกค้าประกันของบริษัทแจ้งเคลมเข้ามาแล้ว20คัน
ซึ่งอาจจะมีอีกแต่คิดว่าคงไม่มาก

ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม ทางบริษัทวิริยะประกันภัย ได้สั่งการให้พนักงานในพื้นที่ทำงานตลอด24ชั่วโมง
เพื่อเข้ามากู้รถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันภัยรถยนต์ไว้กับบริษัทในทุกประเภท
ในขณะที่บริษัทธนชาตประกันภัยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำตลอด24ชั่วโมง
พร้อมผนึกกำลังอู่ในเครือและศูนย์บริการดูแลรถยนต์ลูกค้าหลังน้ำลดอย่างต่อเนื่อง

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

คนภูเก็ตทนสภาพถนน ไม่ไหว ตั้งกระทู้ถาม การสร้างถนน อุโมงค์ 7 ชั่วโคตรก็ไม่เสร็จสักที #pantip

คนภูเก็ตทนสภาพถนน ไม่ไหว ตั้งกระทู้ถาม การสร้างถนน อุโมงค์ 7 ชั่วโคตรก็ไม่เสร็จสักที #pantip
คนภูเก็ตทนสภาพถนน ไม่ไหว ตั้งกระทู้ถาม การสร้างถนน อุโมงค์ 7 ชั่วโคตรก็ไม่เสร็จสักที #pantip
คนภูเก็ตทนสภาพถนน ไม่ไหว ตั้งกระทู้ถาม การสร้างถนน อุโมงค์ 7 ชั่วโคตรก็ไม่เสร็จสักที จขกท. ล็อคดิน ชื่อ นายเบนซ์อภินันท์ 
ได้ตั้งกระทู้ถามถึงผู้รับผิดชอบ ด้วยจขกท. เจอสภาพถนนตั้งแต่ ยังเด็กๆ จนล่าสุด จขกท.โตทำงานแล้ว การก่อสร้างถนน ก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียที่
ASN Broker (ประกันภัยรถยนต์) จึงอยากนำมาแชร์เพิ่มเติม ด้วยเราเองทุกคนต่างก็ใช้ถนนเหมือนๆกัน 

มีหลายต่อหลายท่านบ่นถึงโครงการก่อสร้างอุโมงค์ที่สี่แยกสามกอง ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ทางแยกที่จะสร้างอุโมงค์ในตัวเมืองภูเก็ตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ โดยประกอบไปด้วย อุโมงค์ดาราสมุทร อุโมงค์สามกอง อุโมงค์บางคู และอุโมงค์ห้าแยกฉลอง ซึ่งเสร็จไปแล้ว 1 จุดคืออุโมงค์ดาราสมุทร สร้างโดย บมจ.อิตาเลียนไทยดีเวลอปเม้นท์ (อิตัลไทย)


ส่วนอุโมงค์บางคูอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยอิตัลไทย และอุโมงค์ห้าแยกฉลองยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง (รอก่อสร้างจริงปลายปีนี้ แต่จะเป็นบริษัทไหนผมไม่รู้นะ)

ส่วนอุโมงค์สามกองนั้น เป็นอุโมงค์ที่ขอเรียกว่า "7 ชั่วโคตร" ละกันครับ เพราะสร้างมาช่วงสมัยที่ผมเรียนอยู่บางแสน พอกลับมาภูเก็ตอีกทีปรากฏว่ามีการสร้างอุโมงค์ที่สี่แยกนี้กันแล้ว สร้างโดยบริษัท วิวัฒน์ก่อสร้าง ซึ่งเป็นบริษัทโนเนมมากกกกกกกกกกก (ผมจะรู้จักบริษัทนี้เรอะ! ถ้าเป็นอิตัลไทยก็ว่าไปอย่าง เหอะๆ) เลยมีหลายต่อหลายคนดูถูกดูแคลนว่าสร้างยังไงก็ไม่เสร็จเหมือนอุโมงค์ที่สี่แยกมไหสวรรค์ หรือบางคนเรียกกันว่า "มไหนรก" (ผมก็เรียกชื่อนี้นะ)


จนถึงทุกวันนี้ ก็จะครบกำหนดส่งมอบ 9 ตุลาคม (จากเดิมครบกำหนด 9 กรกฎาคม แต่พอดีไม่ทัน เลยขอเลื่อนอีก 90 วัน) งานของบริษัทนี้ก็ไปไม่ถึงไหนเลย!

