วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คปภ. เผยเหตุรถตู้โดยสารตกถนนประกันภัยดูแลอย่างไร #ข่าวประกันภัย #ประกันภัยรถยนต์

คปภ. เผยเหตุรถตู้โดยสารตกถนนประกันภัยดูแลอย่างไร #ข่าวประกันภัย #ประกันภัยรถยนต์
คปภ. เผยเหตุรถตู้โดยสารตกถนนประกันภัยดูแลอย่างไร #ข่าวประกันภัย #ประกันภัยรถยนต์

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 เกิดเหตุรถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียน นข 3182 ลำปาง เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ร่องกลางถนน บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 654 – 655  ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 ราย นั้น

                    สำนักงาน คปภ. จังหวัดลำปาง ได้รายงานในเบื้องต้นว่ารถตู้โดยสารคันดังกล่าว มีประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับบริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ดังนี้
                             1. ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับผู้ประสบภัยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน (ผู้ขับขี่จะได้รับเพียงค่าเสียหายเบื้องต้น 30,000 บาท)
                             2. ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน
                   เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ทราบว่าบริษัทประกันภัยได้ประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้บาดเจ็บอันได้แก่ โรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลเกาะคา และโรงพยาบาลสบปราบ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษาพยาบาลแล้ว ทั้งนี้ขอย้ำเตือนผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะที่ต้องรับผิดชอบสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นจำนวนมากให้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการทำประกันภัย ตรวจสอบวันหมดอายุการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้นสามารถซื้อประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติมได้ ระบบประกันภัยสามารถรองรับความเสียหายหรือบรรเทาความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 20 – 60 ปี ที่ต้องเดินทางออกนอกเคหะสถานเพื่อประกอบสัมมาอาชีพเป็นประจำที่ต้องการซื้อความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ขณะนี้มีกรมธรรม์ประกันภัย 200 หรือ “ประกันภัย 200” เบี้ยประกันราคาถูกเพียงปีละ 200 บาท ซื้อได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์ ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท  หากเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย หรืออุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์  จะได้รับค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท และกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหลังกรมธรรม์มีผลคุ้มครอง 120 วัน จะได้รับค่าจัดการงานศพ 10,000 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในเซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้ โลตัส ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตัวแทน/นายหน้า และบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ
                   หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบประกันภัย โทรสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แก๊สไอเสียรถยนต์ อันตรายมากกว่าที่คิด #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

แก๊สไอเสียรถยนต์ อันตรายมากกว่าที่คิด #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
แก๊สไอเสียรถยนต์ อันตรายมากกว่าที่คิด #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

แก๊สไอเสียที่ออกจากรถยนต์ นับเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่มีปริมาณมากที่สุด โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ASN Broker ขออนุญาตินำเสนอข้อมูลแก๊สไอเสียรถยนต์ โดยแก๊สไอเสียที่เป็นมลพิษได้แก่ คาร์บอนมอนนอกไซด์ (co) เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีออกซิเจนไม่เพียงพอขระเกิดการเผาไหม้ แก๊สชนิดนี้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมาก เพราะมันจะถูกดูดซืมเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เลือดขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะทำให้สมองและระบบประสาทถูกทำลาย อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

ข้อควรระวัง  อย่าติดเครื่องยนต์ไว้ในโรงรถหรือบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก แก๊สไอเสียที่ประกอบด้วยคาร์บอนมอนนอกไซด์เป็นแก๊สที่อันตรายมาก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ และสะสมอยู่นานเกิน 3 นาที จะทำให้เสียชีวิตทันที



ไฮโดรคาร์บอน (HC) เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ จะปนออกมากับแก๊สไอเสีย ไฮโดรคาร์บอนบางชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้ระคายเคืองต่อจมูก ตา หลอดลม และปอด ทำให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ

ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) เกิดจากไนโตรเจนทำปฏิกิริยากับออกซิเจน อุณหภูมิการเผาไหม้สูงกว่า 1,800 C ทำให้เกิดฝนกรด ทำให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ



เราจะเห็นว่าแก๊สไอเสียทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นแก๊สที่อันตรายต่อสิ่งมีชีวิต จึงจำเป็นต้องหาทางควบคุม ในปี พ.ศ. 2503 รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นแห่งแรกของโลกที่ได้ออกกฏหมายควบคุมแก๊สไอเสียอย่างเข้มงวดกวดขัน และในปี พ.ศ. 2518 ได้บังคับให้รถยนต์ที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาและรถนำเข้าทุกคันต้องผ่านการทดสอบ และจากนั้นอีกไม่นานในยุโรปและญี่ปุ่นได้มีกฏหมายออกมาบังคับใช้เช่นกัน โดยใช้ตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา



ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ไม่ว่าส่วนผสมหนา ส่วนผสมปกติ (ส่วนผสมทางทฤษฏี) หรือส่วนผสมบาง จะมีแก๊สไอเสียออกมาทั้งสิ้น ทำอย่างไรจึงจะทำให้แก๊สไอเสียที่ออกมามีมลพิษน้อยลง จึงจำเป็นต้องติดตั้งแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์เข้าไปในรถยนต์

แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่กำจัดแก๊สไอเสีย (CO,HC และ NOx) ให้กลายเป็นแก๊สที่สะอาด (CO2,N2 และ H2O) ติดตั้งอยู่ระหว่างท่อร่วมไอเสียหม้อพักไอเสีย



โครงสร้างภายในแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์

ภายในแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์จะมีสาร PGM (Platinum group Metal) ซีงได้แก่ แพลทินัม (platinum) แพลเลเดียม (palladium) โรเดียม (rhodium) และรูทีเนียม (ruthenium) สารใดสารหนึ่ง หรืออาจใช้สาร 2 ชนิดผสมกันก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากคือ แพลทินัมผสมกับโรเดียม สารเหล่านี้จะเคลือบเป็นชั้นบาง ๆ อยู่ภายในผนังของช่องภายในรังผื้งที่ทำด้วยเซรามิก เมื่อแก๊สไอเสียไหลผ่านสารเหล่านี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเปลี่ยนเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้ำ และแก๊สไนโตรเจน

แคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์จะทำงานได้ดีที่สุดถ้าอุณหภูมในตัวมันอยู่ระหว่าง 400-800 C และอัตราส่วนผสมที่ใช้ในการเผาไหม้นั้นจะต้องใกล้เคียงกับอัตราส่วนผสมทางทฤษฏี (14.7 : 1) มากที่สุด เพื่อที่จะรักษาให้ได้อัตราส่วนผสมนี้ จึงจำเป็นต้องติดตั้งออกซิเจนเซนเซอร์ บางครั้งเรียกว่า แลมป์ดาซอนด์ หรือแลมป์ดาเซนเซอร์เข้าไป เพื่อทำหน้าที่ตรวจจับความหนาแน่นของออกซิเจนที่ปนมากับแก๊สไอเสีย แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์นอกจากจะทำหน้าที่ฟอกไอเสียแล้ว ยังทำหน้าที่ลดเสียงดังของไอเสียลงได้อีกระดับหนึ่ง

หมายเหตุ  รถยนต์ติดตั้งแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์จะทให้กำลังของเครื่องยนต์ลดลงไปบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ



ข้อควรระวังสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้ง แคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์

ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยได้หันมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วกันหมดแล้วหลีกเลี่ยงการติดเครื่องยนต์เดินเบานาน ๆ หลีกเลี่ยงการติดเครื่องยนต์ ที่ความเร็วเดินเบาสูง (fast idle speed) นานเกิน 10 นาที และความเร็วรอบเดินเบาปกติ (idle speed) นานเกิน 20 นาที

หลีกเลี่ยงการทดสอบประกายไฟแรงสูง ซึ่งการจะทำการทดสอบประกายไฟแรงสูงก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ และควรใช้เวลาในการทดสอบน้อยที่สุด และก่อนทดสอบควรปลดปลั๊กขั้วต่อสายไปออกจากหัวฉีด

