วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล

วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล
วันที่11 และ หยุดปีใหม่ ขึ้นทางด่วนฟรี 10 ด่าน #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล

   ASN Broker ขอนำข้อมูลมาอัพเดท เนื่องด้วยกิจกรรม Bike For Dad 2015 ปั่นเพื่อพ่อและช่วงปีใหม่  
   การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษเนื่องในโอกาสจัดกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อBike for dad”ในวันที่11 ธ.ค.2558 ระหว่างเวลา 09.00– 23.00 น.สำหรับทางพิเศษศรีรัชจำนวน6 ด่าน ได้แก่ด่านยมราช ด่านหัวลำโพงด่านสะพานสว่าง ด่านอุรุพงษ์ด่านสุรวงศ์ ด่านถนนจันทร์และทางพิเศษเฉลิมมหานคร(ทางด่วนขั้นที่1)จำนวน4 ด่าน
ได้แก่ด่านพระราม4-1ด่านพระราม4-2ด่านเพลินจิตและด่านเพชรบุรี รวม 10 ด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชน
    นอกเหนือจากนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ยังได้มีการเห็นชอบ ให้ยกเว้นเก็บค่าผ่านทางประกอบด้วยสายบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี)ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถีและทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก(บางพลี-สุขสวัสดิ์)กับทางพิเศษบูรพาวิถีตั้งแต่เวลา 00.01น. วันที่25ธ.ค.2558ถึงเวลา 24.00น. วันที่3 ม.ค.2559
           การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ประกาศงดเก็บค่าธรรมเนียมทั้งหมด 11 ด่าน ตั้งแต่เวลา 09.00-23.00 น. ได้แก่
           ด่านยมราช
           ด่านหัวลำโพง
           ด่านสะพานสว่าง
           ด่านอุรุพงษ์
           ด่านสุรวงศ์
           ด่านจันทน์
           ด่านสาทร
           ด่านพระรามสี่ 1
           ด่านพระรามสี่ 2
           ด่านเพลินจิต
           ด่านเพชรบุรี

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันที่10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

วันที่ 7, 10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล
วันที่  10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ #เรื่องเด่นเย็นนี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

ASN Broker ขออัพเดท กิจกรรมพิเศษ ในช่วงวันที่  10, 11 และ 16 ธ.ค. มีปิดถนนใดบ้าง สรุปเพื่อทราบครับ 
วันที่ 10 ธันวาคม 2558 ปิดถนน ซ้อมเคลื่อนพระศพสังฆราช
- ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่ แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนหลานหลวง ตั้งแต่ แยกผ่านฟ้า ถึง แยกสะพานขาว
- ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่ แยกสะพานขาว ถึง แยกนพวงศ์
- ถนนหลวงตั้งแต่ แยกนพวงศ์ ถึง แยกพลับพลาไชย
-----------------------------------------------------
วันที่ 11 ธันวาคม 2558 Bike for dad “วันจริง”! ปิดถนน
1 พระลานพระราชวังดุสิต
2 แยกราชประสงค์
3 จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย
4 สวนลุมพินี
5 วงเวียนโอเดียน
6 เยาวราช
7 วงเวียนใหญ่
8 กองบัญชาการกองทัพเรือ
9 โรงพยาบาลศิริราช
10 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
----------------------------------------------
วันที่ 16 ธันวาคม 2558 “พิธีจริง” เคลื่อนพระศพพระสังฆราช
- ถนนพระสุเมรุตั้งแต่แยกบางลำพูถึงแยกสิบสามห้าง
- ถนนสิบสามห้างตลอดสาย
- ถนนบวรนิเวศน์ ตลอดสาย
- ถนนบ้านพานถมตลอดสาย
- ถนนดินสอตั้งแต่อนุเสาวรีย์ชัยปรชาธิปไตยถึง ถนนพระสุเมรุ
- ถนนพระสุเมรุตั้งแต่ถนนสิบสามห้าง ถึง แยกป้อมมหากาฬ
- ถนนราชดำเนินกลางตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนหลานหลวงตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงแยกสะพานขาว
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกสะพานขาวถึงแยกนพวงศ์
- ถนนหลวงตั้งแต่แยกนพวงศ์ถึงแยกพลับพลาไชย
- ถนนประชาธิปไตยตั้งแต่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ถึง สะพานเฉลิมวันชาติ
- ถนนราชดำเนินกลางตั้งแต่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแยกผ่านฟ้า
- ถนนมหาไชยตั้งแต่แยกสำราญราษฎ์ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกจปร.ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนจักรพรรดิพงษ์ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ถึงจุดตัดถนนพระราม4
- ถนนนครสวรรค์ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
- ถนนพะเนียงตลอดสาย
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงแยกสะพานขาว
- ถนนหลานหลวงตั้งแต่แยกยมราชถึงสะพานขาว
- ถนนอนันตนาคตลอดสาย
- ถนนพญามหาอำมาตย์ตลอดสาย
- ถนนบำรุงเมืองตั้งแต่แยกแม้นศรีถึงแยกกษัตริย์ศึก
- ถนนพระราม1ตั้งแต่แยกกษัตริย์ศึกถึงแยกพงษ์พระราม
- ถนนยศเสตลอดสาย 25.ถนนพลับพลาไชยตั้งแต่จุดจัดตัดถนนมังกรถึง- ถนนกรุงเกษม
- ถนนพลับพลาไชยตั้งแต่จุดตัดถนนมังกรถึงถนนบำรุงเมือง(แยกอนามัย)
- ถนนหลวง ตั้งแต่แยกวรจักรถึงแยกนพวงศ์
- ถนนกรุงเกษมตั้งแต่แยกหัวลำโพง ถึงแยกนพวงศ์
- ถนนมิตรพันธ์ตั้งแต่จุดตัดถนนมังกร ถึงถนนหลวง

