#เรื่องเด่นโซเชียล ประสบการณ์โดนตำรวจทำร้ายร่างกาย!!
ในกระแสโซเชียล เกิดเรื่องราวที่ถูกแชร์และส่งต่อ กันมากมาย ในชั่วข้ามคืน เกี่ยวกับเหตุการณ์ ประชาชนโดนตำรวจจราจรทำร้าย
ในกระทู้พันทิปจขกท.สมาชิกหมายเลข 2505218 มีเนื้อหาดังนี้ผมขอเล่าจากประสบการณ์จริงนะครับ ปกติผมเป็นคนไม่เล่นพันทิป แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆครับ จะมาเล่าถึงความต่ำช้าของตำรวจและทหาร
ผมโดนตำรวจและทหารทำร้ายร่างกาย ผมรู้ว่าคนดีดีก็มี แต่กลุ่มที่ผมเจอขอใช้คำว่า เลยครับ
ปกติตำรวจที่เราว่าไม่ดีคือพวกที่ชอบไถตังประชาชน แล้วเขียนใบสั่งด้วยเหตุผลไร้สาระ อันนี้ผมบอกเลยว่า กว่ามาก
ขออนุญาติเล่าอย่างละเอียดเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่มีวันลืม!
ผมอายุ 24ปี เป็นพนักงานบริษัทธรรมดานี่แหละครับ คืนวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 เวลาประมาน เที่ยงคืนครึ่ง ผมขับรถไปส่งน้องชายแถวแจ้งวัฒนะ เสร็จแล้วก็ขับรถกลับมุ่งหน้ามาทางหลักสี่ เพราะบ้านผมอยู่แถววิภาวดี ผมขับมาคนเดียว วิ่งเส้นแจ้งวัฒนะมาผมก็เจอด่านตำรวจตรงปั๊มน้ำมันCaltex แถวๆตรงข้ามสำนักงานTOT ด้วยความบริสุทธิ์ใจพอมาถึงด่านผมก็เปิดไฟในรถและลดกระจกลงรอไว้เลย ผมยอมรับครับว่าผมดื่มมานิดหน่อยหลังทำงาน แต่ไม่ได้เมา100% ผมรู้ว่าถึงดื่มมานิดหน่อยก็มีสิทธ์โดน ผมก็ตัดสินใจเป่า เพราะคุณตำรวจเค้าก็ทำตามหน้าที่ ผลสรุปคือเกินมานิดหน่อย ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ ผิดคือผิด ว่ากันไปตามเนื้องาน ผมก็ให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง พูดครับทุกคำ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครอยากมีเรื่องกับตำรวจหรอก ก็ยกมือไหว้พูดเพราะไว้ก่อน พอเสร็จจากด่านแล้ว ต้องไปที่สน.ต่อ
ประเด็นของกระทู้อยู่ตรงนี้ครับ
คุณตำรวจAคนแรกเสนอว่าให้เอารถผมจอดที่ปั๊มCaltex แล้วไปกับเค้า ผมก็ตอบตกลง แต่คุณตำรวจBดูไม่พอใจครับ บอกจะให้เอารถผมไปโดยเค้าจะขับ ผมบอกว่าผมไม่โอเคครับ เพราะในเมื่อคนแรกบอกจอดทิ้งตรงด่านในปั๊มได้ ผมก็เลยบอกว่าขอจอดทิ้งไว้ที่นี่ได้ไหม รถผม ผมไม่อยากให้คนอื่นขับ ผมถือเรื่องแม่ยานางของรถ ผมเคยดวงไม่ดีเมื่อ2ปีที่แล้ว รถโดนชน6รอบภายในสองเดือน พอผมพูดเสร็จคุณตำรวจเค้าก็ดูไม่พอใจ ผมเป็นแค่พนักงานบริษัท ไม่ได้มีเงินอะไรเยอะ ขับแค่รถFord ผมก็พูดกับพี่เค้าเลย "พี่ครับผมขอเถอะ เราจะนั่งแท็กซี่ไปก็ได้ผมออกเงินให้เอง หรือจะไปรถของทางตำรวจก็ได้ แต่รถผมจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มเถอะ" ผมขอเค้าอัดคลิป เค้าก็ดึงเอาโทสับเอากระเป๋าตังผมไป เค้าโมโหและไม่ยอม พอผมหันหลัง ผมโดนเค้าผลักแล้วจับกดลงกับพื้น เค้าพยายามจับเอามือขวาผมไผล่หลังแล้วจะใส่กุญแจมือ เค้าจับแขนผมบิดแรงมากเหมือนจะหัก แล้วหาว่าผมขัดขืน ผมยอมรับว่าผมดิ้นซิครับ จับแขนบิดขนาดนี้ผมก็เจ็บ ผมก็พยายามเกร็งแขนให้ไม่เจ็บ แล้วเค้าก็ทำแรงขึ้นอีก แล้วคุณตำรวจเอาเข่ากดที่หน้าผมลงกับพื้น กดอย่างแรง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจคนเดียวครับ คนอื่นมาช่วยเอากดด้วยครับ แล้วลากผมกับพื้น กดจนหน้าผมเลือดออก ตุ้มหูที่ใส่อยู่เป็นของที่คุณแม่ให้เป็นของขวัญแต่เค้าเอาเข่ากดที่หูผมจนตุ้มหูหลุดหาย ผมตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด "พี่ผมขอร้องผมเจ็บครับพี่ พูดกันดีดีก็ได้ครับ ผมยอมหมดแล้ว ผมเจ็บ" แต่สิ่งที่ผมตะโกนคุณตำรวจก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไร ยังคงกดแล้วพยายามบิดแขนผมต่อไป ณ ตอนนี้มีตำรวจประมาณ3คนกดผมอยู่ และแล้วผมก็เห็นพี่ทหารเดินมา ตอนแรกผมดีใจนึกว่าเค้าจะมาช่วยคุยว่าค่อยๆพูดค่อยๆจาก็ได้ แต่กลับไม่ เค้ามาช่วยตำรวจจับกด แล้วใส่กุญแจมือข้างขวาผม ส่วนอีกข้างใส่ที่ข้อมือทหาร แล้วก็กระชากข้อมือผมด้วยกุญแจมือซึ่งบาดเละเทะไปหมด พอยืนขึ้นคุณตำรวจก็ล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงผมเอากุญแจรถแล้วจับผมยัดเข้ารถตัวเองโดยมี4คนนั่งประกบ ข้างหน้าตำรวจสองคน ผมนั่งเบาะหลังตรงกลาง ตำรวจอีกคนนั่งฝั่งซ้าย ขวาเป็นทหารโดนยังคงมีกุญแจมือเชื่อมกันอยู่ ตอนอยู่ในรถผมก็บอกพี่ทหารว่า "พี่เอากุญแจมือออกได้ไหม ผมไม่คิดจะหนีอยู่แล้วพวกพี่นั่งประกบผมซ้ายขวี ผมให้ความร่วมมือดีมาโดยตลอด ผมเจ็บ มันบาดผมเลือดไหลหมดแล้ว" แต่สิ่งที่ทหารตอบกลับคือ "เงียบๆไปเลยไอ้สัส อย่ามาสำออยแค่นี้ กูเป็นทหารกูเจ็บมามากกว่าเยอะ กูยังไม่บ่นเลย" และระหว่างนั้นเค้าก็ตบๆผม ผมพอเข้าใจครับว่าพี่ทหารมาทีหลังอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นอาชญากรถึงโดนรวบลงกับพื้น พอมาถึงที่สน.ทุ่งสองห้อง ตรงย่านหลักสี่ ก็ดำเนินเรื่องตามปกติแล้วสี่คนนั้นก็กลับไป พี่ตำรวจที่สน.เห็นยังตกใจว่าเราไปโดนอะไรมา ผมก็เล่าให้ฟัง พี่ตำรวจที่สน.นี้ค่อนข้างดีเลยครับ เค้าพูดจาและปฏิบัติกับผมดีมากเหมือนเราเป็นมนุษย์ร่วมกัน เค้าก็พูดทำนองว่า "พวกพี่สน.ทุ่งสองห้อง ไม่เกี่ยวกับพวกที่ด่าน อันนั้นมันตำรวจจราจรกลาง" ในใจผมก็รู้ว่าเค้าไม่อยากว่าตำรวจด้วยกัน แต่ก็ออกตัวว่าไม่เกียวกัน
ผมรู้สึกแย่มาก จึงโทรหาคุณแม่ ผมโทรไปด้วยน้ำตาร้องไห้ ซึ่งปกติลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ แต่อันนี้ไม่ไหวจริง คุณแม่ก็เลยรีบมาที่สน. แล้วก็ตกใจกับสภาพผม ซึ่งคือเละมาก ผมใส่ชุดสีขาววันนั้น แต่สภาพอย่างกับคนจรจัดมอมแมมไปหมดเลือดออกไปหมด คุณแม่แทบจะร้องไห้
ผิดส่วนผิดเรื่องแอลกอฮอล์ แต่ทำไมถึงทำเกินกว่าเหตุ คือผมมาคนเดียว ผมให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง ไม่ได้กวนตีนหรือกร่างอะไรเลย แต่สิ่งที่ผมโดนกระทำอย่างกับไม่ใช่มนุษย์ ทำอย่างกับผมโดนจับเรื่องยาเสพย์ติด มีอาวุธปืน ฝ่าแหกด่าน ฆาตกร ข่มขืน โดนหมายจับ แต่นี่คือไม่ใช่เลยมันเป็นเรื่องเล็กๆ ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆคือเค้าดูสะใจกันมาก ผมมาคนเดียวให้ความร่วมมือดี ยอมทุกอย่าง แต่ทำเหมือนเป็นอาชญากรที่โดนหมายจับ ถึงขั้นนั่งรถมาส่งที่สน.จะต้องมี4คนประกบใน1คัน ผมเจ็บใจมากครับและจิตตก เหมือนโดนทำร้ายร่างกาย แขนขวาผมบวมข้ามคืนจนนิ้วชี้และนิ้วโป้งไม่รู้สึกอะไรเลย สามารถเอาเข็มจิ้มได้โดยไร้ความรู้สึก ปวดมาก รอยกุญแจมือบาดอย่างกับ คนที่คิดจะฆ่าตัวตายแล้วกรีดข้อมือเละ หน้าผมเป็นรอยห้อเลือดแดงยาว หูขวาผมแดงและเลือดออก แขนซ้าย ไหล่ หลัง คอ สะโพก หัวเข่า หน้าแข่ง ขาพับด้านใน เท้า ถลอกช้ำเลือดออกหมด ขนาดผมใส่ขายาว ขายังถลอกได้
