เป็นที่ทราบกันดีว่า สำหรับผู้สูงอายุ มักจะกังวลเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เมื่อไม่นานมานี้
ลูกค้าผมท่านหนึ่งได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีโดยการส่องกล้องลงลำไส้ (Colonoscopy) ซึ่งเขาก็ได้พบแพทย์คนเดิม
กับที่เขาได้พบมาติดต่อกันสิบปีแล้ว ลูกค้าผมท่านนี้ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
คือบิลค่าการตรวจประจำปี เมื่อสิบปีที่แล้ว การตรวจดังกล่าวจะมีราคาเพียง 13,000 บาท แต่ปัจจุบัน ได้เพิ่มขึ้นไปถึง
50,000 บาท ต้องยอมรับว่า ลูกค้าผมท่านนี้ ได้เข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในซอยสุขุมวิท 3 แต่ผมมองว่า
อัตราการเพิ่มขึ้นต่อปีของค่าตรวจ ที่ร้อยละ 16 เป็นการเพิ่มที่แพงมาก
นอกจากนี้ ทฤษฎี 80:20 เดิม จะทำให้ชีวิตของเราสับสนมากขึ้น เมื่อต้องมีการคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพในช่วงชรา
สถิติที่ผ่านมาระบุว่า ประมาณร้อยละ 80 ของค่ารักษาพยาบาลของคุณตลอดชีวิต จะเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีสุดท้ายของชีวิตคุณ
และสำหรับพวกเราส่วนมาก การที่จะมีอายุยืนถึง 80 หรือ 90 ปี ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลก ซึ่งหมายความว่า
พวกเราจะต้องแบ่งสัดส่วนเงินออมไว้สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพระยะยาว (Long-term Care หรือ LTC)
เราสามารถทำอย่างไรเพื่อเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์อย่างนี้
ถึงแม้ว่า ประกันสุขภาพจะปกป้องเราได้พอสมควร แต่บริษัทประกันสุขภาพในประเทศไทยจะรับประกันคนจนถึงอายุ 70 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บางบริษัทจะยอมต่อกรมธรรม์ให้คุณตลอดชีวิต หากคุณเริ่มทำประกันสุขภาพกับบริษัทดังกล่าวก่อนอายุ 60 ปี
แต่สำหรับหลายบริษัท การต่อกรมธรรม์หลังจากที่คุณมีอายุครบ 75 ปี จะขึ้นอยู่กับจำนวนมูลค่าและครั้งที่คุณใช้ในปีก่อนๆ
อีกสิ่งที่ผมยังรับไม่ได้คือ บริษัทประกันสุขภาพมักจะโฆษณาว่า สามารถทำประกันได้ “โดยไม่ต้องมีการตรวจสุขภาพ
แต่เมื่อคุณอ่านข้อจำกัดโดยละเอียด จะพบว่า กรมธรรม์ส่วนมากจะไม่ครอบคลุมโรค หรืออาการที่มีก่อนหน้าการทำกรมธรรม์
(Pre-existing medical conditions) ดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมทันตกรรม อาการหลงลืม การเสียสติ หรือการจ้างพยาบาลพิเศษไว้ที่บ้าน
ผมยอมรับได้สำหรับกรมธรรม์ที่ไม่รวมทันตกรรม และการดูแลระยะยาวที่บ้าน แต่ผมมีข้อกังวลถึงการที่จะไม่คลอบคลุมถึงโรค
หรืออาการที่มีก่อนหน้าการทำกรมธรรม์ดังกล่าว
บริษัทประกันสุขภาพส่วนมากจะยึดหลักเกียรติศักดิ์ (Honour System) หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อลดไขมันในเส้นเลือดเลือด (cholesterol)
หรือลดความดันโลหิตสูง ซึ่งมักจะเป็นยาที่แพทย์ส่วนมากจะจัดให้เพื่อเป็นการป้องกัน คุณจำเป็นต้องแจ้งให้บริษัทประกันสุขภาพทราบ
หากคุณไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าว บริษัทประกันสุขภาพสามารถยกเลิกกรมธรรม์ของคุณ และระงับการจ่ายค่ารักษาพยาบาล
เพราะฉะนั้น หากคุณมีอาการที่กล่าวข้างต้น กรมธรรม์ของคุณจะไม่ คลอบคลุมถึงโรคหรืออาการที่เกี่ยวกับหัวใจ
การอุดตันของโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง (stroke) และการเป็นอัมพาต เนื่องจากโรคเหล่านี้ มักจะเป็นความบกพร่องที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
อย่างไรก็ตาม การเจ็บป่วยที่สำคัญอื่นๆ อาทิ มะเร็ง การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกและหัวเข่า ยังอยู่ภายใต้การคลอบคลุมหลังจากระยะเวลาผ่อนผันระยะหนึ่ง
การไปซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพจากต่างประเทศก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเบี้ยประกันที่บริษัทในประเทศไทยเรียกเก็บ
ตัวอย่างคือ คนที่อยู่ในช่วงอายุ 50 กว่าปี มีสุขภาพที่ดี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันประมาณ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 256,000 บาท)
ต่อปี ในเวลาเดียวกับเบี้ยประกันจากบริษัทประกันสุขภาพในประเทศไทยมักจะอยู่ที่ 70,000 &##8211; 90,000 บาทต่อปี
ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่คุณเลือก
ถึงแม้ว่า การประกันสุขภาพจะไม่แก้ปัญหาปวดหัวของเราทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นการป้องกันบางส่วน ซึ่งดีกว่าที่จะไม่มีเลย
สุดท้ายคือ ดูแลสุขภาพของคุณให้ดี การออกกำลังกายเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกวันจะเป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ดีที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้
ไม่เพียงแต่ไม่ต้องเสียเงิน แต่เป็นการที่ป้องกันไม่ให้คุณต้องเข้าพบแพทย์ และจะทำให้คุณประหยัดเงินในระยะยาวค่อนข้างมาก
ผู้อ่านสามารถส่งคำถามเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลได้ที่
teerap@truemail.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น