สังเกตว่าหน้าโรงพยาบาลสิริโรจน์ เมื่อช่วงเกิดอุบัติเหตุนั้นไม่ได้มีที่กั้นเลย แต่พอเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ก็เอาแท่งแบริเออร์มากั้นเอาภายหลัง วัวหายล้อมคอกชัดๆ


มองไปภายในหลุมนั้น ดูลึกพอสมควร ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุรถตกท่อระบายน้ำเลยออกอาการบาดเจ็บ สาหัสบ้างไม่สาหัสบ้าง โชคดีนะที่เกิดหน้าโรงพยาบาล ถ้าไปเกิดเหตุที่ไม่ได้อยู่ใกล้โรงพยาบาลแล้ว คนที่ประสบเหตุอาจเสียชีวิตได้

ถัดไปหน้า Index Living Mall มีแต่เชือกกั้นเท่านั้น ไม่มีป้ายส่องสว่าง หรือป้ายสะท้อนแสงเพื่อบอกจุดอันตรายในเวลากลางคืนแม้แต่จุดเดียว!



ลองดูอีกฝั่งละกันครับ

สังเกตว่ามีเศษอาหารและผลไม้เกลื่อน ตรงนั้นคือแหล่งที่พวกหมูป่าจำพวกหนึ่งชอบมาป้วนเปี้ยนบนถนน ช่วงที่ยังไม่มีการก่อสร้างก็สกปรก และเป็นอันตรายอยู่แล้ว ยิ่งมีการก่อสร้าง ยิ่งสกปรก ยิ่งอันตรายเข้าไปอีก!




อีกฝั่งหนึ่งก็ยังทำท่อระบายน้ำไม่เสร็จสักที ไม่ทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ --น่าอนาถใจนัก!

ส่วนพื้นถนนเหรอครับ? ขรุขระแบบชนิดที่.......... เดาเอาเองละกัน! (ดูที่วงกลมสีแดงนะครับ)










เอาให้ชัดๆ ครับ!






ส่วนรอยยางมะตอยในวงกลมสีส้ม อันนี้คือคนใช้ถนนซื้อเอามาถมเอง บริษัทวิวัฒน์ก่อสร้างไม่ได้ซื้อมาซ่อมแซมสักบาทเดียวเลย!!



ส่วนผลงานที่ได้เหรอ? ตามที่เห็นนี่แหละครับ --สี่แยกยังไม่เปิดให้รถเลี้ยวขวาได้เลยนะ







ซึ่งหลายต่อหลายคนได้ร้องเรียนไปถึงช่อง 3 หรือกรมทางหลวง ซึ่งกรมทางหลวงก็ได้ให้คำตอบ และไม่ได้นิ่งนอนใจอะไร แต่สำหรับบริษัทวิวัฒน์ก่อสร้างนั้น ถือว่าทำงานได้สะเพร่ามาก ทำงานช้า และไม่เคยแยแสกับคนใช้รถใช้ถนนเลย เอาแต่ทำแบบผ่านๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง เช้ายามเย็นชาม
มีการประท้วงถึงอุโมงค์แห่งนี้มาแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็เงียบหายไป คาดว่าวันที่ 27 กันยายนนี้ จะมีการรวมตัวกันประท้วงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้รับผิดชอบทั้ง แขวงทางหลวงภูเก็ต สำนักสร้างสะพาน หรือแม้แต่บริษัทวิวัฒน์ก่อสร้างเอง
มีหลายคนที่ประสบอุบัติเหตุเพราะโครงการก่อสร้างมาหลายรายด้วยกัน รายล่าสุดเป็นทนายความที่ขับรถแล้วมาตกท่อระบายน้ำที่หน้าโรงพยาบาลสิริโรจน์ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการรวมตัวฟ้องศาลต่อบริษัทแห่งนี้แล้ว

นี่แหละหนอ... คืออุโมงค์ 7 ชั่วโคตรแห่งความอัปยศ

"อุโมงค์สามกอง"

นายเบนซ์อภินันท์-Benz_Abhinan Twitter: @benz_abhinan - Facebook: Benz Abhinan

ที่มา http://pantip.com/topic/34201607

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ขออนุญาตมองต่าง กรณีไบเกอร์กอดแฟนสาว ฝนตกหนักขนาดนั้น แถมใช้ยางสลิก พี่ต้องจอดนะครับ ครั้งนี้โชคดีที่แฟนไม่เป็นไร #pantip


ขออนุญาตมองต่าง กรณีไบเกอร์กอดแฟนสาว ฝนตกหนักขนาดนั้น แถมใช้ยางสลิก พี่ต้องจอดนะครับ ครั้งนี้โชคดีที่แฟนไม่เป็นไร #pantip
ขออนุญาตมองต่าง กรณีไบเกอร์กอดแฟนสาว ฝนตกหนักขนาดนั้น แถมใช้ยางสลิก พี่ต้องจอดนะครับ ครั้งนี้โชคดีที่แฟนไม่เป็นไร #pantip