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา 3 เดือน
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออก 5 มาตรการแก้ไขปัญหารถติดในระยะเวลา3เดือน
ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่วางกรอบให้ลดปัญหารถติดให้ได้60%
ประกอบด้วย
1.บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดเน้นการจอดรถที่กีดขวางการจราจรให้ยกรถที่จอดขวางออกจากพื้นที่พร้อมทั้งปรับในอัตราโทษสูงสุด
2.จัดระบบการหยุดรับส่งผู้โดยสารของรถประจำทาง ไม่ให้มีการจอดซ้อนคันบริเวณป้ายรถประจำทา เบื้องต้นมีจุดที่มีปัญหารวม46จุด
โดยมอบหมายให้แต่ละท้องที่ดำเนินการอย่างเด็ดขาด
3.จัดการจราจรในเส้นทางเข้าออกกรุงเทพฯ ทั้ง4ทิศ ในถนน11สายโดยให้ประเมินความเร็วเฉลี่ยเพื่อประเมินผลหลังปฏิบัติการ
4.จัดการจราจรบริเวณทางขึ้นลงทางด่วน ซึ่งจะต้องไม่มีปัญหาการจราจรโดยจัดตำรวจจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
เข้าอำนวยความสะดวกและกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิด และ
5.ให้นายตำรวจระดับผู้กำกับการ(ผกก.)ต้องออกมาแก้ไขและอำนวยความสะดวกด้วยตนเองพร้อมกันนี้ให้ผกก.แต่ละสถานีส่งภาพถ่าย
การปฏิบัติทั้งในช่วงเช้าและเย็น รายงานผลผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้ บช.น.ยังสั่งการให้ทุกพื้นที่ติดป้ายประชาสัมพันธ์เบอร์โทรและชื่อของ
ผกก.ไว้ตามทางแยกต่างๆ เพื่อให้ประชาชนที่ประสบปัญหาจราจรสามารถติดต่อให้ข้อมูลกับ
ผกก.ได้โดยตรง ซึ่งขณะนี้มีการติดตั้งไปแล้วรวม 368 จุด
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของ บช.น.ยังสามารถอนุมัติให้เรียกกำลังจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191)
งานป้องกันปราบปราม งานอารักขาและควบคุมฝูงชน เพื่อมาช่วยปฏิบัติหน้าที่งานจราจรได้อีกด้วย
พร้อมจะมีการประเมินผลในทุก 30 วัน โดยแผนทั้งหมดจะเริ่มวันที่ 1 ธ.ค. 2558
ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) กล่าวว่า จำนวนรถยนต์ในกรุงเทพฯ
เพิ่มขึ้นปีละ 3-4 แสนคัน ขณะที่ถนนไม่เพิ่มเติม ทำให้ขณะนี้มีจำนวนรถมากกว่าถนนจะรองรับได้ถึง 5 เท่า
ส่งผลให้ความเร็วเฉลี่ยบนท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วนลดลงเหลือประมาณ 18 กิโลเมตร/ชั่วโมง
“ที่ผ่านมาเราไม่เคยคุมกำเนิดรถยนต์ ทำให้เกิดปัญหาการจราจรตามมา
อีกทั้งมีแต่การสนับสนุนให้ซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ตำรวจก็ไปห้ามประชาชนไม่ให้ใช้รถไม่ได้
จึงต้องวางแผนอำนวยความสะดวกให้รถติดน้อยที่สุด”รอง ผบก.จร. กล่าว
ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์)ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี
ที่ทางตำรวจเอาจริงเอาจังกับปัญหารถติดในเขตกรุงเทพหวังว่าผู้ใช้ถนนหลายๆท่านจะได้รับความสะดวกขึ้นครับ

