ไฟฉุกเฉิน
ตาม พ.ร.บ.จราจร นั้นให้ใช้ในกรณีที่รถเสียจอดหยุดนิ่งเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ อนุโลมใช้กันในบางกรณีที่เหมาะสม อย่างเช่นการจอด
รถ เพื่อให้
รถคันหลังทราบ, การเบรกกรณีฉุกเฉิน, รถขับนำขบวนหรือปิดท้าย ก็สามารถใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกขบวน
แต่หลายคนมักใช้ผิด อาจก่อเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น เวลาฝนตกหนักมักเปิดไฟฉุกเฉิน แต่เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน หรือเลี้ยว จะทำให้รถด้านคันด้าน
หลังเกิดความสับสน และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
หรือการผ่านทาง 4 แยก ไม่มีไฟแดง ผู้ขับต้องการจะตรงไป หลายคนเลือกเปิดไฟฉุกเฉิน จะทำให้ผู้ที่อยู่ทางขวามือของคุณ คิดว่าคุณจะเลี้ยว
ขวา และผู้ที่อยู่ทางซ้ายมือของคุณก็คิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้าย อาจเกิดอุบัติเหตุได้
ไม่ยอมเปิดไฟเลี้ยว ขณะเปลี่ยนเลน หรือเลี้ยวรถ
ตามกฎหมายระบุว่า จะต้องเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อนถึงทางเลี้ยว 30 เมตร เป็นอย่างน้อย แต่ในทางปฏิบัติควรเปิดไฟเลี้ยวแต่เนิ่นๆ เพื่อ
ให้รถคันที่ตามมาทราบ และไม่ขับชิดติดจนเกินไป สำหรับการเปลี่ยนเลน โดยเปิดไฟเลี้ยวพร้อมกับหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนทันที จะทำให้ผู้ที่อยู่ด้าน
หลังไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าก่อนที่คุณจะหักเลี้ยว
การใช้ไฟตัดหมอก
หลายคนยังใช้ไม่เป็นทั้งที่พูดกันอย่างกว้างขวางก็ตาม มักจะชอบเปิดไฟตัดหมอกและเปิดไฟหน้ารถไปพร้อมกัน ทั้งที่ ไฟตัดหมอกควรเปิด
ในกรณีที่สภาวะแวดล้อมไม่ดีทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่แย่ เช่น กรณีหมอกลง หรือฝนตกอย่างหนักจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า โดยเฉพาะไฟตัด
หมอกหลัง หลายคนมักเปิดไฟตัดหมอกหลังในยามกลางคืนที่ไม่มีเหตุการณ์จำเป็นต่อการเปิด จะแยงตาผู้ขับตามหลัง หรือมองไกลๆ อาจทำให้เกิด
ความสับสน นึกว่าเป็นไฟเบรกได้
ไฟพาส (Pass) หรือไฟให้ทาง
ชื่อเป็นสากล คำว่า Pass หมายถึงการให้ผ่าน แต่ คนไทยเรียกว่า "ต๊อบไฟ" ใส่ผู้ที่กำลังจะข้ามถนน หรือรถคันที่จะเลี้ยวเข้ามา เพื่อ
แสดงว่า ไม่ให้ไป เป็นอันรู้กันสำหรับคนไทย แต่หากเจอชาวต่างชาติที่เข้าใจตามหลักสากล อาจเกิดการเข้าใจผิดจนเกิดอุบัติเหตุได้ จึงควร
ระมัดระวังกับการใช้สัญญาณไฟ pass ด้วย
ที่มา: News Sanook Auto
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น