นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ต้องรักษาตำแหน่งบริษัทที่มีเบี้ยประกันภัย มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศไว้ให้ได้โดยจะ
มุ่งขยายประกันภัยรถยนต์ด้วยการเพิ่มมูลค่าด้านการบริการให้กับ
ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ที่มีอยู่มากกว่า 300,000 กรมธรรม์ ด้วยการออกแคมเปญใหม่ “
เมืองไทยประกันภัย..เราพร้อมให้บริการ” ซึ่งมีอยู่ 2 โครงการ คือ “เมืองไทยยิ้มได้..เมื่อรถเสีย” มอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ลูกค้าไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม อาทิ บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ส่งช่างไปดูอาการรถเสียเบื้องต้น ยกรถ/ลากรถ นำกุญแจสำรองไปให้ เติมน้ำมันให้โดยสามารถขอรับบริการได้ที่ Call Center 1484
โครงการที่สองคือ“เมืองไทย I Lert U” เมื่อลูกค้าเกิดอุบัติเหตุสามารถแจ้งอุบัติเหตุกับบริษัทโดยใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนโดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไว้หน้าจอเมื่อเกิดเคลมเพียงกดปุ่มเมืองไทย I lert U ที่หน้าจอโทรศัพท์การแจ้งเคลมจะปรากฏที่ Call Center บริษัทจะทราบตำแหน่งที่เกิดเหตุทันทีพร้อมกับส่งพนักงานสำรวจภัยไปยังจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วโดยเริ่มให้บริการแล้วทั้ง 2 โครงการ
“เป็น 2 โครงการที่เราลอนช์ออกมาปลายไตรมาส 3 เป็นการเพิ่มมูลค่าด้านบริการที่ครอบคลุมให้กับลูกค้าและคนที่ไม่ใช่ลูกค้าที่สนใจจะเป็นลูกค้าเรา เราให้กับลูกค้าทุกรายโดยไม่คิดเบี้ยเพิ่ม บริษัทเป็นผู้แบกต้นทุนทั้งหมด”
นายวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากเป้าหมายเบี้ยรับรวมทั้งปี 10,350 ล้านบาท เติบโต 15-16% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกประกันรถยนต์เติบโต 25% สูงกว่าเบี้ยรับรวมที่เติบโต 17% ครึ่งปีหลังจะพยายามรักษาการเติบโตระดับนี้ซึ่งค่อนข้างยาก เนื่องจากการแข่งขันจะรุนแรงมากกว่าเพราะหลายบริษัทที่เติบโตต่ำจะมุ่งเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งแนวโน้มในตลาดจะแข่งขันตัดราคาเบี้ยกันหนักทำให้เบี้ยที่เข้ามาลดลง ซึ่งบริษัทคาดหวังบริการใหม่จะกระตุ้นลูกค้าเก่าต่ออายุเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากเดิม 50-51% และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 20%
“เรามั่นใจในความแข็งแกร่งของแบรนด์เมืองไทยและบริการที่เราให้กับลูกค้าทุกรายไม่จำกัดแค่ชั้น 1 และให้แบบไม่อั้นไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้บริการเทียบกับที่อื่นที่ให้จำกัดเป็นกลยุทธ์ระยะยาวแม้จะต้องแบกต้นทุนเพิ่มก็ตามเราต้องการสร้างบริการที่แตกต่าง เราเน้นบริการไม่แข่งราคาต่ำ”
นายวาสิต กล่าวว่า ปัจจุบันเบี้ยประกันชั้น 1 มีสัดส่วนถึง 90% ของ
เบี้ยประกันรถยนต์ทั้งหมดอีก 10% ที่เหลือเป็น
ประกันรถยนต์ประเภทอื่นโดยบริษัทต้องการเพิ่มเบี้ยประกันประเภทอื่นเป็น 15-20% เพื่อให้ความเสี่ยงกระจายและคุมอัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ให้อยู่ประมาณ 60% ต้นๆ เพราะ
ชั้น 1 เบี้ยสูงก็จริงแต่สินไหมทดแทนก็สูงด้วย ขณะที่ประกันอื่น อาทิ แบบพลัสเบี้ยต่ำแต่สินไหมทดแทนดีกว่า
นางสาวชูพรรณ โกวานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กล่าวเสริมว่า ตั้งเป้าลูกค้าประกันรถยนต์ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ประมาณ 10,000 ราย โดยนโยบายบริษัทเน้นบริการให้ลูกค้าได้รับ ความสะดวกและเกิดความไว้วางใจในบริษัทมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น