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล
ขนส่งลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถสาธารณะกระทำความผิดซ้ำซาก #เรื่องเล่าเช้านี้ #เช้าข่าวชัดโซเชียล

กรมการขนส่งทางบก ลงโทษหนัก!!! พักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้ขับรถสาธารณะ กระทำความผิดซ้้าซาก 
เพียงเดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (เดือนตุลาคม 2558) พักใช้ ใบอนุญาตรถแท็กซี่ผิดซ้้าซากแล้ว 10 ราย พร้อมเผย!!!
ตั้งแต่เริ่มบังคับใช้มาตรการ พักใช้ ใบอนุญาตแล้ว 239 ราย เพิกถอน 2 ราย หากประชาชนพบเห็นการกระท้าความผิดหรือพบ
รถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัยร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง นายสนิท พรหมวงษ์อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

เปิดเผยถึงผลดำเนินการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะที่กระท าความผิดซ้ า
ในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (เดือน ตุลาคม 2558) ตรวจพบผู้ขับรถโดยสารสาธารณะกระท้าความผิดซ้้า
และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถแล้ว จ้านวน 10 ราย เป็นรถแท็กซี่ทั้งหมด ประกอบด้วย ความผิดฐานปฏิเสธการรับจ้างผู้โดยสารจำนวน 6 ราย
ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ได้ตกลง กันไว้จำนวน 2 ราย ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร จำนวน 1 ราย และแสดงกิริยา

ไม่สมควรอีกจำนวน 1 ราย นอกจากนี้ นับตั้งแต่เริ่มใช้ มาตรการลงโทษพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตผู้กระท้าผิดซ้้าซาก
(1 เมษายน 2557 – 31 ตุลาคม 2558) กรมการขนส่ง ทางบกได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ขับรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรม
ลามกอนาจารแล้วจ้านวน 2 ราย และสั่งพักใช้ใบอนุญาตจ้านวน ทั้งสิ้น 239 ราย เป็นรถตู้กระท้าผิดฐานใช้รถ
ไม่ตรงตามประเภทจ้านวน 19 ราย นอกนั้นเป็นรถแท็กซี่จ้านวน 220 ราย ประกอบด้วย ความผิดฐานปฏิเสธการรับจ้างผู้โดยสาร
จำนวน 166 ราย รองลงมา ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร จ านวน 28 ราย ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้จ านวน 16 ราย

เก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่ทางราชการก าหนด จ านวน 4 ราย กระท า การอันควรขายหน้า จ านวน 4 ราย
แสดงกิริยาไม่สมควร จ านวน 2 ราย โดยกรมการขนส่งทางบกได้จัดเก็บประวัติการกระท า ความผิดของผู้ขับรถ
โดยสารสาธารณะทุกรายไว้ที่ศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ
ตรวจสอบและติดตามการแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมการให้บริการ และยังได้ส่งตัวผู้กระท าผิดเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกฎหมาย
ระเบียบต่างๆ ของทางราชการ รวมถึงการสร้างจิตส านึกการให้บริการที่ดี เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทาง

ที่ดีอย่างยั่งยืน นายสนิท กล่าวเพิ่มเติมว่า การบังคับใช้มาตรการลงโทษพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้กระทำผิดซ้ำซากอย่าง
จริงจัง เป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมพฤติกรรมการให้บริการของผู้ขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ซึ่งจะท าให้ประชาชนได้รับ
บริการสาธารณะที่มีความสะดวกและมีความปลอดภัยในการเดินทาง โดยได้แบ่งฐานความผิดออกเป็น 2 กลุ่ม ความผิดทั่วไป
เช่น ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ได้ตกลงกันไว้
หากพบการ กระท าความผิดครั้งแรก ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และส่งตัวเข้ารับการอบรมสร้างจิตสำนึกการให้บริการ
ที่ดีความผิดซ้ำครั้งที่ 2 ปรับสูงสุด 1,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับรถ 1-3 เดือน และความผิดซ้ำครั้งที่ 3 ปรับสูงสุด

และพักใช้ใบอนุญาตขับรถ นาน 6 เดือน ทั้งนี้ หากกระท้าผิดซ้้าภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากกระท้าความผิดครั้งแรก
พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ขับรถทันที และส้าหรับกลุ่มความผิดร้ายแรงหรือส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
เช่น การขู่กรรโชก การใช้สารเสพติด หรือ มีพฤติกรรมลามกอนาจาร มีสิทธิ์ถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
เพื่อรักษาระเบียบและสร้างมาตรฐานการ ให้บริการด้วยรถโดยสารสาธารณะให้มีคุณภาพต่อไป อธิบดีกรมการขนส่งทางบก 
กล่าวในที่สุด

ASN Broker (ประกันภัยรถยนต์) หวังว่ามาตรการนี้ จะช่วย ยกระดับ การขนส่งขั้นพื้นฐานของไทย ให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถแท๊กซี่ หรือระบบขนส่งในรูปแบบอื่นๆครับ

ทีมา กรม ขนส่งทางบก http://goo.gl/VMK1PB

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง #ลอยกระทง #LoyKrathong


เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง  #ลอยกระทง #LoyKrathong
เตือนภัย 53 ท่าชำรุด-ไม่พร้อมลอยกระทง #ลอยกระทง #LoyKrathong

  วันนี้ (24 พ.ย.58)เตือนภัย 53 ท่าเทียบเรือ-โป๊ะ ไม่พร้อมใช้งานลอยกระทง กทม.จัดใหญ่ พระราม 8-เอเชียทีค
             ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ห่วงความปลอดภัยในเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. โดยที่ผ่านมาได้ตรวจสอบท่าเรือและโป๊ะในกรุงเทพฯ 436 แห่ง พบว่าสามารถซ่อมแซมให้ปลอดภัยมีเพียง 383 แห่ง นอกจากนี้ กทม.จะจัดเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ต่ำกว่า 50 ลำ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
            ทั้งนี้ ท่าเทียบเรือหรือโป๊ะที่ไม่พร้อมใช้งานมีอยู่ 53 ท่า ที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซม เช่น ท่าวังหลัง ศิริราช และพรานนก ท่าเรือเกียกกาย ท่าเทียบเรือพระอาทิตย์ ท่าเรือพระโขนง ซึ่ง กทม.ได้ดำเนินการติดป้ายห้ามใช้งานไปแล้ว
             นางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษก กทม. กล่าวว่า กทม.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยใน 203 จุด ที่ กทม.เปิดให้ลอยกระทง แบ่งเป็น สวนสาธารณะ 29 จุด และพื้นที่เอกชน 174 จุด สำหรับจุดจัดงาน อาทิ ริมคลองผดุงกรุงเกษม ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี และเอเชียทีค
             สำหรับจุดใหญ่อยู่ที่บริเวณสะพานพระราม 8 เริ่มเวลา 17.00-24.00 น. มีกิจกรรม อาทิ ตลาดย้อนยุค การประกวดกระทง การสาธิตประดิษฐ์งานใบตอง และประดิษฐ์กระทงแจกฟรี กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และการแสดงดนตรีของศิลปินชื่อดัง
             พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล กล่าวว่า ในเขตกรุงเทพฯ มีสถานที่จัดงานลอยกระทง 89 จุด ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น เอเชียทีค ท่าน้ำสรรพาวุธ ใต้สะพานพระปกเกล้า ใต้สะพานพุทธ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงบริเวณสะพานพระราม 8
             พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย 1.93 ล้านคน และชาวต่างชาติ 7 หมื่นคน ร่วมงานลอยกระทง โดยจะสร้างรายได้กว่า 3,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความคึกคักที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากบรรยากาศการรักษาความสงบของ คสช.