 กระแส การแชร์คลิปเหตุการณ์ ผู้ขับขี่รถยนต์ท่านกลางสายฝน แล้วรถล้ม  ผู้ขับขี่ได้กอดแฟนสาว จนเป็นที่ชื่นชมของชาวโซเชียล
 หลักจากนั้น มีผู้ตั้งข้อสังเกตุ ในพันทิป ถึงเหตุการณ์ชื่นชมดังกล่าว ว่าดีจริงไหม โดยล็อคอินชื่อ ก็แค่ผู้ชายที่เชื่อในความฝัน
 ได้ตั้งกระทู้ ขออนุญาตมองต่าง กรณีไบเกอร์กอดแฟนสาว ฝนตกหนักขนาดนั้น แถมใช้ยางสลิก พี่ต้องจอดนะครับ ครั้งนี้โชคดีที่แฟนไม่เป็นไร
 และกลายเป็นกระทู้ฮอตชั่วข้ามคืน พอๆกับ คลิปข้างต้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
 จากคลิปฮีโร่ไบเกอร์กอดแฟนสาว ผมขออนุญาตมองแยกเป็น 2 ประเด็นนะครับ

 1.ตอนล้ม อันนี้ยอมรับว่ามีสติดีมาก และโชคดีหลายชั้นที่จังหวะนั้นไม่มีรถสวนมา โชคดีที่แฟนสาวอยู่ใกล้ไม่กระเด็นห่างจากตัว อันนี้ชมในประเด็นนี้

 2.ก่อนล้ม อันนี้เป็นประเด็นที่ผมอยากพูดถึงและฝากเตือน เรื่องขับเร็วมั้ย อันนี้ผมบอกไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นไมล์ แต่จากคลิปก็น่าจะเร็วอยู่ ฝนตกขนาดนั้นผมขี่ไม่เกิน 100 เลยครับเพื่อความปลอดภัย

 ที่สำคัญคือ ยางที่พี่เขาใช้ คือยางสลิกที่ใช้สำหรับสนาม สำหรับพื้นผิวที่แห้งและร้อน เพราะยางมันไม่มีดอกให้รีดน้ำ แต่พี่เขาใช้ยางนี้วิ่งตอนฝนตกหนัก

 ในการแข่งขันมอเตอร์ไซต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (MotoGP) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถ้าใครได้ดูทางช่อง 3SD จะเห็นเลยครับว่า แค่ฝนตกพรำๆ ถนนแค่เริ่มชื้น เขาก็โบกธงสัญญาณให้เข้ามาเปลี่ยนรถที่ใช้ยางสำหรับถนนเปียกแล้ว

 นั่นแค่ฝนพรำๆนะครับ แต่ในคลิปพี่เขา คือฝนตกหนัก(มาก) ไม่แปลกที่ขี่ทางตรงอยู่ดีๆแล้วรถจะสะบัดล้มไปเอง

 ประเด็นนี้สำคัญครับ

 การที่เราพาลูกสาวใครมาซ้อนเรา นั่นคือเรากำลังดูแลชีวิตลูกสาวคนอื่นแล้ว การขี่รถแบบเสี่ยงอันตรายหรือไม่คิดถึงความเสี่ยง ผมว่าน่าตำหนิมากกว่าชื่นชมครับ

 ผมไม่เข้าใจเหตุผลที่พี่เขาใช้ยางสลิกตอนหน้าฝน(ทั้งที่จริงๆควรจอด ต่อให้ไม่มีที่หลบ ต้องจอดยืนตากฝนก็ต้องจอด เพราะมันอันตรายมากๆ) แต่ยังไงอยากให้เป็นบทเรียนสำหรับไบเกอร์ทุกท่านนะครับ ใช้ยางให้เหมาะสม เพื่อคนที่เรารักและคนที่อยู่ข้างหลังเราครับ

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ไปต่อใบอนุญาตขับขี่ แต่เจอกับดารา และพฤติกรรม (ที่อาจ) ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ #pantip #Morningnews

ไปต่อใบอนุญาตขับขี่ แต่เจอกับดารา และพฤติกรรม (ที่อาจ) ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ #pantip #Morningnews
ไปต่อใบอนุญาตขับขี่ แต่เจอกับดารา และพฤติกรรม (ที่อาจ) ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ #pantip #Morningnews