วันรุ่งขึ้นผมไปหาหมอ พยาบาลตกใจว่าไปโดนอะไรมา โชคดีที่คุณหมอเอ็กซ์เรย์แล้วกระดูกที่แขนไม่หักไม่ร้าว แต่อักเสบอย่างรุนแรงบวมปวดและแดงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความอายผมโกหกคุณหมอว่าตกบันไดมาเพื่อเอ็กซ์เรย์แขน แต่คุณหมอก็ถามเองว่า นี่ไม่น่าจะใช่ตกบันไดนะ ดูสภาพโดยรวมเหมือนคนโดนทำร้ายร่างกาย
ผมอยากจะแจ้งความกลับมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณตำรวจเหล่านั้นชื่ออะไร ยศอะไร รู้แค่ว่าเป็นตำรวจจราจรกลางและตั้งด่านตรงนั้น
ผมขอมาแชร์ประสบการณ์ความจริงของคนบ้าอำนาจ ทำร้ายร่างกายกันเกินเหตุ คุณแม่ไม่อยากเอาเรื่อง แต่พี่สาวๆและเพื่อนๆผมบอกให้เอาเรื่อง แบบนี้ไม่ไหว สภาพเหมือนคนโดนซ้อมมา แต่ในใจผมก็อยากเอาเรื่อง แต่คิดอีกมุม ก็ปล่อยผ่านไปเถอะ ไม่อยากจะจองเวรจองกรรมกัน ถือว่าฝาดเคราะห์
ผมมีรูปมาแชร์ ในรูปอาจจะถ่ายไม่หมดทุกจุดที่เปนแผลครับ และบอกเลยว่าสภาพจริงแย่กว่าในรูปเยอะ เพราะในรูปมันยังอักเสบไม่มาก ซึ่งตอนนี้อักเสบขึ้นอีกเยอะครับ ผมขอฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆระวังกันด้วยนะครับ ผมมาคนเดียวถึงโดนแบบนี้ ถ้าอยู่กันหลายคนอาจจะไม่เป็นแบบนี้
ผมไม่เคยคิดครับว่าผู้รักษากฎหมาย ตำรวจจะสามารถเลวต่ำทรามได้ขนาดนี้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ณ ตอนนี้ผมก็ต้องใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาว เพราะเวลาเดินไปไหนทุกคนมองหมดครับ แผลเหมือนไปมีเรื่องชกต่อยหรืออุบัติเหตุรถชนมา
ขอบคุณครับ
คืนแรกหลังจากที่โดนครับ
วันแรกหลังจากโดนครับ
วันที่สองหลังจากที่โดนครับ
วันที่สาม
สน.ทุ่งสองห้อง ช่วงหลักสี่
ขอบคุณครับและอัพเดทล่าสุด จขกท.ได้แจ้งว่า ได้ไปคุยกับตำรวจที่สน.ทุ่งสองห้องแล้วครับ เค้าก็ไปสืบมาให้อยู่ครับว่าผู้ที่รับผิดชอบการตั้งด่านตรงนั้นคือใคร เค้าบอกอีกว่าออฟฟิศของตำรวจจราจรกลางอยู่ที่สน.วิภาวดี อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงนั้นจริงๆรึป่าว
ทางตำรวจที่สน.ทุ่งสองห้องบอกอีกว่า "คดีเล็กน้อย ไม่ควรใช้กำลังขนาดนี้ และตอนคืนนั้นหลังจากที่รับเรื่องต่อมาจากจราจรกลางเราก็ให้ความร่วมมือดี"
ผมอยู่คนเดียว และโดยส่วนตัวผมเป็นคนเจี๋ยมเจี๊ยมอยู่แล้ว ต้องใช้กำลังถึงขั้นนี้หรือ
และถ้าสมมุติ (แค่สมมุตินะครับ) ว่าผมพูดจาไม่ดี จำเป็นต้องใช้กำลังขนาดนี้ไหมในเมื่อผมยอมเป่าและยอมรับผิด
อีกคนที่ผมได้ไปขึ้นศาลมา เค้าไม่ยอมเป่า ศาลเลยสั่งให้ติดเครื่องติดตามGPSที่ข้อเท้าเป็นเวลา2สัปดาห์ โดยให้อยู่ที่บ้านช่วงเวลา 22.00-04.00เท่านั้น กรณีนี้คือเค้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ
แต่ของผมกลับตรงกันข้าม คิดซะว่าโชคร้ายฝาดเคราะห์ก่อนวันเกิดไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น