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลดหย่อนภาษี 2558 กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้

ลดหย่อนภาษี 2558  กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้
ลดหย่อนภาษี 2558 กับ 16 ตัวช่วยประหยัดภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือนต้องรู้ #เช้าข่าวซัดโซเชียล #เรื่องเล่าเช้านี้

ขอบคุณที่มา http://www.ecepost.com/viewtopic.php?id=701465024
         ลดหย่อนภาษี 2558 นี้ มีวิธีดี ๆ และหลักเกณฑ์ไหนบ้าง ที่จะช่วยให้เราจ่ายภาษีได้น้อยลง ใครที่ต้องเสียภาษีคราวละมาก ๆ ทุกปี ไม่รู้ไม่ได้แล้ว !

          ใกล้สิ้นปีแบบนี้  ผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี คงถึงช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคิดถึงต่อมาคือ การขอลดหย่อนภาษี เพื่อลดภาระการจ่ายภาษีให้กับตัวเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายวิธี เอาล่ะ ลองไปดูกันว่าสำหรับในปีภาษี 2558 นี้ มีหนทางไหนที่ช่วยลดหย่อนภาษีให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ได้บ้าง

1. ลดหย่อนส่วนบุคคล

          ใช้ลดหย่อนภาษีได้ทันที 30,000 บาท
 
2. ลดหย่อนจากคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้

          ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท สำหรับสามี-ภรรยาที่จดทะเบียนสมรส โดยคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้เเต่เลือกนำมาคำนวณภาษีพร้อมกัน


 
3. ลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุตร และการศึกษาบุตร

          ค่าลดหย่อนจากการเลี้ยงดูบุตร นับจากบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นได้ทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรตามกฎหมาย โดยหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท แต่ไม่เกิน 3 คน (มากสุด 45,000 บาท) โดยบุตรจะต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรือถ้าเกิน 20 ปี (21-25 ปี) จะต้องศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ขึ้นไปเท่านั้น และหากบุตรศึกษาต่อในประเทศ  (ตั้งแต่อนุบาล-ปริญญาเอก) ก็จะได้ลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท 

          ทั้งนี้บุตรที่จะนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีนั้น จะต้องไม่มีรายได้ในภาษีเกิน 15,000 บาทขึ้นไป หรือรายได้ที่มีนั้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น บุตรที่อายุไม่เกิน 20 ปีและรับเงินปันผล ซึ่งเงินปันผลนั้นจะถือว่าเป็นเงินของผู้ปกครอง และไม่ถือว่าบุตรมีรายได้


 
4. ลดหย่อนจากดอกเบี้ยเงินกู้ยืม

          ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยเป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้การเช่าซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย โดยมีเงื่อนไขคือ

           ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ เช่น ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐต่าง ๆ โดยทรัพย์สินที่กู้ ต้องใช้มาเป็นหลักในการคำประกันการกู้ (จำนอง) ด้วย

           ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่ บนที่ดินของตัวเองหรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม

           หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนรวมกันได้ทุกแห่ง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

           กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ก็ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนเช่นกัน
 



