ตลาด
ประกันภัยรถยนต์แข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งการออกสินค้าใหม่ๆ มาขาย และยังมีข่าวดิสเครดิตกันออกมาให้เห็นเป็นระยะ ล่าสุด 3 ค่ายประกันวินาศภัยก็ถูกข่าวลือข่าวเดิมกระหน่ำทำให้ต้องพึ่งผู้กำกับดูแลอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกโรงช่วยการันตี
+ ยันข่าวเท็จแบล็กลิสต์ประกัน
+ “มิตรแท้” ฟ้อง “ดีเอสไอ” เอาผิด
“ประเวช องอาจสิทธิกุล” เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่ามี
บริษัทประกันภัยรถยนต์หลายรายติดแบล็กลิสต์ฐานะการเงินไม่มั่นคง คปภ.ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นข่าวเก่า และหลายบริษัทที่มีชื่อในข่าวก็ได้เลิกประกอบธุรกิจไปแล้ว ส่วน 3 บริษัทที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ คือ บมจ.มิตรแท้
ประกันภัย บมจ.อาคเนย์
ประกันภัย และบมจ.เอราวัณ
ประกันภัย ไม่ได้มีปัญหาเรื่องฐานะการเงิน ยังดำเนินธุรกิจได้อย่างดี สามารถตรวจสอบฐานะการเงินได้ผ่านเว็บไซต์คปภ.
“คปภ.เราดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อมีเหตุสมควรก็ไม่รีรอที่จะออกข่าว โดยบริษัทที่ถูกกล่าวหาก็เตรียมดำเนินคดีผู้เผยแพร่ข่าวนี้แล้ว ส่วนบทลงโทษ หากเป็น
บริษัทประกันภัยเราสามารถลงโทษได้ แต่ถ้าจับต้นตอได้เป็นตัวบุคคลคงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย”
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้สมาคม
ประกันวินาศภัยไทยได้ออกข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว และยืนยันว่า 3 บริษัทฐานะมั่นคง โดยข้อมูลทางทะเบียนของคปภ.พบว่า ทุกบริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) สูงกว่าเกณฑ์กฎหมายกำหนด โดยมิตรแท้ประกันภัย มีทุนจดทะเบียน 1,618 ล้านบาท มีเงินกองทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/2557 สูงถึง 562 ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) 257% มีสินทรัพย์รวม 3,013 ล้านบาท, อาคเนย์ประกันภัย มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 8,481 ล้านบาท มี CAR Ratio 241% และเอราวัณประกันภัย มีทุนจดทะเบียน 467 ล้านบาท มี CAR Ratio 198%
“สุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย กล่าวว่าผลของการถูกปล่อยข่าวลือ ทำให้ลูกค้ามีข้อสงสัยต่อความมั่นคงของบริษัท กระทบความเชื่อมั่นในระยะยาว ทั้งที่ความเป็นจริงบริษัทไม่ได้ประสบปัญหาใดๆ เลย ที่ผ่านมาบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นเลข 2 หลักตลอด และลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในปี 2556 เมื่อเทียบกับปี2555
“ขณะนี้ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานส่งให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษ เพราะต้องการเอาผิดผู้ที่เผยแพร่ และร่วมเผยแพร่ข้อมูล”
สำหรับผลประกอบการช่วง 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2557) มิตรแท้ฯ มีเบี้ยรับรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท มีกำไร 200 ล้านบาท มีอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) เฉลี่ยประมาณ 50% โดยเบี้ยประกันกว่า 90% เป็นประกันภัยรถยนต์ ที่เหลือประมาณ 10% เป็นประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (นอนมอเตอร์) โดยตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมทั้งปีไว้ 3,000 ล้านบาท ปรับลงมาเล็กน้อยจาก 3,600 ล้านบาทเดิม ซึ่งเหลืออีก 5 เดือนคาดว่าจะเป็นไปตามเป้า