 
ไม่ควรใช้วิธีสตาร์ตเครื่องยนต์โดยใช้วิธีเข็นติด ควรใช้วิธีพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นแทน 
หลีกเลี่ยงการวัดกำลังอัดในกระบอกสูบเป็นเวลานาน ๆ การทดสอบกำลังอัดควรกระทำโดยใช้เวลาน้อยที่สุด และก่อนวัดควรถอดปลั๊กขั้วต่อสายไฟออกจากหัวฉีดหรือปลั๊กขั้วต่อสายไฟออกจากจานจ่ายอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้หัวฉีดฉีดน้ำมันออกมาในขณะทดสอบอย่าติดเครื่องยนต์เมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้หมดถัง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบหรือสะดุด เนื่องจากระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในถังต่ำเกินไป ทำให้การฉีดน้ำมันไม่สม่ำเสมอ ทำให้การเผาไหม้ไม่หมดจด น้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนที่ยังไม่เกิดการเผาไหม้จะไหลเข้าไปเผาไหม้ในแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ทำให้แคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ร้อนจัด

ระวังอย่าให้ผิวภายนอกของแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์สกปรก เช่น พ่อนฟลิ้นโค้ทไปโดนแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์

อย่าจอดรถบนกองวัสดุที่ติดไฟง่าย เช่น กองหญ้าแห้ง กระดาษ หรือเศษผ้า เพราะอาจทำให้ไฟไหม้รถยนต์ได้ ต้องระมัดระวังให้มาก

อย่าขับรถออกไป ถ้าเครื่องยนต์เดินไม่เรียบหรือเครื่องยนต์ทำงานไม่ควรสูบ

อย่าเร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรงในขณะอุ่นเครื่อง



คำเตือน ถ้ามีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เกิดการเผาไหม้เป็นจำนวนมากไหลเข้าไปในแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ จะทำให้แคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ร้อนจัดและอาจทำให้เกิดไฟลุกไหม้รถยนต์คุณได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันมิให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นช่างจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างเคร่งครัดและควรอธิบายให้เจ้าของรถได้รับทราบด้วย



รู้ได้อย่างไรว่าแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์หมดอายุการใช้งานแล้ว

แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ที่ใช้กับรถยนต์ในปัจจุบันมีอายุการใช้งานยาวนานมาก เนื่องจากเครื่องยนต์เกือบทั้งหมดใช้อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาควบคุมการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง การจุดระเบิด หรือการควบคุมรอบเดินเบา เป็นต้น ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ และถ้าผู้ขับขี่เอาใจใส่บำรุงรักษาดี เช่น ทำความสะอาดใส้กรองอากาศหรือตรวจสภาพหัวเทียนเป็นประจำก็ยิ่งทำให้แคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ถ้าคุณสงสัยว่าแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์หมดอายุการใช้งานหรือยังก็ทำได้ไม่ยาก เวลาคุณตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีช่างเขาจะวัดค่า CO ถ้าค่า CO มากเกินกว่าปกติ แสดงว่าแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อาจจะหมดอายุการใช้งานแล้ว หรือจะตรวจความดันย้อนกลับ (back pressure) ของไอเสียดูก็จะทราบได้

ขั้นตอนในการทดสอบความดันย้อนกลับของแก๊สไอเสียทำได้ดังนี้

ถอดออกซิเจนเซนเซอร์ออก ติดตั้งข้อต่อ (adapter) พร้อมกับเครื่องทดสอบความดันย้อนกลับเข้าไปแทนที่ ถ้าไม่มีเครื่องทดสอบความดันย้อนกลับ อาจจะใช้เกจวัดความดันที่อ่านค่าได้ต่ำ (0-10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ก็ได้

 

ติดเครื่องยนต์ให้ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานปกติ

เร่งเครื่องยนต์ไปที่ความเร็วรอบประมาณ 2,500 รอบต่อนาที

อ่านค่าที่ได้บนเกจวัด ถ้าค่าที่อ่านได้เกิน 1.25 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว แสดงว่าระบบไอเสียอุดตัน ให้ถอดหน้อเก็บเสียงออกมาตรวจสอบ ถ้าหม้อเก็บเสียงไม่อุดตันแสดงว่าแคตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อุดตัน ทำให้เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น และทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ควรเปลี่ยนใหม่



