สาวเชียงใหม่โพสต์เฟซบุ๊กบอกเล่าเหตุการณ์ถูกกวนสัญญาณรีโมทล็อครถยนต์ พร้อมเตือนภัยให้ทุกคนระมัดระวัง เนื่องจากรถบางยี่ห้ออาจเป็นเป้าหมาย
วันนี้ (30 ก.ค.) ในเพจ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ได้แชร์ประสบการณ์กา
รถูกกวนสัญญาณรีโมทล็อครถยนต์ จากคุณ
Monsicha Saengpanya ที่โพสต์เฟซบุ๊กบอกเล่าเหตุการณ์ที่เจอกับตัวเองที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า
"เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับตัวเองสดๆ ร้อนๆ เลย โอ้แม่เจ้า...เรื่องมีอยู่ว่าตัวฉันได้ขับรถมาส่งลูกเรียนพิเศษที่คุมอง สาขาสี่แยกสนามบินเชียงใหม่. แต่ล็อครถด้วยรีโมทไม่ได้ค่ะ นานมากๆ (ที่รู้ตัวเพราะเป็นคนที่ลงรถและล็อครถแล้วจะดึงประตูรถดูทุกครั้งว่าล็อคหรือไม่) เพราะสัญญาณถูกรบกวนค่ะ นี่ขนาดไม่ได้จอดที่เปลี่ยวคนก่เยอะนะเนี่ย เลยโทรปรึกษาคุณสามี ก็แนะนำว่าเธอขึ้นรถเลยแล้วขับเคลื่อนไปนิดนึงแล้วจอดอยู่ในรถลองล็อคด้วยรีโมท ค่ะล็อคได้ค่ะ"
"จากนั้นให้ลงอีกด้านของรถแล้วล็อคดู ค่ะล็อคไม่ได้อีกแล้วค่ะ แต่สังเกตเห็นวัยรุ่นชาย 2 คนท้ายรถค่ะมาจากไหนไม่รู้เมื่อกี้ไม่เห็นมี และอีก 1 คน ด้านหน้ารถควบมอเตอร์ไซต์มองมา จากนั้นนางแอนโวยวายค่ะ "เฮ้ย..ใครกวนสัญญาณรถว่ะ นี่ขนาดเมียตำรวจขับนะเนี่ย"
"จากนั้นครู่นึงล็อครถได้ค่ะ เลยเดินไปเล่าและฝากให้ร้านค้าแถวนั้นดูรถให้ด้วยเพราะเราเป็นลูกค้าซื้อของเค้าประจำจากนั้นก็ไปนั่งรอลูกชายเรียนพิเศษ แต่ก่เหมือนมีพลายกระซิบว่าลองไปดูที่รถอีกทีสิ...ก็เห็นตามภาพนี้เลยค่ะ ชายวัยรุ่น "เด็กเปรต" 2 คนพยายามเข้าใกล้รถมองหาของในรถโทรแจ้งอะไรบางอย่างมือดึงประตูรถเป็นระยะ ตกใจค่ะเมื่อเห็นภาพนี้ โทรหาสามีแล้วเดินไปที่รถแกล้งพูด "ค่ะ ตกลงว่าไงค่ะส่งคนมาดูรึยัง อ๋อตำรวจกำลังมาใช่ไหม" ส่วนมือก็ดึงไปที่ประตูรถด้านหลังเพราะด้านหน้า "เด็กเปรต" มันยืนขวางอยู่สีหน้ามันตกใจเล็กน้อย"
"จากนั้นนางแอนก็แกล้งเดินหายออกไปจากจุดนั้น แอบดูอยู่เลยได้เห็นภาพนี้ต่อค่ะคือ "เด็กเปรต" คนที่ 3 เดินเข้ามาใช้มือดึงประตูด้านหลังพร้อมกับกดอะไรบางอย่างในมือคล้ายๆรีโมท ส่วนอีก 2 คนก็โทรศัพท์ชี้มือโน่นนี่ เราก็มองตามมือมันเลยได้เห็นรถกระบะสีขาวคนด้านในพยายามกดอะไรบางอย่าง นางแอนเลยเดินออกมาจากจุดที่แอบพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพให้มันรู้ตัว และโทรศัพท์หาสามีพูดด้วยเสียงอันดังว่า "แจ้งความเลยดีไหม" จากนั้นคนแถวๆนั้นที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็เดินออกมาเพื่อให้รู้ว่าเค้าก็เห็นเค้าดูอยู่
"เด็กเปรต" 3 คนหน้าเปลี่ยนสีโทรแจ้งอะไรบางอย่างแล้วค่อยๆขับมอเตอร์ไซต์ออกไป ขอบคุณเจ้าของร้านเมี่ยงปลาเผาสาขานี้ด้วยนะคะที่ช่วยเป็นหูเป็นตาแทน ใจคุณหล่อมากๆเลยออกมาช่วยฉันจะเป็นลูกค้าซื้อปลาเธอตลอดไปนะ"