5. ลดหย่อนจากค่าเลี้ยงดูบิดามารดา

          ลดหย่อนจากบิดามารดา (ตัวเอง) และบิดามารดาคู่สมรส ได้คนละ 30,000 บาท มากสุดไม่เกิน 120,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท ทั้งนี้ต้องให้บิดามารดาออกหนังสือรับรองการเลี้ยงดู ให้กับบุตรที่จะขอลดหย่อนภาษีด้วย เพราะลูกที่จะรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี จะสามารถใช้สิทธิ์ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา


6. ลดหย่อนจากประกันชีวิต

          สำหรับการขอลดหย่อนด้วยการซื้อประกันชีวิตนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ

 ประกันชีวิตแบบทั่วไป

          ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000  บาท โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งเเต่ 10 ปี ขึ้นไป และมีผลตอบแทนคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสม ส่วนเบี้ยประกันเพิ่มเติมจำพวกประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ จะไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ส่วนผู้ที่คู่สมรสมีประกันชีวิตอยู่หรือซื้อประกันชีวิตให้คู่สมรสไว้ และคู่สมรสไม่มีรายได้ แต่ยังจ่ายเบี้ยประกันอยู่ สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท เพราะเมื่อไม่มีรายได้ จึงไม่จำเป็นต้องหักลดหย่อนภาษีนั่นเอง (ส่วนที่เหลืออีก 90,000 บาทเป็นการยกเว้นจากรายได้)

 ประกันชีวิตแบบบำนาญ 

          ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นประกันที่มีระยะเวลาเอาประกัน 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปีต่อเนื่องไปจนถึง 85 ปี และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท


7. ลดหย่อนจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ Long term equity fund (LTF)

          LTF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว โดยเน้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ซื้อหน่วยลงทุน LTF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผลตอบแทนด้วยคือ สามารถซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ทั้งนี้ กองทุน LTF ที่ซื้อไว้ต้องไม่ต่ำกว่า 5 ปี (นับตามปี พ.ศ. เช่น ซื้อ LTF ปี 2558 จะต้องถือไว้จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นอย่างน้อย) และไม่สามารถโอนหรือจำนำไปเพื่อเป็นหลักประกันได้

          ตัวอย่างการลดหย่อนภาษีจาก LTF เช่น ผู้มีรายได้สุทธิ 3 ล้านบาทต่อปี จะต้องเสียภาษีในอัตรา 30% ตามกฎหมาย คือ 9 แสนบาท แต่เมื่อซื้อกองทุน LTF 15% ของรายได้เเล้ว จะสามารถซื้อกองทุน LTF ได้วงเงินสูงสุด 450,000 บาท จึงนำรายได้สุทธิ 3 ล้านนั้น หักลดหย่อนจากกองทุนออก 450,000 เท่ากับ 2,550,000 บาท ก็จะได้เงินสุทธิที่เหลือจริง แล้วจึงนำไปคำนวณการจ่ายภาษีที่ 2,550,000 X 30% = 765,000 บาท ซึ่งจะลดลงจากเดิมที่ต้องจ่ายภาษี 9 แสนบาท

8. ลดหย่อนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF)

          RMF เป็นกองทุนรวมที่จัดขึ้นเพื่อการออมและการลงทุนในระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมหลังเกษียณ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลดหย่อนภาษีคือ หักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท แต่ถ้ามีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว เมื่อนำมารวมกับเงินที่ซื้อหน่วยลงทุนใน RMF แล้วก็หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาทเช่นกัน

          สามารถคิดตามสูตรได้คือ  RMF + กบข. + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ + กองทุนครูโรงเรียนเอกชน + ประกันชีวิตแบบบำนาญ  รวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 500,000 บาท

9. ลดหย่อนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

          กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนเงินออมของสมาชิก ซึ่งกำหนดให้สมาชิกของ กบข.  ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน กบข. 3% ในแต่ละเดือน โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้อีก 3% ด้วยเช่นกัน โดยสมาชิกที่จ่ายเงินสบทบเข้า กบข. นี้จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000  บาท


10. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

          สมาชิกที่จ่ายเงินสบทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 10,000 บาท สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้เมื่อรวมกับ RMF, กบข., กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

