มาทำความรู้จัก อุปกรณ์กันขโมย ช่วยป้องกันรถได้จริงไหม
ถึงแม้ว่า ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ระบบกันขโมยต่างๆ ในโลกนี้
แม้จะไฮเทคเพียงใด ก็ไม่มีทาง จะปลอดภัยสมบูรณ์แบบ 100 %
ถ้าจะว่ากันแล้ว ตั้งแต่ในยุคอดีตเลยก็ว่าได้ เราได้เห็น กันขโมย ที่ทำกันขึ้นมาเอง
เรียกได้ว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน เหมือนที่เคยเห็นรถจักรยาน และจักรยานยนต์
นอกจากจะมีล็อกคอแล้ว เพื่อความปลอดภัย ยังมีการจับรถจักรยานล่ามโซ่ไว้กับเสาบ้าน
เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย ยกขึ้นท้ายรถกระบะพาไปแยกร่าง
ต่อมา ผู้ที่ขับรถยนต์จึงนำเอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง ผมเคยเห็นคนเอาโซ่มาล่ามที่ล้อรถแล้วก็ล็อคไว้ที่เสาก็ดูเข้าท่าดี
แต่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาแบบง่ายๆ พวกหัวขโมยมันก็ทำทุกทางเพื่ออาชีพในการขโมยรถ
เคยไปเห็น ดูแล้วรู้ว่าตัวโซ่นั้นโดนตัดขาดอย่างง่ายด้วยคีมขนาดใหญ่ เพียงไม่ถึงนาทีรถคุณก็หายได้
ดังนั้น จึงมีผู้คิดค้นกันขโมยแบบต่างๆเริ่มจากเป็นตัวล็อกเกียร์ ที่รถเกือบทุกคันมีกันทั้งนั้น
ซึ่งกันขโมยแบบล็อกเกียร์นี้ มีให้ใช้ทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ เห็นได้ว่า ไม่ค่อยน่าใช้เท่าไหร่
กันขโมยรูปแบบนี้ เป็นเพียงแค่ ตัวถ่วงเวลา ไม่ให้หัวขโมยทั้งหลายใช้เวลาในการขโมยรถนานขึ้น
การติดตั้ง ต้องมุดเข้าไปใต้ท้องรถ เพื่อเจาะรูร้อยน๊อตขาชุดล็อคเกียร์ให้ติดกับรถบริเวณอุโมงค์เกียร์
ซึ่งน็อตนี้จะเป็นแบบพิเศษ เมื่อขันจนแน่นเต็มที่แล้วหัวน็อตจะขาด เพื่อป้องกันไม่ให้หัวขโมยทั้งหลายไขออกได้
ซึ่งในระยะแรก หลายคนคิดว่าเป็นอุปกรณ์ที่ปกป้องรถจากหัวขโมยได้ดีนัก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การป้องกันเพียงแค่ล็อกเกียร์นั้นอาจจะน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับราคารถ
ซึ่งเป็นจริงตามนั้น เพราะเมื่อได้สอบถาม กับผู้ที่ต้องสูญเสียรถไปโดยการโจรกรรมจากเหล่าหัวขโมยเกือบ 90 %
ได้มีการติดตั้งล็อคเกียร์เพียงอย่างเดียว จากการสอบถามผู้ที่มีความรู้ทางด้านอุปกรณ์กันขโมยได้เล่าให้เราฟังว่าอุปกรณ์ป้องกันการขโมยนี้ มีมากมายหลากหลายยี่ห้อ ส่วนความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์แต่ละยี่ห้อนั้น
ทำออกมามาตรฐาน ไม่เท่ากัน บางยี่ห้อหน้าตาดูดี แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันแย่มาก ไม่ต้องออกแรงนั่งเลื่อย
ขาของตัวล็อกเกียร์ให้ขาด เพียงแค่ใช้ฆ้อนตีไม่กี่ที ตัวล็อกก็ดีดออก ส่วนบางตัวหน้าตาดูไม่ได้เรื่อง แต่ใช้งานดี
ทนทานต่อการโดนทุบ เรียกว่าต้องออกแรงมากหน่อยปัจจุบัน พวกอุปกรณ์กันขโมยแทนจะทุกแบบทุกยี่ห้อ ต่างก็ให้ความมั่นใจ กับผู้บริโภค ด้วยกรมธรรม์ประกันภัย
หากเกิดการโจรกรรม จะมีการเพิ่มเงินที่แจ้งไว้ในกรมธรรม์ แม้จะไม่มากไม่มาย แต่ก็ยังมีเงินทดแทนกลับมาบ้าง
กันขโมยอีกแบบ กลไกยังไม่มีการพึ่งพาระบบอิเล็คทรอนิคส์ใดๆ มีให้เลือกมากมายหลายแบบ
เราจะขอเริ่มที่ ตัวล็อกเบรคนั้น ทั้งแข็งทั้งเหนียว เลื่อยเข้าไปเพราะผ่านการชุบมาอย่างหนา ใช้งานก็แสนง่าย
