พ่อ...หยุดไลน์หาผมซะที! ผลสะท้อนการเกิดอุบัติเหตุแชทขณะขับรถ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
เชื่อหรือไม่!!!! ว่าสถิติจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์มือถือนั้น มีมากกว่าการเมาแล้วขับเสียอีก
โดยในสหรัฐอเมริกาเกิดอุบัติเหตุมากกว่า 1.6 ล้านครั้งต่อปี หรือเฉลี่ย 4 พันครั้งต่อวัน
โดยจากผลการวิจัยของสถาบันกิจการขนส่งเวอร์จิเนียร์เทคฯ พบว่าการพยายามพิมพ์ข้อความ ขณะขับรถจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุด
มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้อง ถนนสูงกว่าปกติถึง 23 เท่าเลยทีเดียว
โดยการพิมพ์ข้อความ ขณะขับรถ ซึ่งผู้ขับจะไม่ได้มองถนนเป็นระยะเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ4.6 วินาที
ซึ่งนานพอที่รถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว55 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 88.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
สามารถทำระยะทางได้เท่ากับหนึ่งสนามฟุตบอล ในขณะที่การสนทนามือถือระหว่างขับรถจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
เพียง 1.3 เท่าของผู้ขับทั่วไป
ล่าสุดเพื่อตอกย้ำสถิติ การเกิดอุบัติเหตุจากการแชท ASN Broker จึงขอนำ ชิ้นโฆษณา
ที่ว่าด้วย ลูกชาย ต้องเสียพ่อที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ด้วยเหตุเพราะการแชทส่งข้อความผ่าน สมาร์ทโฟน
พ่อ…หยุดไลน์หาผมซะที!
ล่าสุด ได้เห็นคลิปจาก เจ้าพระยาประกันภัย ที่ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมนี้ ว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง และเล็งเห็นความสำคัญในการรณรงค์ให้ทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และตระหนักถึงอันตรายของการแชทขณะขับรถ เพราะอันตรายถึงชีวิต แม้เพียงเราละสายตาพิมพ์ด้วยความประมาทไม่กี่วินาที
ไอเดียของคลิปนี้ คือการนำเรื่องราวชีวิตประจำวันของพ่อลูกคู่หนึ่งที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน แต่ทั้งสองคนก็ยังคงรักและดูแลใส่ใจกัน ผ่านการแชททางโทรศัพท์มือถือ ดูแลใส่ใจกัน แสดงความรักต่อกันตามประสาครอบครัวยุคใหม่ ที่ดูแล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เทคโนโลยีเป็นเรื่องดี ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น กับเพื่อน กับคนรู้จัก แต่ก็อาจส่งผลเสียหากเราใช้มันด้วยความประมาท ใช้เป็นประจำจนลืมนึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และอาจเป็นสาเหตุให้เราไม่ได้เจอกับคนที่เรารักชอีกเลยก็ได้
คลิปวีดีโอตัวนี้จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าสนใจ และอยากให้เราช่วยกันแชร์มันออกไปสู่คนที่เรารัก พวกเราจะได้รู้ลิมิตและรู้จักใช้เวลาแชทที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตราย
สำหรับ การใช้อุปกรณ์เสริมชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสโทรศัพท์ เช่น การใช้บลูทูธเชื่อมสัญญาณโทรศัพท์กับเครื่องเสียงในรถ หรือการใช้เสียงสั่งการเพื่อรับสายหรือโทรฯออกจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด อุบัติเหตุจากปัจจัยด้านกายภาพและปัจจัยด้านการมองเห็นลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการคุยในขณะขับรถไม่ว่าจะคุยกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถคัน เดียวกันหรือคุยโทรศัพท์โดยจะใช้อุปกรณ์เสริมจะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและ ทำให้ตอบสนองต่อสัญญาณจราจรและเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้ช้าลงและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นกว่าผู้ที่มีสมาธิจดจ่อ อยู่กับการขับขี่
จาก การวิจัยพบว่าการสูญเสียสมาธิขณะขับขี่เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิด อุบัติเหตุ โดยการโทรศัพท์ขณะขับรถไม่ว่าจะใช้มือถือโทรศัพท์หรือใช้อุปกรณ์เสริม ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงพอ ๆ กัน คือผู้ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติ 4 เท่า และผู้ที่ไม่ใช้อุปกรณ์เสริมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับขี่ปกติ5 เท่า จะเห็นว่าการใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้มือถือโทรศัพท์ใน ขณะขับรถ แม้จะลดความเสี่ยงจากปัจจัยทางกายภาพได้ แต่ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการเสียสมาธินั้นยังสูงอยู่มาก
ทั้งนี้สำหรับข้อแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อให้การขับรถมีความปลอดภัย คือหากขับรถในระยะทางใกล้ ๆ ใช้เวลาจนถึงที่หมายไม่นานนัก ไม่ควรรับสายหรือโทรฯออก จนกว่าจะถึงที่หมาย หากขับรถระยะทางไกลและใช้เวลานาน ควรกำหนดจุดหยุดพัก เช่น หยุดพักทุกหนึ่งชั่วโมง แล้วค่อยโทรศัพท์เมื่อถึงจุดหยุดพัก หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ควรจอดรถข้างทางในที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงโทรฯ หากอยู่ในที่ที่รถติดหรือจำเป็นต้องขับรถต่อไป ควรขับชิดซ้ายและชะลอความเร็วลง เตรียมอุปกรณ์เสริมให้พร้อมใช้งาน เมื่อเริ่มสนทนา ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบว่าเรากำลังขับรถอยู่และใช้เวลาในการพูดคุยให้สั้นที่สุด หลีกเลี่ยงเรื่องสนทนาที่ทำให้เศร้า โกรธ หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย และไม่รับหรือส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมลในทุกกรณี เท่านี้ก็เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่ง
ที่มา http://www.asnbroker.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น