หมายเหตุ 

แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ของใหม่มีราคาค่อนข้างแพง จึงทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์มักจะไม่เปลี่ยน บางรายก็ถอดออก อ้างว่าถ้าใส่แล้วรถไม่ค่อยวิ่งเพราะถ้าเป็นอย่างนี้หมดมลพิษของอากาศในบ้านเราก็นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ช่วยกันเถอะครับ เพื่อให้เรามีอากาศที่บริสุทธิ์หายใจ ส่วนภาครัฐก็มาช่วยดูแลเรื่องราคาอย่าให้แพงเกินไปครับ

การตรวจวัดค่าก๊าซ CO และ HC ของรถยนต์ที่วิ่งในประเทศไทยได้กำหนดไว้ดังนี้

รถยนต์  ที่จดทะเบียนหลังวันที่ 1  พฤศจิกายน พ.ศ. 2536

            ก๊าซ CO มีค่าไม่เกินร้อยละ 1.5

            ก๊าซ HC มีค่าไม่เกิน 200 ส่วนใน 1,000,000 ส่วน

ยกเว้น รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536

            ก๊าซ CO มีค่าไม่เกินร้อยละ 4.5

            ก๊าซ HC มีค่าไม่เกิน 600 ส่วน 1,000,000 ส่วน

ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

13กฎจราจรที่คนไทยละเลยประจำ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

13กฎจราจรที่คนไทยละเลยประจำ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
13กฎจราจรที่คนไทยละเลยประจำ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

กฎจราจรมีไว้เพื่อให้ทุกคน สามารถใช้ถนนสาธารณะร่วมกันได้อย่างเป็นระเบียบและปลอดภัย
ในแต่ละประเทศมีกฎจราจรพื้นฐานคล้ายกัน แต่ต่างกันที่รายละเอียดและความเข้มงวดในการ
ปฏิบัติ บทความนี้ ASN Broker รวบรวมกฎจราจรของไทยหรือ ลักษณะการขับรถยนต์ ที่คนไทยละเลย
ไม่ปฏิบัติตาม จนกลายเป็นเรื่องปกติ หรือถ้าใครเคร่งครัด ก็อาจจะถูกด่าหรือชนได้
ทั้งหมดเป็นเพียงการรวบรวมให้ทราบ แต่คงยากที่จะชักจูงให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ตราบใดที่ยังมีสินบน! หลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับ

ขับช้าชิดซ้าย
ไม่ได้พบแต่ตามถนนโล่งต่างจังหวัดเท่านั้น บนทางด่วนหรือทางลอยฟ้าในกรุงเทพฯ
ก็พบได้บ่อยๆเพราะคำว่าช้า และมีกฎหมายจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ จึงทำให้หลายคนคิดว่า
เมื่อไรที่รู้สึกด้วยตัวเองว่าเร็วแล้ว หรือขับเกินความเร็วที่กฎหมายจำกัดไว้ ก็จะขับแช่อยู่ในเลน
ขวาได้ เพราะในเมื่อไม่ได้คิดว่าขับช้า ก็ไม่ต้องชิดซ้าย

วิธีที่ถูกต้อง คือ แซงแล้วต้องชิดซ้าย เลนขวามีไว้แซงเท่านั้น หรือราชการควรเปลี่ยนประโยค
ใหม่เพิ่มคำว่า "กว่า"เข้าไปจากขับช้าชิดซ้าย เปลี่ยนประโยคเป็นขับช้ากว่าชิดซ้าย
คือ ไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วเท่าใดในเลนขวา ถ้ามีรถยนต์ ที่ตามมาขับเร็วกว่า ก็ต้องหลบซ้าย
ให้ไม่ต้องทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตัดสินผู้อื่นว่า หากตนเองขับเร็วตามกฎหมายแล้วไม่ต้อง
หลบให้ใคร แนะนำว่าไม่ต้องคิดเช่นนั้น เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา หากมีรถยนต์ที่เร็วกว่า
ควรหลบเข้าเลนซ้ายให้ ถึงแม้เลนซ้ายในช่วงนั้นจะขรุขระบ้าง แต่ถ้าไม่ถึงกับแย่จนทนขับไม่ได้
ก็ควรหลบเข้าเลนซ้ายชั่วคราว พอถูกแซงผ่านไปและว่างก็ค่อยกลับมาเลนขวา



