หลายครั้งที่คุณสาวๆ ทั้งหลายขับรถไปแล้วเกิดเฉี่ยวหรือชนเข้ากับวัตถุที่อยู่ริมถนนโดยไม่ตั้งใจ เช่น กระถาง กระบะปลูกต้นไม้หน้าบ้าน หรือ
แม้แต่กำแพง หรือเสารั้วตอนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน หรือบางทีก็โดนรถจักรยานยนต์เฉี่ยวเอาตัวอย่างสีแล้วหนีไปซะงั้น ไม่สามารถตามตัวได้ รู้ทั้งรู้อยู่ว่า
รถเรามีประกันภัยชั้น ๑ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเคยได้ยินมาแต่ว่า การเคลมประกันเพื่อสั่งซ่อมนั้นต้องมีคู่กรณี ๒ ฝ่าย คือเรากับฝ่ายผู้ก่อเหตุ
แต่คราวนี้เราเป็นผู้ก่อเหตุซะเองกับสิ่งไม่มีชีวิต หรือผู้ก่อเหตุหนีไปในกลีบถนนแล้วเนี่ย เราจะทำยังไงดี จะเคลมแบบไม่มีคู่กรณีได้มั้ย ขอเชิญ
ติดตาม
การแจ้งบริษัทประกันภัย เพื่อขอเลขเคลมสั่งซ่อมแบบไม่มีคู่กรณีนั้น สามารถทำได้ และทำกันมาหลายแล้วด้วย พอๆ กับการแจ้งเคลมแบบมีคู่
กรณีนั่นแหละ เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกวันและทุกเวลา
ขั้นตอนการแจ้งเพื่อนำรถเข้าซ่อม
๑. แจ้งไปที่ศูนย์บริการที่เราซื้อรถคันนี้มาว่า เราจะนำรถเข้าซ่อม โดนอะไรก็แจ้งเขาไป แล้วทางศูนย์บริการก็จะบอกให้เราไปแจ้งบริษัทประกันภัย
เพื่อขอเลขเคลม
๒. ไปที่บริษัทประกันภัยที่เราได้ทำไว้ แล้วแจ้งทางบริษัทว่าจะขอเลขเคลมเพื่อจะนำรถเข้าซ่อม ทางบริษัทประกันภัยจะให้เขียนรายละเอียดของ
การเกิดอุบัติเหตุ
ทริคการแจ้งรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
-แจ้ง วัน เวลาของการเกิดอุบัติเหตุให้ใกล้วันที่แจ้งเคลมให้มากที่สุด เช่น แจ้งเคลม ๖ พ.ย. ก็แจ้งวันที่เกิดเหตุว่า เกิดเหตุวันที่ ๕ พ.ย. เป็นต้น
หรือถ้าไปแจ้งตอนบ่าย ก็แจ้งในใบแจ้งรายละเอียดว่าเกิดเหตุตอนเช้าวันที่แจ้งไปเลย เพราะถ้าแจ้งวัน เวลาตามความเป็นจริง บริษัทอาจจะหัวหมอ
โดยอ้างว่าเกิดเหตุนานมาแล้วไม่รีบแจ้ง อาจจะยึกยักให้เราปวดเศียรเวียนเกล้าได้
-แจ้งการเกิดเหตุโดยแจ้งว่าได้ ชนหรือเฉี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น กระถาง กำแพง เสารั้ว แต่ต้องให้ดูสมจริงด้วย ไม่ใช่ว่าแผลอยู่ตรงกับแนวไฟท้าย
แต่แจ้งว่าชนกระถาง ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ แบบนี้ก็อาจโดนเล่นแง่ได้เหมือนกัน เรื่องแจ้งว่าชนกับอะไรนั้น ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะเราก็รู้อยู่แล้ว
ว่าเราขับไปชนอะไรมา แต่ในกรณีชนแล้วหนีเนี่ย ต้องแต่งเรื่องนิดหน่อย โดยอย่าบอกว่าโดนชนแล้วหนีเด็ดขาด เพราะอาจจะโดนเล่นแง่ให้ไป
ตามคู่กรณีได้ ดังนั้นถ้าให้ชัวร์ แจ้งว่าชนกับสิ่งไม่มีชีวิตดีที่สุดครับ
-สามารถแจ้งขอเลขเคลมได้ทั้งคัน ไม่ว่าจชนมานานแค่ไหน แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ให้แจ้งวัน เวลาที่เกิดเหตุให้ใกล้วันแจ้งให้มากที่สุดจะดี
ที่สุด ถ้ามีหลายแผลหลายรอยก็ต้องคิดกันหน่อยตรงนี้
๓. ทางบริษัทประกันภัยอาจะขอดูรถเรา ก็ให้เขาดูไป แต่ถ้าไม่ได้เอารถมาด้วย ก็สามารถนัดวันให้บริษัทมาดูได้ แต่ถ้าเขาไม่พูดถึงเราก็ไม่ต้อง
ถาม
๔. เมื่อได้เลขเคลมมาแล้วก็แล้วแต่เราล่ะว่าจะนำรถเข้าซ่อมเมื่อไร ไม่จำเป็นว่าได้เลขเคลมมาแล้วต้องนำรถเข้าซ่อมทันที แต่ใบเคลมนี้มีอายุ
ประมาณ ๑ ปี
๕.เมื่อจะนำรถเข้าซ่อมก็นำรถไปที่ศูนย์ บริการที่เราซื้อรถมาพร้อมนำใบเคลมติดไปด้วย ยื่นใบเคลมให้ พร้อมเซ็นชื่อสั่งซ่อม ทางศูนย์บริการจะ
นัดวันมารับรถ หรือหากว่าเป็นการซ่อมไมไหญ่ เช่น โดนทุบกระจก บริษัทประกันจะแนะนำอู่ให้เราถือใบเคลมไปเปลี่ยนเอง แบบนี้เราก็สามารถรอ
รถได้เลย
--หากชื่อเจ้าของรถไม่ตรงกับชื่อคนแจ้งเคลม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนที่มีพลขับส่วนใหญ่ก็จะให้พลขับเป็นคนเซ็นใบเคลม แต่ถ้าบริษัท
ยึกยักเล่นแง่หัวหมอ ก็อธิบายไปตามความจริง เช่น ชื่อสามี แต่เราเป็นคนใช้รถ หรือบอกว่า เราเป็นภรรยาของเจ้าของรถ ถ้ายังเรื่องมากอีกก็ใช้ไม้
ตายขุ่ว่าจะถอนประกันภัยแล้วจะไปทำประกันภัยกับ บริษัทอื่น รับรองรายไหนรายนั้น ยอมทำให้แน่นอน
ปล.ที่บอกว่าเพื่อคุณสุภาพสตรีเพราะคิดว่าคุณผู้ชายคงทราบดีอยู่แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลโดย tqm.co.th/เกร็ดความรู้/การเคลมประกันภัยรถยนต์ชั้น-๑-ชนิดไม่มีคู่กรณี-แบบฟรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น