จขกท นามว่า copcong ตั้งกระทู้ บอกเล่าประสบการณ์ต่อใบอนุญาติขับขี่ แต่เจอกับดารา และพฤติกรรม (ที่อาจ) ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่
หลังจากจขกทตั้งกระทู้ ก็มีคนมากดแชร์มากมายจนยอดการแชร์ อยู่ที่ 7พันล็อคอิน เข้าไปแล้วครับ
เรื่องราวมีดังนี้
*******************************************
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ที่ผ่านมานี้แหล่ะครับ

ผมเดินทางมาต่อใบอนุญาตขับขี่ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ขนส่งใหญ่ตรงสวนจตุจักร ท่านที่เคยมาต่อใบอนุญาตคงรับทราบ และคุ้นเคยเป็นอย่างดี ว่าขั้นตอนก่ารต่อใบอนุญาตนั้นใช้ระยะเวลา และมีขั้นตอนนานขนาดไหน Facepalm

ผมเดินทางมาถึงที่ขนส่งเวลาประมาณ 09:30 น. โดยมีเพื่อนร่วมเดินทางมาเป็นเพื่อน 1 ท่าน กว่าจะต่อคิว เข้าแถวรับเอกสาร ไปต่อคิวตรวจประวัติ ต่อคิวเรียกทดสอบตามสถานี และมารอต่อคิวนั่งฟังอบรมอีก 1 ชม. เวลาบนนาฬิกาก็ผ่านไปกว่า 13:00 น. .... แต่ยังไม่เสร็จครับ ผมต้องเดินลงจากห้องอบรมมารับบัตรคิว เพื่อรอเรียกทำบัตรอีก มึนตึ๊บ ซึ่งบัตรคิวผม บอกผมว่า ผมต้องรออีก 120 คิว !!

เอาเถอะครับ ... มาตั้งแต่เช้า เราก็รอกันต่อไป มองซ้ายขวายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมกันอีกมาก ผมก็เลยเดินมานั่งรอที่ชั้นสอง บริเวณจุดที่รอเรียกทำบัตร

ผมขอขยายความให้เห็นภาพนะครับ บริเวณ ดังกล่าวนี้ เป็นจุดเรียกทำบัตรใบขับขี่ ลักษณะจะเป็นคอก ๆ มีพาติชั่นกั้น มีเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละคอก โดย (ถ้าผมจำไม่ผิด) จะมีประมาณเกือบ ๆ 20 คอกได้ โดยแบ่งหน้าที่กัน บางคอกทำหน้าที่ต่อรถสาธารณะ บางคอกต่อบัตรต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็นคอกทำบัตรปกติ (ผมรอคิวคอกนี้แหล่ะครับ)


ที่นั่งค่อนข้างแออัด มีคนรอเรียกทำบัตรจำนวนมาก ทำให้ผมกับเพื่อน แยกนั่งรอกันคนละที่ โดยผมไปนั่งที่พักรอเรียกตรงกลางส่วนใหญ่ แต่เพื่อนเดินไปนั่งรอที่หน้าคอก ทำบัตรแก่ชาวต่างประเทศ (ทราบทีหลังนะครับ เพราะตรงนั้นมีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่ง) เพราะที่นั่งว่างพอดี

จังหวะ นั่งรออยู่นั้น เพื่อนก็ไลน์มาหาผมว่า "เอ้ย .... มีดารามาด้วย ชื่อ ป. ...................." ผมเองก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยเดินไปที่เพื่อนนั่งอยู่
แต่เหตุการณ์นั้นกลับพบว่า

คอกบริเวณที่เพื่อนผมนั่งรอนั้น เป็นคอกที่ให้บริการแก่ชาวต่างชาติ มีชาวต่างชาติรออยู่จำนวนหนึ่ง และจังหวะนั้น คอกตรงหน้าผมกับเพื่อนก็ให้บริการ ชาวต่างประเทศท่านหนึ่งเสร็จพอดี และเจ้าหน้าที่ขนส่งชาย ก็กดเรียกคิวชาวต่างประเทศถัดไป .... ซึ่งผมก็เห็นชาวต่างประเทศอีกท่าน เดินมากำลังจะเข้าไปรับบริการตามคิวที่ตนถูกเรียก แต่ ...