ขับเร็วเกินกำหนด
กฎหมายไทยจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ต่ำ คือ 90-120 กม./ชม.แล้วแต่ว่าจะเป็นถนนใด
ถ้าเป็นถนนหลวงใช้ฟรี มักถูกจำกัดแค่ 90 กม./ชม.คนส่วนใหญ่มองว่ากฎหมายล้าหลัง
ไม่ปรับปรุงตามสมรรถนะของรถยนต์ และบนถนนจริง ในการเดินทางไกล
ก็แทบไม่มีใครทนขับช้าอย่างนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกจับก็โดนกันเกือบทุกคัน
นับเป็นเรื่องที่หวานอมขมกลืน เพราะยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้
ซึ่งก็ดีในแง่หนึ่งที่จะได้ความปลอดภัย
เพราะคนไทยหลายสิบเปอร์เซ็นต์ขับรถยนต์โดยมีพื้นฐานที่ไม่ดี
ยิ่งเร็วก็ยิ่งอันตราย แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เท่ากับเป็นกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ใครจะไปทนขับเป็นเต่า 90 กม./ชม. แม้แต่ข้าราชการ นักการเมืองใหญ่ๆ
ก็ยังไม่เห็นใช้ความเร็วในการเดินทางต่ำอย่างนี้


ไม่เปิดไฟเลี้ยว
บางคนหลงลืม บางคนไม่เปิดเป็นนิสัย บางคนตั้งใจไม่เปิด เพราะเคยพบกับคนอื่นที่นิสัยไร้น้ำใจ
ซึ่งทำให้การเปิดไฟเลี้ยวที่น่าจะเป็น การเตือนให้ทราบหรือขอทาง
แต่กลับเป็นการเตือนให้รู้ตัวและก็เร่งความเร็วมาปิดช่องว่าง หลายคนจึงไม่เปิดไฟเลี้ยว
ด้วยเหตุผลสั้นๆ คือ ไม่อยากให้คนอื่นรู้ตัว ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นควรเปิด
เพราะจะได้ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และก็คงไม่พบกับคนไร้น้ำใจกันทั้งถนน

ป้ายหยุด แต่ไม่หยุด
ในไทยใช้คำว่า หยุด ส่วนในหลายประเทศเป็นป้าย STOPและต้องปฏิบัติตามป้ายอย่างเคร่งครัด
เช่น สหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะอยู่บนถนนใหญ่หรือซอยเล็ก กลางวันหรือดึกไม่ว่าจะดูคึกคักหรือ
เปลี่ยว หากมีป้ายนี้ ต้องเบรกรถยนต์ให้ล้อหยุดหมุน จะสักครึ่งหรือ 1 วินาทีก็ยังดี
หากดูแล้วทางโล่งก็ค่อยขับต่อไป ไม่มีการปล่อยไหลช้าๆ ล้อต้องหยุดสนิทชั่วคราว
ไม่งั้นถ้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจซุ่มอยู่จะจับกุมได้ทันที แม้ถนนจะโล่ง ดึกและเปลี่ยว
รวมถึงไม่มีรถยนต์อื่นในบริเวณแยกนั้นเลยก็ตาม นับเป็นความปลอดภัยที่ชัดเจน
เพราะการหยุดพร้อมกับดูความโล่งของเส้นทางที่จะไปย่อมดีกว่าปล่อยรถยนต์ไหลๆพร้อมกับดู

