“ทิพย
ประกันภัย" ค่ายประกันวินาศภัยเบอร์ 2 ของประเทศประกาศแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในประเทศผลพวงจากปัญหาการเมืองทำให้การก่อสร้างโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ทั้งการลงทุนมูลค่า 2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ชะลอออกไปทำให้เบี้ยประกันก้อนใหญ่ที่คาดว่าจะเข้ามาตั้งแต่ครึ่งปีแรกเลื่อนออกไปด้วยจึงต้องปรับแผนหันไปขยายลูกค้ารายย่อยแทนหาเบี้ยประกันมาชดเชยขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเป็นปีแรกที่เริ่มขยายธุรกิจไปยังอาเซียนประเดิมที่สปป.ลาว
+ ปรับแผนรุกรายย่อยดันโต 15%
“ตอนแรกโครงการใหญ่ๆ ชะลอออกไปหมดแต่ก็มีข่าวดีจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะเดินหน้าลงทุนต่อทำให้เบี้ยประกันจะเริ่มมีเข้ามาบ้างในช่วงครึ่งปีหลังหรือไม่ก็ปีถัดไปถึงจะช้ากว่าเดิม เราจึงยังไม่ปรับเป้าในปีนี้ที่วางเบี้ยประกันไว้ 27,584 ล้านบาท เติบโต 15% แม้ในช่วง 5 เดือนจะทำได้ต่ำกว่าปีก่อนก็ตามเพราะรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ไม่ได้ปรับมูลค่าทรัพย์สินที่จะทำประกันลง แถมบางองค์กร เช่น การบินไทยซื้อเครื่องบินเพิ่มทำให้ทุนประกันเพิ่มด้วย ขณะที่โครงการใหญ่ๆ อย่างรถไฟฟ้าที่เปิดให้เสนอราคาประกันแข่งกันอยู่ต้องการบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์สูงเราก็มั่นใจได้เข้าไปเสนอราคาแข่งด้วย” “สมพร สืบถวิลกุล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ทิพยประกันภัย กล่าว
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เบี้ยประกันถึงเป้า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เน้นการออกสินค้าใหม่มุ่งทำตลาดรายย่อยเป็นหลักให้ได้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นโดยสินค้าที่จะออกมาเป็นกลุ่ม “ทิพยพลัส” ซึ่งจะทำตลาดผ่านช่องทางตลาดแบบตรงให้ลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาซื้อตรงกับบริษัท (อินบาวด์) โดยจะทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ให้ลูกค้ารู้จักสินค้าซึ่งในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อยจาก 40% เป็น 60% และลูกค้ารายใหญ่ลดลงเหลือ 40%
สำหรับการ
ประกันภัยรถยนต์ “สมพร” กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีเบี้ย
ประกันรถยนต์ถึง 5,000 ล้านบาทแม้จะมีสัดส่วนแค่ 23% ของทั้งพอร์ตแต่ถือว่าเยอะจะเข้าไปดูแลใกล้ชิดมากขึ้นจะเอาสถิติการรับ
ประกันรถยนต์แต่ละกลุ่มแต่ละประเภทมาแยกกลุ่มรถยนต์กลุ่มไหนมีกำไรจะปรับเบี้ยลงและกลุ่มไหนกำไรน้อยหรือไม่มีกำไรจะปรับเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเป็นรถซูเปอร์คาร์รวมถึงรถเช่าและรถขนาดใหญ่จะไม่รับเพราะสินไหมเกิน 70% แต่ยังพิจารณารับประกันเป็นบางกรณี
+ ได้ฤกษ์บุกอาเซียนปักธง! ลาว
นอกจากนี้ “ทิพยประกันภัย” ได้เริ่มขยายธุรกิจไปต่างประเทศแล้ว โดย “สมพร” กล่าวว่า ปี 2558 จะเปิดเออีซีจึงมองโอกาสที่จะขยายงานในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว กัมพูชา และพม่า โดยเริ่มที่สปป.ลาวก่อนด้วยการเปิดบริษัทประกันภัยแห่งใหม่ขึ้น ชื่อว่า “ทิบภยะประกันภัย (ลาว)” เป็นการร่วมทุนระหว่าง 4 กลุ่มคือผู้ถือหุ้นชาวไทยประกอบด้วยกลุ่มทิพย, กลุ่มพานิชชีวะ และกลุ่มอาคเนย์ถือหุ้นร่วมกัน 80% อีก 20% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นลาวเริ่มเปิดได้ 2 สัปดาห์แล้ว
“บริษัทนี้เราลงทุนไป 100 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาทตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งใบอนุญาตที่ลาวสามารถดำเนินธุรกิจได้ทั้ง 3 ประเภท คือ ประกันวินาศภัย ประกันชีวิต และประกันภัยต่อ”
การขยายธุรกิจในเบื้องต้นจะเริ่มจากการประกันภัยก่อสร้างก่อนเพราะทางลาวกำลังก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งทางกลุ่มมีความเชี่ยวชาญ คาดว่าปีแรกจะมีเบี้ยรวม 6 ล้านเหรียญหรือประมาณ 180 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยลาวมีเบี้ยรวมแค่ 60 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท เท่านั้นยังเล็กมาก ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตก็เช่นกันมีเบี้ยรวมแค่ 2-3 ล้านเหรียญ หรือราว 60-90 ล้านบาทซึ่งในปีแรกจะเน้นประกันภัยเบ็ดเตล็ดก่อน ปีหน้าจึงจะเริ่มทดลองเอาประกันชีวิตไปขาย
“สมพร” บอกว่าสนใจที่จะขยายธุรกิจในกัมพูชา และพม่าเช่นกันซึ่งการลงทุนจะใช้รูปแบบเดียวกับลาวโดยกัมพูชาอยู่ระหว่างศึกษาน่าจะจบได้ในปีนี้
+ ปี’58 ส่งประกันชีวิตเข้าตลาดหุ้น
“สมพร” ยังกล่าวถึงบมจ.ทิพยประกันชีวิตที่อยู่ในเครือเดียว กันว่า ปีนี้เป็นปีที่ 3 นับหลังจากซื้อบริษัทมาตั้งเป้าหมายเบี้ยประกัน 5,000 ล้านบาท จาก 4,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมอีกกว่า 200 ล้านบาท ให้หมดภายในปีนี้หลังจากปี 2556 มีกำไร 300 กว่าล้านบาท และจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2558 ตามแผนที่วางไว้โดยบริษัทเพิ่งเพิ่มทุนไปอีก 264.71 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,741.58 ล้านบาท ซึ่งตามแผนธุรกิจต้องการเพิ่มทุนจดทะเบียน เป็น 3,000 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมประมาณ 1,700-1,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากการออกหุ้นไอพีโอขายนักลงทุนในตลาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น