และวันนี้ ทาง ASN Broker จึึงขอเสนอวิธีที่โจรใช้และวิธีป้องกัน เพื่อความปลอดภัย รถของลูกค้าทุกท่านครับ
Remote Jamming เป็นคำที่หลายคนยังไม่รู้จัก จนเมื่อมีการออกข่าวเรื่องการขโมยรถ โดยใช้อุปกรณ์ทำการส่งคลื่นรบกวน ระบบกันขโมยและระบบล็อครถ จนคนร้ายเข้ามาในรถได้ตอนเจ้าของไม่อยู่
ข่าวนี้กลายเป็นที่สนใจทันที เพราะวิธีการป้องกันรถยนต์ที่นิยมที่สุดในบ้านเรา กลับถูกปลดล็อคอย่างง่ายดาย แต่สำหรับต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
ในปัจจุบันการดักสัญญาณแบบนี้มีอยู่ 2 รูปแบบคือ
1. สกัดสัญญาณ วิธีการนี้จะทำการส่งสัญญาณรบกวนระบบล็อครถของคุณ โดยที่คุณกดรีโมทล็อครถ ที่จะล็อคประตูกับระบบเซ็นทรัลล็อคตามปกติ แต่ที่จริงรถกลายเป็นว่าคุณปล่อยรถของคุณทิ้งไว้โดยไม่ได้ล็อค นั่นเอง ซึ่งที่ออกข่าวการขโมยรถไป จะเป็นการขโมยรถด้วยวิธีสกัดสัญญาณ
2. คัดลอกสัญญาณ วิธีนี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ เพราะคุณจะกดรีโมท และล็อครถได้ตามปกติ แต่หารู้ไม่มีคนดักจับคลื่นสัญญาณรีโมทรถคุณอยู่ และเมื่อมิจฉาชีพเหล่านั้นแปลงสัญญาณของคุณออกมาใช้ ก็เหมือนเขามีรีโมทของคุณมาเปิดรถคุณเสมือนรถของตัวเขาเอง
(ภาพจาก kapook.com)
เมื่อรู้ถึงรูปแบบของ Remote Jamming ไปแล้ว คราวนี้เราจะมาแนะนำวิธีที่ลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมด้วยวิธี Remote Jamming กันดูครับ
1. ในลานจอดรถคือแหล่งขโมยชั้นดี เพราะในลานจอดรถตามห้าง อาคาร มีมุม และเสาเพื่อหลบสายตาอยู่เต็มไปหมด มองซ้ายขวา สังเกตดูรอบๆ ให้ดี ก่อนกดสัญญาณรีโมทนะครับ
2. ที่พลุกพล่านปลอดภัยกว่า แน่นอนครับ ไม่ใช่แค่กับมิจฉาชีพประเภทนี้ การลงมือโจรกรรมในที่คนอยู่เยอะมันเสี่ยงเกินที่จะทำ คุณก็สบายใจว่ารถคุณปลอดภัยกว่าจอดในที่ลับสายตา
3. สังเกตพิรุธผู้ที่อยู่บริเวณนั้น เพราะการ remote jamming ผู้ใช้จะต้องอยู่ใกล้พอ ตอนคุณตอนกดรีโมท ก่อนจะเลือกจอดมองดูคนแถวนั้นสักหน่อย ว่ามีคนอยู่ในที่ไม่จำเป็นหรือไม่ ถืออุปกรณ์แปลกๆ ในมือหรือเปล่า ทำตัวน่าสงสัยคอยมองรถคันต่างๆ นี่ยิ่งไม่น่าไว้ใจ ขับไปแจ้งรักษาความปลอดภัยให้มาช่วยตรวจสอบก็ดีครับ
4. เช็ครถก่อนเดินจากไป เมื่อกดรีโมทแล้ว ลองจับประตูรถเปิดดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย หรือถ้าระแวงแถวๆที่จอดแต่ จำเป็นต้องจอด แนะนำว่าล็อครถด้วยกุญแจเลยครับ ตัดปัญหา เพราะโดยส่วนใหญ่ระบบเซ็นทรัลล็อกทำงานแยกส่วนกับระบบรีโมทสั่งการ และถ้ามีจังหวะก็เดินกลับมาดูรถบ้างก็ดีครับ
5. ไม่ต้องมีของให้ขโมย เพราะไม่ว่าเราจะป้องกันดีแค่ไหน แต่เราก็ไม่รู้ว่า มิจฉาชีพเหล่านี้จะใช้วิธีการอะไรบ้าง บางทีแปลกจนเราตามไม่ทัน เช่นนั้นก็ตัดปัญหาไปเลย เพราะถ้าเราพลาด จนรถถูกเปิดขึ้นมา ก็ไม่ต้องมีของอะไรให้คนเหล่านั้นหยิบติดมือไป ข้อนี้น่าจะเป็นการตัดปัญหาที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก Auto Sanook และ hondaloverclub.com