ที่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ
เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากรถได้ทวีจำนวนขึ้นในแต่ละปี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
โดยผู้ประสบภัยดังกล่าวไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย หรือได้รับชดใช้ค่าเสียหายไม่คุ้มกับความเสียหายที่ได้รับจริง
และหากผู้ประสบภัยจะใช้สิทธิทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายก็ต้องใช้เวลาดำเนินคดียาวนาน
เพื่อที่จะให้ผู้ประสบภัยอันเกิดจากรถได้รับชดใช้ค่าเสียหายกับเพื่อให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นที่แน่นอน
และทันท่วงทีตามจำนวนที่จำเป็นก่อนในระหว่างรอการพิสูจน์ความรับผิด หรือระหว่างรอการหาตัวผู้ที่จะต้องรับผิดต่อผู้ประสบภัย
หรือแม้จะรู้ตัวผู้ที่จะต้องรับผิดต่อผู้ประสบภัยแล้ว แต่ผู้ที่จะต้องรับผิดต่อผู้ประสบภัยไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ประสบภัย
ก็ให้ผู้ประสบ ภัยมีสิทธิขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยไปพลางก่อน
ด้วยเหตุดังกล่าว รัฐบาลจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
จนได้มีการประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายในปี พ.ศ.2535 โดยในมาตรา 7 วรรคแรกของพระราชบัญญัติดังกล่าว
ได้บัญญัติให้เจ้าของรถซึ่งใช้รถหรือมีรถไว้เพื่อใช้ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย
โดย
ประกันภัยรถยนต์กับบริษัทตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกันวินาศภัยที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการประเภทประกันภัยรถยนต์
จากเนื้อความในมาตรา 7 ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าของรถเป็นผู้มีหน้าที่จัดให้มีการ
ประกันรถยนต์ความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย
แต่มาตรา 7 บัญญัติถึงรถที่เจ้าของรถต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยก็คือรถซึ่งใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้
ดังนั้น ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ใช้หรือไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ เจ้าของรถย่อมไม่มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการ
ประกันภัยรถยนต์ความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย
เหตุผลก็เนื่องจากรถที่ไม่ได้ใช้ หรือรถที่ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ เช่น รถเก่าที่ผุพังจนไม่สามารถนำมาใช้ได้ ย่อมไม่มีโอกาสที่จะก่อความเสียหายขึ้นได้
ส่วนรถที่ไม่ได้มีไว้ เพื่อใช้ หมายถึงรถที่เจ้าของรถไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ เช่น รถที่เก็บไว้ในพิพิธพันธ์ เป็นต้น
รถดังกล่าวนี้มีไว้เพื่อให้คนมาชมหรือมาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรถในยุคเก่า เมื่อไม่มีการนำมาใช้ก็ย่อมไม่มีโอกาส
ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประสบภัยได้ ด้วยเหตุนี้เอง พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ จึงได้บัญญัติ
ให้เฉพาะรถที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้เท่านั้นที่ต้องจัดให้มีการ
ประกันภัยรถยนต์ความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย
รถที่มีไว้เพื่อขาย เช่น รถที่อยู่ในโชว์รูม เป็นต้น รถดังกล่าวนี้ย่อมไม่ต้องเอา
ประกันภัยรถยนต์เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัย
เพราะเหตุที่ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ อย่างไรก็ตาม รถดังกล่าวนี้อาจมีการนำออกมาวิ่ง เพื่อให้ผู้จะซื้อทดลองขับก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
ในระหว่างทดลองขับอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประสบภัย
ปัญหามีว่า ก่อนนำออกมาวิ่งเพื่อทดลองขับ เจ้าของรถจะต้องเอาประกันภัยเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความในมาตรา 7 ใช้คำว่า “...เจ้าของรถซึ่งใช้รถหรือมีรถไว้เพื่อใช้ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหาย
สำหรับผู้ประสบภัย...” ดังนั้นเมื่อเป็นรถที่ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ เจ้าของรถย่อมไม่มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหาย
ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปก็คือ หากขณะทดลองขับ ผู้จะซื้อได้ขับรถชนคนเดินถนนถึงแก่ความตาย
กรณีเช่นนี้ผู้ประสบภัยจะร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทย่อมไม่ได้ เพราะรถคันดังกล่าวไม่มี
ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองผู้ประสบภัย
จากรถกับบริษัท หากผู้ประสบภัยจะร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
กองทุนฯ มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยในกรณีนี้หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น