การสลับยางเป็นสิ่งที่รถทุกคันควรจะกระทำ เมือถึงระยะ 10,000 กิโลเมตร สำหรับรถทั่วไป และ 4,000 กิโลเมตรสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อรถ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องสลับยาง และการสลับยางนั้นมีประโยชน์อย่างไร
วันนี้ทางเว็บไซต์ ASN Broker : ต่อประกันรถยนต์ ก็มีความรู้เด็ดๆ มาฝากคนรักรถกับตอน ตอบคำถามยอดฮิต !! สลับยาง เพื่ออะไร
การสลับยางรถยนต์นั้นมีเหตุผล เพื่อให้การสึกหรอของดอกยางรถยนต์ในส่วนของล้อด้านหน้า และด้านหลัง มีการสึกหรอที่เท่าเทียมกัน เนื่องจากรถแต่ละประเภทจะมีการสึกหรอแตกต่างกัน
ยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า (Front Wheel Drive) จะมีการสึกหรอของยางรถยนต์ในคู่หน้ามากกว่ายางคู่หลัง 2-3 เท่า เนื่องจากการใช้งานหนักจะอยู่ที่ด้านหน้า อาทิเช่น การบังคับทิศทาง การเบรก เป็นต้น
หากไม่ทำการสลับยางตามระยะเวลาที่กำหนด อาจส่งผล ในเรื่องของความสึกหรอของยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นที่จะไม่เท่ากัน รวมถึงการผิดปรกติของศูนย์รถที่ไม่สมดุล และอาจทำให้ระบบเบรกมีการดึงซ้าย หรือดึงขวา ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
นอกจากการสลับยางแล้ว ควรตั้งศูนย์ และถ่วงล้อหลังจากนั้น เพื่อให้รถมีศูนย์ที่ตั้งตรง เนื่องจากบางครั้งหลังจากการสลับยาง ศูนย์ของรถอาจมีปัญหา
จะว่าไปแล้วยาง
รถยนต์ก็เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่ถือว่าสำคัญมากที่ควรเอาใจใส่และดูแลมันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการสลับยาง
รถยนต์ เป็นสิ่งที่จะยืดอายุการใช้งาน รวมทั้งใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของ
รถยนต์ เราสามารถเลือกที่จะสลับยางรถยนต์ด้วยตนเองได้
โดยปกติคุณสามารถตรวจได้ว่ายางรถยนต์ของคุณควรทำการสลับยางรถยนต์ทุกกี่กิโลเมตรจากคู่มือรถของคุณ แต่หากไม่มี คุณอาจทำการสลับทุก 10,000 กิโลเมตรสำหรับรถทั่วไป และ 4,000 กิโลเมตรสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อรถแต่ละประเภทจะมีการสึกหรอแตกต่างกัน
รถแต่ละประเภทจะมีการสึกหรอแตกต่างกัน การสลับยางรถยนต์นั้นมีเหตุผล เพื่อให้การสึกหรอของดอกยางรถยนต์ในส่วนของล้อด้านหน้าและล้อด้านหลัง มีการสึกหรอที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งรถแต่ละประเภท จะมีการสึกหรอของยางที่แตกต่างกันไป ตามการขับเคลื่อนของล้อ
รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า (FRONT WHEEL DRIVE) ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนของรถ การสึกหรอของยางรถยนต์ในคู่หน้าจะมีมากกว่ายางรถยนต์คู่หลังโดยเฉลี่ย 2-3 เท่า ทั้งนี้เนื่องจากภาระต่าง ๆ จะตกอยู่ที่ด้านหน้าเป็นส่วนมาก ทั้งระบบขับเคลื่อนให้ล้อเสียดสีกับพื้นถนนขับเคลื่อนไปข้างหน้า การบังคับทิศทางการเลี้ยวก็ตกอยู่ที่ด้านหน้า รวมถึงการเบรกหยุดความเร็วรถ
หากไม่ทำการสลับยางรถยนต์ตามกำหนดระยะเวลา ผลที่จะตามมาคือ เรื่องของการสึกหรอของยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นจะไม่เท่ากัน และจะส่งผลไปถึงเรื่องของการผิดปรกติของศูนย์รถที่ไม่สมดุล นอกจากนี้ การสึกหรอของยางรถยนต์ที่ไม่เท่ากันมาก ๆ เรื่องของการเบรกดึงซ้ายหรือดึงขวาไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็เกิดจากสาเหตุของยางรถยนต์ประการหนึ่งเช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้หากเกิดขึ้นขณะใช้ความเร็วสูง ๆ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
(รูปที่ 1) การสลับยางรถยนต์ที่ดี ควรทำการสลับยางรถยนต์ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร โดยในการสลับยางรถยนต์ครั้งแรกจะทำการสลับยางรถยนต์ในลักษณะเปลี่ยนยางรถยนต์จากล้อหลังมาไว้ล้อหน้า และเปลี่ยนยางรถยนต์จากล้อหน้าไปไว้ล้อหลัง ซึ่งในการเปลี่ยนสลับยางรถยนต์จะทำการสลับเป็นฝั่งไป คือ ยางรถยนต์หน้าฝั่งซ้าย สลับกับยางรถยนต์หลังฝั่งซ้าย และยางรถยนต์หน้าฝั่งขวา สลับกับยางรถยนต์หลังฝั่งขวา