+ “
เอเชียประกันภัยรถยนต์” โชว์สินค้าใหม่
+ จับมือ “บิ๊กซี” ขาย 3UP ชั้น 1 เบี้ยถูก
ด้านตลาด
ประกันภัยรถยนต์ช่วงนี้ มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด “จุลพยัพ ศรีกาญจนา” ประธานคณะกรรมการและกรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ออก
ประกันภัยรถยนต์ตัวใหม่ “เอเชีย 3 UP” ขายผ่านบริษัท และพันธมิตรห้างบิ๊กซี ในคอนเซปต์
ประกันชั้น 1 ครึ่งราคา เบี้ยประกันเริ่มต้น 7,500 บาท จุดที่แตกต่างจากชั้น 1 ในท้องตลาดคือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ลูกค้ามีสิทธิ์เลือกจะจ่ายเบี้ย
ประกันชั้น 1 อีกครึ่งที่เหลือเริ่มต้น 7,500 บาท รวมเป็น 15,000 บาท เพื่อรับความคุ้มครองประกันชั้น 1 หรือจะไม่รับสิทธิ์นี้ก็ได้
“หลักการคล้ายๆ ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) เรามีสิทธิ์เลือกจ่ายถูกได้ ถ้าอุบัติเหตุหนักเราก็ให้
บริษัทประกันจ่าย ซึ่งรถยนต์ 100% ที่เคลม มี 60% ที่เกิดเหตุรุนแรง อีก 40% เป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย ซึ่งกลุ่มนี้จะเซฟเงินได้ โดยค่าเบี้ยเริ่มต้น 7,500 บาท เฉพาะรถอีโคคาร์เท่านั้น หากเป็นรถประเภทอื่นค่าเบี้ยจะสูงกว่านี้ แต่ค่าเบี้ย 15,000 บาทก็ถูกสุดในตลาดถ้าเทียบรถประเภทเดียวกันในตลาดประมาณ 17,000-18,000 บาท ขณะที่รถเล็กทั่วไปเบี้ยอาจจะถึง 20,000 บาท เชื่อว่า Loss Ratio น่าจะสูงกว่าชั้น 1 ปกติ แต่เป็นเคลมเล็ก ก็น่าจะพอมีกำไรบ้าง”
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้แบบประกันนี้บุกเบิกทำตลาด
ชั้น 1 จากที่ผ่านมาไม่เคยสนใจเลยเพราะสินไหมสูงมาก ปัจจุบันมี
ประกันชั้น 1 ประมาณ 10-15% ของพอร์ต ไม่อยากเพิ่มมากเพราะจะยิ่งขาดทุน โดยตัวนี้ถึงสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยไว้สูง 10 ล้านบาทต่อสาขาบิ๊กซี และเน้นลูกค้าใหม่
สำหรับผลประกอบการของบริษัท 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม 2557) ทำเบี้ยรับรวมได้ 2,000 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะได้ 2,800 ล้านบาทตามเป้า หากรวมตัวนี้ด้วยอาจจะถึง 3,000 ล้านบาท ส่วนแผนการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กำลังทบทวนร่วมกับ DEG พันธมิตรจากเยอรมนีอยู่ เบื้องต้นเลื่อนแผนออกไปอีก 3 ปี เป็นปี 2561 จากเดิมปี 2558 โดยบริษัทมีกำไรปีละประมาณ 100 ล้านบาทเพิ่มขึ้นทุกปี
ด้าน “ดร.สรินทิพย์ สถิตเสถียร” รองประธานฝ่ายธุรกิจใหม่และนวัตกรรม บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า แบบประกันนี้เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าบิ๊กซี เข้ามาเติมเต็มช่องว่างการ
ประกันภัยรถยนต์ให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ตอบสนองกลุ่มลูกค้าแมส และหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ส่วนการขายผ่านบริษัท โคโรเนท โบรกเกอร์ จำกัด พันธมิตรในโครงการ
ประกันภัยรถยนต์ “บิ๊กซีแคร์ยู” ที่เริ่มเมื่อปีที่ผ่านมามีจำนวนกรมธรรม์เพิ่มทุกเดือน ปัจจุบันมีพันธมิตรบริษัทประกันภัยทั้งประกันชีวิต และวินาศภัยรวม 5 บริษัท และยังขยายพันธมิตรใหม่และสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งขยายเคาน์เตอร์ “บิ๊กซีแคร์ยู” ในห้างบิ๊กซี ให้ครบ 120 สาขาทั่วประเทศ จากตอนนี้มีอยู่กว่า 50 สาขา