เพียงแค่เกี่ยวขอด้านหนึ่งไว้กับตัวแป้นเบรค ส่วนขออีกด้านเกี่ยวไว้กับพวงมาลัยแล้วจัดการล็อคให้แน่น
เพียงเท่านี้ ก็เรียบร้อย กันขโมยแบบนี้ก็เป็นเพียงการถ่วงเวลาหัวขโมยให้เอารถไปได้ช้าลง
ต้องออกแรงกันนิดหน่อยจุดด้อยคือ การล็อคพวงมาลัยไปด้วย โดยไม่มีคนคำนึงกันว่า ถ้าเป็นพวงมาลัยแบบปรับระดับได้แล้ว
มันเป็นจุดอ่อนของกันขโมยเต็มๆ เพราะถ้าผู้ขับขี่รถปรับระดับพวงมาลัยให้ยกขึ้นเพื่อให้ได้ระดับที่ดีในการขับรถ
แต่เมื่อคุณต้องการใช้กันขโมย เพียงแค่เกี่ยวด้านหนึ่งไว้กับเบรค อีกด้านเกี่ยวกับพวงมาลัยแล้วล็อค
คือ จุดบอดขนาดใหญ่ เพราะเมื่อพวงมาลัยสามารถปรับขยับลงมาได้ ก็หมายความว่า
มันจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างตัวล็อคกันขโมย กับพวงมาลัย ทำให้สามารถดึงออกมาง่ายๆ
แต่ถ้าพวงมาลัยมีการปรับลงมาจนสุดแล้วเจ้าพวกหัวขโมยทั้งหลาย ก็ต้องออกแรงกันหน่อย
ส่วนมากมันจึงเลือกตัดพวงมาลัยมากกว่า จะตัดตัวล็อคเบรคที่เลื่อยยากมากกว่ากันเยอะ
ปัจจุบัน จะเป็นมีตัวล็อคคลัทช์ ล็อคเบรคอีกแบบ ที่จะเป็นขาดึงขึ้นมา เพื่อล็อคเบรคกับคลัทช์ไ ม่ให้สามารถ
เหยียบลงไปได้ ซึ่งการติดตั้งจึงยึดไว้ กับแกนพวงมาลัยเท่านั้น น๊อตที่ยึดเจ้าตัวกันขโมยชนิดนี้ เป็นแบบเดียวกับ
ที่ใช้ในการยึดตัวล็อคเกียร์ ถ้าต้องการเอากันขโมยออกคงต้องพกอุปกรณ์จำพวกใบตัดเหล็กมาด้วย
แต่ถ้าคิดจะเลื่อยก็ต้องเสียใจด้วย เพราะเนื้อที่ในการเลื่อยไม่มีเลย ทางเดียวคือ ต้องสะเดาะกุญแจ
ซึ่งเป็นเรื่อง ขำๆ ของโจรห้าร้อยอยู่แล้ว ถึงแม้จะยากเย็น แต่ก็ไม่พ้นความสามารถของมันไปได้
สำหรับกันขโมย ที่ไม่มีระบบอิเล็คทรอนิคส์มา แบบสุดท้ายที่เราเห็น และนิยมใช้กันอยู่คือ
กันขโมยแบบล็อคอยู่ที่วงพวงมาลัย ซึ่งมีทั้งแบบล็อคสอดเข้าไปในวงพวงมาลัย
หรือล็อคจับที่พวงมาลัยกันขโมย แบบนี้มีแขนยาว ทำให้เมื่อหมุนพวงมาลัยแล้วตัวแขนจะไปชนกับแผงประตู
หรือกระจกหน้า ซึ่งเมื่อหัวขโมยใช้อุปกรณ์ในการสะเดาะกุญแจ ถึงแม้ไขไม่ออกก็หาวิธีอื่น เช่น
ใช้เลื่อยตัวพวงมาลัยไปเลย กันขโมยแบบไหนก็ไม่มีทางปลอดภัย 100 %
นี่เป็นเกร็ดเล็กน้อย ที่บางอย่างก็ได้ประสบมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะมีระบบป้องกันการโจรกรรมรถยนต์จะก้าวหน้า
และไฮเทคเพียงใด เหล่ามิจฉาชีพก็พัฒนาตามมาแบบติดๆ
ไม่ว่าคุณจะใช้กันขโมยที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็คทอรนิคส์ หรือเป็นกลไกแบบเก่า
ยังไงก็เป็นเพียงแค่ตัวช่วย ในการถ่วงเวลาให้เล่าบรรดามิจฉาชีพทำงานได้ลำบากขึ้น แต่แน่นอนว่า
ไม่มี ย่อมดีกว่าไม่ได้ป้องกันอะไรเลย พูดได้ว่าติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันขโมยมากเท่าไหร่ยิ่งดี
รถแต่ละคันราคาก็ไม่ใช่น้อยจะปล่อยให้เอาไปง่ายๆ ก็กระไรอยู่
ที่สำคัญเวลาจอดรถที่ไหนควรดูด้วยว่า สถานที่จอดรถนั้นน่าไว้ใจ หรือไม่
ถ้าดูทำเลแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจก็ไม่ควรจอด และพยายามอย่าจอดในที่เปลี่ยว หรือลับตาคน
เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ หนทางที่ช่วยให้รถเราปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย
ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=680
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น