ดารา ป. ก็เดินเข้าไปยกมือไหว้ จนท.ขนส่งท่านนั้น และเข้าไปนั่งที่โต๊ะรับบริการ และกวักมือเรียกแฟนสาว ให้เข้าไปนั่งด้วย ... ซึ่งชายชาวต่างชาติท่านที่มีคิวอยู่นั้น ก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงหน้าปากทาง แต่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร และเหตุการณ์นั้นก็อยู่ในสายตาของชาวต่างชาติ และคนไทยบางส่วนที่รอรับบริการตรงนั้น

ชายชาวต่างชาติ ยืนงง อยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเพื่อนของชายต่างชาตินั้น มาสะกิดเรียกชายผู้นั้นให้กลับเข้าไปนั่งที่เดิม ... ก็มีเสียงพึมพัมจากคนที่นั่งบริเวณนั้นทั้งชาวไทยและต่างประเทศว่า "แซงคิว" หรือเปล่า และวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเจ้าหน้าที่

ผมก็ยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามมองโลกในแง่ดีว่า "มีการจองคิวล่วงหน้าหรือเปล่า" ... หรือ "เป็นการให้บริการสำหรับ VIP" แต่ที่ผมรู้สึกไม่ค่อยโอเคคือ ทำไมปล่อยให้ชายชาวต่างชาติยืนงง ทั้ง ๆ ที่ถึงคิวเค้า โโยไม่ชี้แจงไม่อะไร และการทำแบบนี้มันค่อนข้าง "ไม่เหมาะสม" ในสายตาของประชาชนผู้รับบริการ

ผมเอง ก็เลยคุยกับเพื่อน และตัดสินใจรอเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ท่านนั้น เพื่อทราบถึงมูลเหตุที่แท้จริง เพราะในขณะนั้น ผมเองก็ไม่ค่อยพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของผมเอง ไม่ใช่คิวของผม แต่ผมไม่อยากเพียงแค่ถ่ายรูปหรือคลิป แล้วมาโพสประจานวิจารณ์ โดยไม่ทำอะไร ณ ตอนนั้น

ผมเลยยืนรอหน้าคอกให้บริการ ที่เจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยกับ ดาราและแฟนสาว เจ้าหน้าที่มีทั้งไปถ่ายสำเนาเอกสารบัตรให้กับดารา ... ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินผ่านผมไป และนำทางดาราทั้งสองไปด้วย แล้วหายไปจากจุดที่ตนเองต้องให้บริการผู้รับบริการาท่านอื่น

เป็นงงครับ ทั้งชาวต่างชาติที่รออยู่ และผมเอง ... เจ้าหน้าที่เดินหายไปหนึ่งคน ทำให้คิวที่รอต้องไปแบกภาระกับเจ้าหน้าที่ท่านที่เหลือ (ผมสังเกตดู ถ้าไม่ผิดพลาด .. จะมีเจ้าหน้าที่สองท่านที่ให้บริการชาวต่างประเทศ แต่นี่เดินหายไปหนึ่งคน ทำให้เหลือคนให้บริการแค่คนเดียว) ... เริ่มมีเสียงพึมพัมจากคนที่นั่งรออยู่ อีกครั้ง

คราวนี้ ด้วยความสงสัย ผมจึงเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ขนส่งหญิงท่านหนึ่ง ที่นั่งอยู่ในคอกและถามว่า "ตะกี้ดาราใช่ไหมครับ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดทำไม ดาราท่านนั้นถึงได้คิวก่อนชายชาวต่างชาติครับ" ....
เจ้าหน้าที่ท่านนั้น ตอบว่า "ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้มีหน้าที่ มาสังเกตการณ์เฉย ๆ" ...
ผมเลยถามต่อประมาณว่า "ช่วยชี้แจงทีนะครับ มีหลายคนเค้ารออยู่ เค้าก็เห็น" .... 
ผมพยายามถามขอเหตุผล แต่เจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้นก็ตอบไม่ได้ และผมเองเป็นคนค่อนข้างเสียงดัง สุดท้ายเจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้นบอกว่า "คุณมาคุยกับหัวหน้าเลยค่ะ" และได้เดินนำผมเข้าไปยังห้องหัวหน้าฝ่ายใบอนุญาตห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4-5 เมตร

เมื่อผมพบกับหัวหน้า ผมได้เล่าเหตุการณ์ และถามคำถามแบบเดิม เพราะต้องการคำชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้น ... โดยหัวหน้าท่านนั้นตอบว่า "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เค้าดำเนินการติดค้างกันอยู่ค่ะ" ...
แต่ผมสงสัย และไม่เคลียร์กับคำพูดว่า ติดขัด ติดค้างการดำเนินการว่า คืออะไร ... จึงถามซักเพื่อขอคำอธิบาย ซึ่งหัวหน้าได้บอกกับผมว่า "จนท.ท่านนั้น เค้าให้บริการชาวต่างชาตินี่คะ ก็ดำเนินการตามปกติ" ประมาณนี้ ... ผมเลยซักต่อไปว่า "ถ้ามีหน้าที่ให้บริการชาวต่างชาติจริง แต่เมื่อสักครู่ดาราเป็นคนไทยนะครับ ไม่ใช่ต่างชาติ ??" ...

