วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยืดอายุรถยนต์ รักษาสภาพภายในทำได้ง่ายๆ #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

ยืดอายุรถยนต์ รักษาสภาพภายในทำได้ง่ายๆ #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
ยืดอายุรถยนต์ รักษาสภาพภายในทำได้ง่ายๆ #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

รถยนต์หรือยานพาหนะ กลายเป็นส่วนหนึ่งสำคัญในสังคมสมัยใหม่ เนื่องด้วยความสะดวกในการเดินทางที่ช่วยร่นระยะเวลามากขึ้น ทำให้ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งนี้รถยนต์ถือเป็น สิ่งที่เสื่อมสภาพได้ง่าย ด้วยการใช้งานที่บ่อยและหลากหลายกิจกรรม ตามการใช้งานของผู้ใช้นั้นๆ

เบาะ
MotorInsurance
ควรดูว่าวัสดุหุ้มเบาะเป็นผ้าหรือหนัง (หนังแท้หรือหนังเทียม) เพราะวัสดุทั้งสองชนิดมีข้อดี ข้อเสียต่างกันคือ เบาะผ้าจะดูแลทำความสะอาดยากกว่า แต่จะไม่เก็บความร้อนในขณะจอดรถตากแดด ส่วนหนังแท้หรือหนังเทียมจะดูแล ทำความสะอาดง่าย แต่จะเก็บความร้อนได้มากกว่าแบบผ้า ดังนั้นจึงควรเลือกวิธี ทำความสะอาดให้เหมาะสมก่อนเริ่มทำความสะอาด

ให้นำรถมาจอดไว้ในที่โล่งแจ้ง และมีแสงสว่าง เปิดประตูและกระจกหมดทั้ง 4 บาน ใช้ไม้ตีที่ทำมาจากหวาย (มีจำหน่ายตามร้านหวายทั่วไป) มาตีเบาะและพนักพิงให้ทั่วทั้งเบาะหน้าและหลัง ผู้ทำความสะอาดควรอยู่ต้นลมเพื่อป้องกันไม่ให้สูดดมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาการทำความสะอาดเบาะหนังแท้หรือหนังเทียม

ควรใช้น้ำยาขัดเงา ทำความสะอาดเบาะ โดยใช้ผ้า หรือฟองน้ำจุ่มน้ำยาขัดเงาขัดคราบสกปรกให้ทั่ว จุ่มน้ำยาแต่น้อยเพื่อป้องกันการเหนียวเหนอะหนะ และน้ำยาชนิดนี้ยังสามารถนำมา ทำความสะอาดแผงหน้าปัดและแผงประตูได้เช่นกัน คุณสมบัติของน้ำยาจะช่วยทำให้ พื้นผิวหน้าสะอาดปกป้องฝุ่นไม่ให้จับติดแน่น ป้องกันการซีดจางกรอบแห้งแตกร้าวจากแสงแดดเผา และช่วยเพิ่มความเงางามให้ดูเหมือนใหม่ตลอด สำหรับพรมพื้นรถ ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้ในรถ หรือเครื่องดูดฝุ่นบ้านมาดูดฝุ่นตามที่ต่างๆ แต่ถ้าไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว หรือมีฝุ่นไม่มาก ใช้กระดาษกาวมาพันรอบปลายนิ้วมือ 1 รอบโดยให้กระดาษกาวส่วนที่มีความเหนียวที่สามารถจับติดกับสิ่งอื่นอยู่ด้านนอก นำมาเก็บสิ่งต่าง ๆ เช่น เศษขนม เม็ดดิน เม็ดทราย หรือเส้นผมที่ตกหล่นบนพรมพื้นรถหลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

แอร์รถ
MotorInsurance
ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องรู้จักวิธีการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ให้แก่ผู้ขับขี่ เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดกลิ่นอับในรถได้ การเกิดกลิ่นอับในรถมักเกิดจากเครื่องปรับอากาศทำงานจนมีอุณหภูมิต่ำจนเกิด หยดน้ำสะสมภายในตู้คอยล์เย็นเป็นจำนวนมาก น้ำบางส่วนจะไหลออกมาทางท่อน้ำทิ้ง แต่ยังมีน้ำบางส่วนยังเหลือตกค้างอยู่ภายในตู้คอยล์เย็น ทำให้เกิดการอับชื้น และเกิดเชื้อราขึ้นได้ สำหรับกลิ่นเหม็นอับนี้ยังอาจเกิดได้จากการนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทาน ในรถหรือจากการสูบบุหรี่และทิ้งก้นบุหรี่ไว้ในที่เขี่ยบุหรี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่ ใต้แผงวิทยุ และแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศโดยมากจะไม่มีฝาปิด ควันบุหรี่และ กลิ่นอาหารสามารถแพร่กระจายไปทั่วห้องโดยสาร และไปเกาะติดตามอุปกรณ์ต่าง ๆ หมุนวนเข้าไปในตู้คอยล์เย็นทำให้เกิดกลิ่นอับการใช้และการบำรุงรักษา ระบบปรับอากาศในรถยนต์
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบันอากาศในเมืองไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ และความร้อนนี้ยังส่งผลต่อระดับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถยนต์ ดังนั้นเพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยสาร เครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องทำงานหนัก สำหรับรถใหม่เครื่องปรับอากาศยังใช้งานได้ดี แต่เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน (ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพการใช้งาน) ประสิทธิภาพในการให้ความเย็นจะลดลง ดังนั้น ผู้ใช้รถจึงควรรู้จักวิธีใช้ และการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อถนอมและรักษาอายุการใช้

วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง 
ทุกครั้งที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุม คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ในลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อน ที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ต เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่อง ปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่งความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนออกจาก ช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึงปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็น ลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ เมื่อเลิกใช้งาน ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์ คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลงแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุด เพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลมผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า "ตู้แอร์" ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมาเกาะอยู่ ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น
 CarInsurance
สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับอากาศ
สามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่องได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่นอับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน อย่างไรก็ดี การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นอับภายในห้องโดยสารน่าจะเป็นการดีกว่าแก้ไข โดยหลีกเลี่ยงการนำเอาอาหารเข้าไปรับประทานภายในรถ โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน เป็นต้น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมปรับอากาศ การสูบบุหรี่ในรถ การขับรถเปิดกระจก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้คอยล์เย็นหรือตู้แอร์สกปรก และอุดตันเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งเกิดกลิ่นอับอันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ด้วยเช่นกันเลี้ยงไข้แอร์
คนมีรถทั้งหลายชอบนัก ปรับปุ่มแอร์รถยนต์ไปที่ขีดหนาวสุดตลอดเวลา มีผลให้ตู้แอร์ใต้คอนโซลหน้ารถผุ น้ำยาแอร์รั่วซึมจนกลายเป็นช่องทางให้ช่างแอร์ใช้ตุ๋นเงินจากกระเป๋าเราวิธีตุ๋นไม่มีอะไรมากมาย เป็นวิธีพื้น ๆ ธรรมดาทั่วไป ใครเคยเอารถไปซ่อมแอร์จะเจอประจำ ถ้ารู้ไม่ทัน ...เจอช่างเลี้ยงไข้แอร์ เราเจอปัญหาตู้แอร์ผุ น้ำยาซึม แอร์ในรถไม่เย็นขับรถไปให้ช่างดู ช่างจะเปิดกระโปรงรถตรวจวัดโน่นดูนี่อันแรกที่ช่างชอบเช็ก ตรวจดูว่าท่อแอร์รั่วหรือเปล่า ถ้าจอดรถทิ้งไว้ให้ช่างซ่อม ไม่นั่งเฝ้ากลับมาช่างบางรายอาจจะมีรายการลักไก่ บอกอาการว่า ท่อแอร์รั่วเปลี่ยนท่อให้ใหม่พร้อมกับเติมน้ำยาแอร์ให้เสร็จสรรพ...เอารถกลับไปใช้ได้ไม่กี่วันแอร์ไม่เย็น ต้องกลับมาเสียเงินใหม่ แต่ถ้าเจอช่างมีจรรยาบรรณหน่อย เอาเปรียบน้อยหน่อย จะบอกแต่เพียงว่า น้ำยาแอร์หมดหรือไม่ก็เสื่อมสภาพ ช่างจะแก้ปัญหาด้วยการเติมน้ำยา แอร์ให้ใหม่ ใช้ได้ไม่กี่วัน ก็ต้องกลับไปหาช่างอีกรอบอยู่ดี เพราะตู้แอร์ยังรั่วอยู่เหมือนเดิม เหตุที่คนใช้รถอย่างเราต้องมาเจอปัญหาอย่างนี้บ่อย คุณพี่ไพรัช แพรคล้าย ผู้จัดการแผนกเทคนิค ฝ่ายบริการ ค่ายมิตซูบิชิ บอกว่าเป็นเพราะโดยปรกติทั่วไป ช่างแอร์ส่วนใหญ่จะไม่ชอบตรวจหารอยรั่วตรงตู้แอร์ เนื่องจากขั้นตอนในการรื้อ ตรวจหารอยรั่วตรงตู้แอร์ยุ่งยากกว่าตรวจตรงจุดอื่น ช่างแอร์จึงเอาง่ายเข้าว่า แถมทำแบบนี้ยังได้เงินค่าเติมน้ำยาแอร์จากเราบ่อย ทำง่ายกว่า... เลี้ยงไข้ได้เงินเยอะกว่า ช่างแอร์เลยชอบ ถ้าไม่อยากเสียเงินเติมน้ำยาแอร์ถี่

ควรให้ช่างตรวจหารอยรั่วตรงตู้แอร์ด้วย เจอผุ มีรอยรั่วซึม ทางที่ดียอมตัดใจควักเงิน ซื้อตู้แอร์มาเปลี่ยน จะดีกว่าให้ช่างอุดซ่อมค่ะเจอช่างเลี้ยงไข้วิธีนี้ "แม่ทองต่อ" ขอบอกว่า ไม่เพียงแต่จะทำให้เราต้องเสียเงินค่าเติมน้ำยาแอร์บ่อยเพียงอย่างเดียวเติมน้ำยาแอร์บ่อย ๆ ถ้ารู้ไม่ทัน เป็นเจอช่างวางยาเลี้ยงไข้ขยายโรคร้ายให้ระบบแอร์ เพราะคุณพี่ไพรัช กระซิบบอกมาว่า ทุกครั้งที่เติมน้ำยาแอร์ ต้องให้ช่างเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์แอร์ ให้ทุกครั้งเหมือนกันช่างส่วนใหญ่มักจะทำเป็นลืม เติมให้แค่น้ำยาแอร์อย่างเดียว ไม่ยอมเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เจอ อย่างนี้ ไม่คอยเตือนความจำช่าง เตรียมตัวเตรียมใจ เสียเงินค่ารักษาโรคใหม่ให้แอร์ได้เลยครับ
ที่มา : http://www.asnbroker.co.th 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
 
Motor Insurance


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น