ที่สำคัญ หลังการสลับยางรถยนต์เสร็จสิ้นใน 10,000 กิโลเมตรแรก ควรทำการถ่วงล้อทั้ง 4 ล้อ ตรวจเช็กสภาพของผ้าเบรกว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ปรกติ ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง ตรวจวัดระดับน้ำมันเบรกในกระปุกปั๊ม ตรวจสอบช็อกแอบซอร์เบอร์ และลูกหมาก ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ตรวจเช็กศูนย์ล้อ รวมถึงเรื่องของการอัดจาระบีดุมล้อ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของระบบช่วงล่าง
(รูปที่ 2) หลังจากใช้งานยางรถยนต์ต่อไปจนถึง 20,000 กิโลเมตร หรือครบรอบอีก 10,000 กิโลเมตร
การสลับยางรถยนต์ครั้งนี้ จะแตกต่างจากการสลับยางรถยนต์ใน 10,000 กิโลเมตรแรก ซึ่งวิธีการสลับยางจะเป็น ลักษณะไขว้ โดยจะทำการเปลี่ยนยางรถยนต์ล้อขวาหน้าไปไว้ล้อหลังซ้าย ยางรถยนต์ล้อหลังซ้ายสลับแทนที่ยางรถยนต์ล้อหน้าขวา ส่วนยางรถยนต์ล้อหน้าซ้ายจะเปลี่ยนสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังขวา
ซึ่งในการเปลี่ยนสลับยางรถยนต์ครั้งนี้ สิ่งที่ต้องสังเกต คือ ทิศของหน้ายางรถยนต์ หรือลูกศรบอกตำแหน่งของยางรถยนต์อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ ในกรณีที่สลับยางรถยนต์แล้วลายดอกยางย้อนศร อันนี้ต้องให้ร้านยางรถยนต์ทำการกลับด้านยางรถยนต์ให้ถูกต้อง
*** หลังจากนั้นให้ทำการตรวจเช็กร่วมเช่นเดียวกับ 10,000 กิโลเมตรแรก ในทุกครั้งที่ทำการสลับยางรถยนต์
(รูปที่ 3) เมื่อเข้าถึง 30,000 กิโลเมตร การสลับยางรถยนต์จะเป็นดังเช่นการสลับยางรถยนต์ในครั้งแรกสลับยางรถยนต์ล้อหน้าซ้ายไปไว้ล้อหลังซ้าย และล้อหน้าขวาสลับยางรถยนต์กับล้อหลังขวา เหตุผลที่ต้องทำการสลับยางรถยนต์ในลักษณะเช่นนี้ เพื่อให้ยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นมีการสึกหรอที่เท่าเทียมกัน เนื่องจากยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นมีการสลับครบทุกด้าน ซึ่งยางรถยนต์แต่ละล้อจะรับภาระที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ยางรถยนต์หน้าขวา นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนรถให้เลื่อนไหล ล้อหน้าขวาจะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับด้านคนขับ ภาระที่เพิ่มขึ้น คือ เรื่องของการรับน้ำหนักคนขับพ่วงเข้าไปด้วย เป็นต้น
(รูปที่ 4) เมื่อถึง 40,000 กิโลเมตร การสลับยางรถยนต์ก็จะเป็นดังเช่น การสลับยางรถยนต์ในช่วง 20,000 กิโลเมตร ที่จะทำการสลับยางในลักษณะไขว้กัน โดยยางรถยนต์ล้อหน้าขวาจะสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังซ้าย ยางรถยนต์ล้อหลังซ้ายก็เปลี่ยนสลับแทนที่ยางรถยนต์หน้าขวา และยางรถยนต์ล้อหน้าซ้ายเปลี่ยนสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังขวา ยางรถยนต์ล้อหลังขวาก็เปลี่ยนไปแทนที่ยางรถยนต์ล้อหน้าซ้าย หลังจากนั้นก็ให้ทำการตรวจเช็กหน้ายางรถยนต์ว่าย้อนศรหรือไม่
ในกรณีที่ไม่ทราบว่าใส่ยางรถยนต์ย้อนศรหรือไม่ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ให้สังเกตที่แก้มยางรถยนต์ในบางรุ่นจะมีลูกศรชี้บอกทิศของการใส่ยางรถยนต์ไปด้านหน้า และในกรณีที่ยางรถยนต์ไม่มีลูกศรบอกทิศ ให้สังเกตที่วันผลิตซึ่งจะบอกไว้ที่แก้มยางรถยนต์ ให้ด้านตัวเลขบอกวันผลิตของยางรถยนต์หันออกด้านนอกเสมอ นั่นคือ ด้านยางที่ถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : tyre4car , นิตยสารรถวันนี้
และขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://auto.sanook.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น