เมื่อเจอคำถามนี้ไป หัวหน้าก็เงียบไป และก็บอกแต่ว่า ไม่มีอะไร ๆ เดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่มาแล้วกัน และก็เดินจากกันไป ... ตอนนั้นผมคงเสียงดังพอควร มีคนหันมามองผมหลายคน ทั้งเจ้าหน้าที่และชาวต่างชาติ ผมยืนรอคำอธิบายแต่ไม่มีใครมาอธิบายผม ผมเห็นเจ้าหน้าที่ไปซุบซิบกันเป็นบางกลุ่ม ... ผมเลยเดินมารอตรงหน้าคอกจุดเกิดเหตุ ที่ตอนนี้ว่างเปล่าเพราะ เจ้าหน้าที่ประจำคอกได้เดินพาดารา และแฟนสาวหายไปไหนไม่ทราบ

ผมยืนรออยู่นานพอสมควร แต่ไม่มีใครมาชี้แจงอะไรกับผม ... ต่อมามีเจ้าหน้าที่หญิงอีกท่านหนึ่งที่อยู่คอกข้าง ๆ คงได้ยินเหตุการณ์ ได้เดินออกมาคุยกับผมประมาณว่า "เค้าทำติดค้างกันหลายวันแล้ว มันเคสตกค้าง เค้าก็เลยดำเนินการกันต่อ" คำพูดผมอาจไม่เป๊ะ แต่ประมาณนี้ครับ ... แต่อย่างที่นำเรียนไปครับ ว่าผมไม่เข้าใจถึงขั้นตอนการปฏิบัติ ว่ามีขั้นตอนใดที่อาจเป็น "กรณีพิเศษ" ซึ่งถ้าหากมี ก็สมควรชี้แจงเหตุผลให้ผมทราบ และไม่ควรปฏิบัติต่อผู้รับบริการ ซ้ำร้ายเป็นชาวต่างชาติ เช่นนี้

เจ้าหน้าที่หญิงที่มาชี้แจงผม ก็ไม่สามารถตอบเหตุผลผมได้ ... และได้เพิ่มโทนเสียงที่ค่อนข้างเข้มขึ้น และพยายามบอกกับผมว่าไม่มีอะไร เป็นการปฏิบัติตามปกติ จนผมต้องพูดว่า "พี่ครับ กรุณาหยุดสักหน่อยและฟังผมนะครับ .. ผมต้องการทราบถึงเหตุผล จะได้บอกกับชาวต่างชาติที่เค้ารออยู่ เพราะการที่พี่ทำแบบนี้ฝรั่งเค้างง มันดูไม่ถูกต้อง หากมีเอกสารอะไรจริงที่มีการนัดหมายตามขั้นตอน ก็รบกวนชี้แจงด้วยได้ไหมครับ" ... ซึ่งเจ้าหน้าที่ท่านนั้น ก็ไม่ได้ตอบอะไรผม และเดินหายไปในคอกของตัวเอง

ผมก็ยืนรอเจ้าหน้าที่คอกเกิดเหตุต่อไป

จนสักครู่ เจ้าหน้าที่ชายเดินทางมากลับมาคนเดียว ผมจึงเดินไปและแจ้งว่า "พี่ครับ ผมขออนุญาตเรียนถามว่า สักครู่เป็นดาราหนิครับ ทำไมดาราถึงได้คิวก่อนฝรั่งท่านอื่นครับ" ...
เจ้าหน้าที่ท่านนั้นตอบว่า "เค้ามาดำเนินการตั้งแต่ 10 โมงแล้ว ... ผมก็แค่ดำเนินการให้เค้าต่อ เค้ามาก่อนนานแล้ว" ... คำพูดประมาณนี้นะครับ อาจไม่เป๊ะ

ผมเลยถามต่อประมาณว่า ถ้ามาตั้งแต่แรกแปลว่ามีคิวอยู่แล้วเหรอครับ และสามารถดำเนินการต่อเนื่องใช่ไหม .. เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ใช่ แค่ดำเนินการต่อ"