11. ลดหย่อนจากกองทุนการออมแห่งชาติ

          ถือเป็นปีแรกที่ผู้ที่เป็นสมาชิกและจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีจากเงินสะสมเข้า กอช. ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะเดียวกันแล้ว ต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด

12. ลดหย่อนจากการจ่ายประกันสังคม

          เงินสมทบกองทุนประกันสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่บุคคลที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 9,000 บาท อันมาจากการคำนวณรายได้สูงสุดที่เดือนละ 15,000 บาท

13. ลดหย่อนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์

          เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่เกิดขึ้นเป็นปีแรก  ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้านให้กับประชาชน สามารถซื้อบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป โดยผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท สามารถนำ 20% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ ไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งสิทธิ์การลดหย่อนส่วนนี้ จะแยกกับการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านอีกด้วย

          อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้จาก เปิด 3 มาตรการล่อใจคนซื้อบ้าน ลดค่าโอน - จำนอง เคลมภาษีได้
 

14. ลดหย่อนจากค่าเลี้ยงดูคนพิการ หรือคนทุพพลภาพ

          สามารถใช้ลดหย่อนได้สูงสุด 60,000 บาท หากเป็นผู้ที่ดูแลคนพิการตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นคนพิการซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือเป็นคนทุพพลภาพที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ 
   
           ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ
 
15. ลดหย่อนจากเงินบริจาค

         การบริจาคให้กับการกุศลต่าง ๆ สามารถลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือหลังหักลดหย่อนและยกเว้นกรณีอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ไม่สามารถนำการบริจาคที่เป็นสิ่งของมาหักลดหย่อนได้ และหากต้องการลดหย่อนแบบคูณ 2 จะต้องเป็นการบริจาคเงินให้กับโรงเรียนรัฐ และโรงเรียนเอกชนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการ หรือสมาคมกีฬาที่ได้รับการอนุญาติจากการกีฬาแห่งประเทศไทยแล้วเท่านั้น เช่น บริจาคให้โรงเรียนหรือสมาคมกีฬา 15,000 บาท ก็จะสามารถหักลดหย่อนได้เป็น 30,000 บาท (15,000 x 2 = 30,000)

         ทั้งนี้ การบริจาคที่จะนำมาใช้ลดหย่อนจะต้องมีใบเสร็จรับเงินบริจาค หรือใบอนุโมทนาบัตรที่ระบุชื่อผู้บริจาคชัดเจนตรงกับชื่อ-นามสกุลของผู้เสียภาษี เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐาน และหากมีการบริจาคร่วมกันหลายคน ให้เฉลี่ยเงินบริจาคออกเป็นเท่า ๆ กันตามสัดส่วน

           รายชื่อสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนเงินบริจาค

           รายชื่อหน่วยงานกีฬาที่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาค

           รายชื่อมูลนิธิสมาคม สถานสาธารณกุศล วัดวาอาราม ที่ใช้สิทธิ์ขอหักลดหย่อนเงินบริจาค

           รายชื่อสถานสงเคราะห์ สถานพักฟื้นบำบัดและฟื้นฟูเด็ก คนชรา คนพิการ ที่สามารถลดหย่อนเงินบริจาคได้
 


16. ลดหย่อนจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ

          ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท จากทั้ง 2 เงื่อนไขรวมกันคือ

           ค่าบริการนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ (ค่าแพ็กเกจทัวร์)  อันเกิดจากการใช้บริการบริษัททัวร์ หรือบริษัทนำเที่ยว ที่จดทะเบียนกับสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

         ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนค่าเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ที่กรมสรรพากร

           ค่าบริการที่พัก จะต้องเป็นค่าที่พักกับโรงแรมที่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติโรงแรม เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ดังนั้น ค่าที่พักบางแห่งอาจจะไม่สามารถนำมาหัก เป็นค่าลดหย่อนได้ เช่น พักตาม โฮมสเตย์ หรือ บ้านพักต่าง ๆ แม้แต่บ้านพักตามอุทยานแห่งชาติ ฯลฯ เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรมตามกฎหมาย  โดยการนำหลักฐานสำคัญ คือใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงิน ที่ระบุชื่อผู้ชำระเงิน จำนวนเงิน และวันเดือนปีที่ชัดเจนมาแสดง

          ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนค่าเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ที่กรมสรรพากร

          ทั้งนี้ ค่าลดหย่อนจากการท่องเที่ยวนี้ สามารถใช้ได้ใน 2 ปีภาษีคือ ปี 2557 ที่ผ่านมา และปี 2558 ที่กำลังจะหมดไปนี้เท่านั้น จึงทำให้ช่วงเวลาที่ใช้ท่องเที่ยวและนำมาลดหย่อนภาษีได้เหลืออยู่เพียงวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2558 สำหรับการยื่นภาษีก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2559 เท่านั้น
 
          หลังจากทราบเงื่อนไขเเละหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีทั้งหมดแล้ว ผู้เสียภาษีทุกคนก็เตรียมสำรวจตัวเองได้เลยว่าเราเข้าหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีข้อใดบ้าง ทำตามหลักเกณฑ์ใดได้บ้าง และอย่าลืมตรวจเช็กเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้สำหรับแนบไปให้ครบถ้วน เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ ลดภาระการจ่ายภาษี ของทุกคนกันด้วยนะครับ สำหรับใครที่ต้องการดาวน์โหลดแบบแจ้งรายการเพื่อการหักลดหย่อนภาษี สามารถเข้าไปดูได้ที่ กรมสรรพากร
 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรมสรรพากร

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews

ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews
ซิโก้ ประกาศลั่น ขอแชมป์กลุ่ม ! ชม ไต้หวัน เล่นได้ดี ! #บอลไทย #เรื่องเล่าเช้านี้ #MorningNews
ที่มา http://www.gangzabaaball.com/news-details.php?item=2709

หลังจากชัยชนะอันงดงาม เชื่อว่าหลายๆคน ต่างปลื้มปิติกับชัยชนะ ASN Broker ขอนำบทสัมภาษณ์ของโค็ช ซิโก้
มาลงให้เพื่อนได้อ่านกันครับ  ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวเรือใหญ่ทีมชาติไทย หลังจาก ทัพ ช้างศึก ได้เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ไล่ต้อน ทีมชาติ ไต้หวันไปอย่างเมามัน 4 – 2 ทำให้ทัพ ช้างศึก เข้ารอบต่อไปเกือบจะแน่นอน 100 % แล้ว ณ ตอนนี้
หลังจากที่เกมการแข่งขันของทัพช้างศึกและไต้หวัน ได้จบลงด้วยสกอร์ 4 – 2 ซิโก้ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า
ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณแฟนบอลพี่น้องชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอด แต่ทีมเราเสียประตูเร็วไปหน่อยทำให้นักเตะทุกคนดูเร่งไปหมด แต่ก็ยังดีที่ทีมเราสามารถแซงนำ 2 – 1 จนทำให้เราห่วงเกมรุกซึ่งนำมาถึงการเสียประตูที่ 2
จุดเปลี่ยนของเกมนี้เราเปลี่ยน ธนา ลงมาทำให้มีทีเด็ดในช่วงท้ายเกมและ ธนา เองก็ทำได้ดี
ตอนนี้เรามองถึงแมตช์ต่อไปแล้วซึ่งแมตช์หน้าเราจะพบกับทีมชาติอิรักเพื่อเป็นที่ 1 ของสาย
โดยภาพรวมแล้วเราพอใจกับผลงานที่ออกมา   โดยเกมนัดต่อไปของทีมชุดใหญ่จะมีแข่งขันอีกที เดือน มีนาคม ปีหน้า
และหลังจากนี้นักเตะทุกคนแยกย้ายกันไป
สโมสร ของตัวเอง ส่วนตนก็จะไปดูทีม ปรีโอลิมปิก และในวันที่ 16
ก็จะเข้าไปหารือกับทีพีแอลเกี่ยวกับโปรแกรมของ
ชุดปรีโอลิมปิก และ ชุดใหญ่ และถ้าเราเข้ารอบที่ 3 ได้
ชุดใหญ่จะไปเก็บตัวที่ไหนบ้างในประเทศไทยหรือต่างประเทศ