ผมถามไปอีกว่า "หัวหน้าพี่บอกผมว่า พี่ทำแต่ชาวต่างชาติ ไม่ใช่หรือครับ แต่ดาราคนไทย" .... เจ้าหน้าที่เริ่มเสียงแข็ง และดังขึ้นตอบว่า
"ทำทั้งหมดแหล่ะทั้งไทย ทั้งฝรั่ง" .... ผมสอบถามต่อไปอีกประมาณว่า ถ้าดำเนินการจริงพี่สามารถให้ข้อมูลหรือชี้แจงเอกสารได้ใช่ไหมว่ามีการปฏิบัติที่ถูกต้องจริง 
เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ได้ มันได้อยู่แล้ว" .. ผมเลยถามอีกว่า "คงไม่ว่าอะไรนะครับพี่ ถ้าผมขออนุญาตเรียนถามให้ชี้แจง"
ได้รับคำตอบว่า "คุณอยากทำไรก็ทำมา" ประมาณนี้ครับ และยังบอกอีกว่า "ผมทำตามหน้าที่อยู่แล้ว"

ผมเลยถามอีกว่า "ถ้าพี่แจ้งผมว่าพี่ทำตามหน้าที่ แปลว่าหน้าที่ของพี่คือถือเอกสาร นำดาราไปดำเนินการขั้นตอนอื่นด้วยใช่ไหม ทั้งหน้าที่ของพี่ควรอยู่ให้บริการคนอื่น" ... เจ้าหน้าที่เพียงแต่ตอบผมว่า "พาน้องเค้าไปอบรมข้างบน" แล้วหันไปไม่สนใจผม และบอกว่า "คุณอยากทำไรก็ทำ"

ผมจึงเดินออกมา และมีฝรั่งท่านหนึ่งเดินมาตบบ่าผม และบอกผมว่า "Good luck ... Thanks for your kindness" ผมก็แค่ตอบเค้าไปว่า ไม่เป็นไรผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ ก่อนที่จะมีอีกท่านหนึ่งเดินมาหาผม และขอจับมือ ผมจึงยื่นมือให้จับโดยไม่พูดอะไร ... ชายท่านนั้นจับมือผมหนักแน่นและเขย่ามือ ก่อนเดินจากไป

เพื่อนผม บอกกับผมว่า .. ตอนที่ผมเดินเข้าไปสอบถามและกำลังขอคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ ... คนที่นั่งรอคิวทั้งชาวต่างชาติ และคนไทยสูงอายุ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "แซงคิวอยู่แล้ว" มีผู้ชายท่านหนึ่งบอกกับเพื่อนผมว่า "ไปถามเจ้าหน้าที่แบบนั้น เดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก" แต่เพื่อนผมรู้นิสัยผมดี เลยบอกเพียงว่า "ไม่ต้องห่วงหรอก ผมแค่ไปทวงสิทธิเท่านั้น"


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมเอง ในฐานะที่มาเล่าเรื่องราวทีอาจมีส่วนพาดพิงการทำงานของเจ้าหน้าที่ขนส่งทางบก และดารา และแฟนสาว ขอนำเรียนด้วยความบริสุทธิ์ใจครับว่า
1.ผมไม่ได้มีเจตนากล่าวหาว่า ดาราท่านนั้นแซงคิว อันเป็นมารยาทสากลที่ควรปฏิบัติ หรือเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นดารา แต่อย่างใด ... ผมตั้งคำถามกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้องใจและต้องการคำตอบในการปฏิบัติงาน หากเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้องจริง ผมยินดีรับฟังเหตุผล และยินดีขอโทษถึงข้อสงสัยดังกล่าว

2.ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร ทั้งเจ้าหน้าที่ขนส่ง หรือคิวที่ผมจะได้ประโยชน์ เพราะคิวของผม ณ ตอนนั้น ยังเหลืออีก 100 กว่าคิว และคิวตรงนั้นเป็นของชาวต่างชาติ

3.ผมมีภาพถ่ายขณะที่ ดาราและแฟนสาวนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ และภาพบริเวณนั้นคร่าว ๆ แต่ไม่มีคลิปวีดีโอ หรือคลิปเสียง หรือภาพขณะกำลังสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะผมเชื่อกับตัวเองว่า เมื่อพบเหตุที่คิดว่าไม่ถูกไม่ควร เราควรสอบถามแถลงไขให้ชัดเจนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ผมจึงเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ มากกว่าการถ่ายภาพแล้วนั่งเงียบ ๆ แล้วค่อยประจาน วิพากษ์ในโลกออนไลน์

4.ขอบคุณชายชาวต่างชาติ และท่านอื่น ๆ ที่ไม่ทราบชื่อ ที่เดินมาให้กำลังใจในการกระทำ ณ ตรงนั้น

5.ผมยืนยันว่า ทุกบทสนทนากับเจ้าหน้าที่ทุกคนในเหตุการณ์ ผมมีหางเสียง "ครับ" ทุกคำ และให้เกียรติเจ้าหน้าที่ทุกคน แม้บทสนทนา หรือข้อคำถามของผมจะเป็นลักษณะสืบค้นเพื่อเอาคำตอบ แต่ก็เพื่อต้องการทราบเหตุผลถึงการปฏิบัติดังกล่าว

และ
6.ผมทำไปเพราะผมไม่ชอบ รู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะแววตาของฝรั่งชาวต่างชาติ ผู้ถูกปฏิเสธการให้บริการ และต้องกลับมานั่งที่อย่าง งง ๆ และชาวต่างชาติท่านอื่นที่รอคิวอยู่ ... ถ้าการปฏิบัติดังกล่าวถูกต้องตามขั้นตอนจริง หน่วยงานอาจต้องชี้แจงหรือวางการปฏิบัติให้เหมาะสมครับ แต่หากเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นตามขั้นตอน หรือ "แซงคิว" แล้ว การกระทำของท่าน แม้ว่าจะดูเล็กน้อย แต่มันนำความรู้สึกไม่ดีมาสู่ผู้รับบริการ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่อาจนำเหตุการณ์ในวันนี้ไปถ่ายทอดต่อ เป็นภาพลักษณ์ในแง่ลบที่ไม่ดีต่อไปนะครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ และถ่ายทอดเรื่องราวแก่เพื่อนสมาชิก เพื่อรับทราบและกระจายข้อมูลต่อไปครับ

ขออนุญาตแทค ศาลาประชาคมเพื่อร้องทุกข์ เฉลิมกรุงเพราะเกี่ยวกับนักร้อง ดารา และรัชดา เกี่ยวกับรถยนต์นะครับ 
*******************************
เรื่องราวดังกล่าว ASN Broker อยากให้เพื่อนๆโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นการบอกเล่าจากบุคคลท่านเดียว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์ในกระทู้จะไม่เกิดขึ้นจริงครับ

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

ครม.อนุมัติ 1.4 แสนล้านดึงสายไฟลงใต้ดินรองรับมหานครแห่งอาเซียน


ครม.อนุมัติ 1.4 แสนล้านดึงสายไฟลงใต้ดินรองรับมหานครแห่งอาเซียน
ครม.อนุมัติ 1.4 แสนล้านดึงสายไฟลงใต้ดินรองรับมหานครแห่งอาเซียน

          พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสาย
 ไฟฟ้าใต้ดิน รองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) วงเงินลงทุน 143,092 ล้านบาท เพื่อให้สภาพภูมิทัศน์และ  รักษา สิ่งแวดล้อมให้สวยงาม และเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนรวมทั้งเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าและรองรับความต้องการไฟฟ้า  ในอนาคต

          สำหรับโครงการที่จะทำประกอบด้วยโครงการย่อยที่ 1 ปี 57-65 รวม 49 เส้นทาง ระยะทาง 144.6 กิโลเมตร (กม.) แบ่งเป็นในกรุงเทพมหานคร  99.2 กม. นนทบุรี 12.3 กม. สมุทรปราการ 33.1 กม. โครงการย่อยที่ 2 ปี 58-60 รวม 30 เส้นทาง ระยะทาง 117 กม. ในกรุงเทพมหานคร 92.6  กม. และนนทบุรี 24.4 กม. เมื่อรวมทั้งสิ้นมี 79 เส้นทาง ระยะทางรวมทั้งหมด 261.6 กม.แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 191.8 กม. นนทบุรี 36.7 กม. และสมุทรปราการ 33.1 กม. 

          สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินการในเขตศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร เช่น ถนนอังรีดูนังต์ ถนนชิดลม ถนนหลังสวน ถนนสารสิน ถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 ถนนสาทร รวม 12.6 กม. รวมทั้งยังมี พื้นที่เชื่อมโยงระบบส่งระหว่างสถานีไฟฟ้าต้นทางเพื่อสนับสนุนพื้นที่เมืองชั้นในและศูนย์กลางเขตธุรกิจ ได้แก่ ถนนเจริญราษฎร์ ถนนเพชรบุรี ถนนดินแดง รวม 7.4 กม. เป็นต้น

          ทั้งนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้แสดงความเห็น โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า โครงการนี้ไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน  การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตามในการก่อสร้างอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน บริเวณพื้นที่ตามแนวสายไฟฟ้าพาดผ่าน  และผลกระทบด้านอากาศและด้านคมนาคมรวมถึงผลกระทบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย จึงควรให้ กฟน.กำหนดแนวทางป้องกันและ  แก้ปัญหาผลกระทบดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย ส่วนกระทรวงพลังงานมีข้อสังเกตว่า กฟน. ควรบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้ดำเนินการอย่าง  รอบคอบรวมทั้งตรวจสอบและติดตามงานก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น.