น่าแปลกที่คนไทยไม่เคยจอดรถยนต์ตามกำหนดของป้ายหยุดนี้เลย
บางคนมองเห็นและทราบว่ามีแยกอยู่ข้างหน้า และต้องดูเส้นทางว่าว่างไหม
แต่ไม่เคยคิดจะให้้ล้อหยุด หมุนสักครู่เลย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เคยจับ
บางคนแทบไม่เคยเห็น ไม่สนใจป้ายนี้ หรือเห็นแล้วไม่คิดว่าจะต้องเบรกจนล้อหยุดหมุนเลย
รวมถึงหากขับรถยนต์ไหลๆ มาเป็นแถว ถ้าบริเวณแยกนั้นเส้นทางว่าง
หากใครพบป้ายนี้แล้วเบรกจนหยุด ก็อาจโดนบีบแตรไล่หรือถูกชนท้ายได้
ป้ายหยุดสำหรับคนไทยจึงกลายเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก หรือบางคนบอกว่าไร้สาระจะติดไปทำไม

ฝ่าไฟเหลือง
ในไทยเห็นไฟเหลืองแล้วต้องเร่งส่ง ขณะที่ในหลายประเทศคือไฟหยุด เห็นไฟเหลืองแล้ว
ต้องหยุด ในไทยขืนไม่เร่งส่ง ก็อาจโดนก็อาจโดนบีบแตรไล่หรือถูกชนท้ายได้
เรื่องนี้คงยากที่จะแก้ไข เพราะถ้าพิสดารทำอยู่คนเดียวก็อาจถูกชนท้ายได้


เปิดเลนใหม่ซ้ายสุด
หากการจราจรติดขัดมา และถนนมีไหล่ทางด้านซ้าย พอจะเปิดเลนใหม่ได้อีกสัก 1 เลน
ก็จะไม่รีรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็อนุโลมให้ในหลายประเทศ ห้ามทำเช่นนี้เด็ดขาด
และไม่ว่าการจราจรจะติดขัดเพียงไร ก็ไม่มีใครเปิดเลนใหม่ริมซ้ายสุด เพราะจะโดนจับ
จะใช้สำหรับรถยนต์จอดเสีย และที่สำคัญ คือ สำหรับรถยนต์ฉุกเฉิน เช่น
กำลังจะไปลากรถยนต์ที่จอดเสีย หรือที่สำคัญคือ รถพยาบาลที่ควรจะไปได้เร็วที่สุดในเลนโล่งๆ
สำหรับคนไทยที่ทำเช่นนี้ จะสำนึกก็ต่อเมื่อต้องใช้บริการของรถพยาบาลแล้วทุกเลนเต็มหมด
แม้แต่ริมซ้ายสุดก็ยังเต็ม



จอดทับลายตารางเหลือง
ผู้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่ทราบว่าห้ามจอดทับ แต่ในกรณีที่การจราจรติดขัดแบบพอไหลๆ ได้
หลายคนก็เผลอจอดทับ เพราะไม่ได้ประเมินรถยนต์บนการจราจรข้างหน้า
คิดง่ายๆว่าเดี๋ยว คงไหลไปเรื่อยๆ ผ่านลายตารางไปได้ ในความเป็นจริง เมื่อถึงเขตตารางนี้
ถ้าไม่แน่ใจก็ควรรอให้รถยนต์คันนำหน้าเลยปลายตารางออกไปจนมีที่ว่างสำหรับรถยนต์ของเรา
แล้วค่อยขับตามไป ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ไม่ยอมทำกันให้ถูกต้อง



เลี้ยวซ้าย (ไม่)ผ่านตลอด
หลายคนไม่ทราบว่า จะสามารถเลี้ยวซ้าย ผ่านตลอดได้ ก็ต่อเมื่อมีป้ายบอกไว้ชัดเจนว่า
เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดหากไม่มีป้ายฯ รวมถึงไม่มีสัญญานไฟแยกออกมา
ตามกฎหมายจะถือว่าตรงนั้น เลี้ยวซ้ายไม่ผ่านตลอด
ต้องรอให้มีไฟเขียวทางตรงหรือไฟเขียวเลี้ยวซ้ายสว่างขึ้น ถึงจะเลี้ยวซ้ายได้

จอดเลยเส้นตรงแยก
นับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยๆ จนต้องมีกฎหมายตัดแต้มกัน น่าตำหนิ โดยเฉพาะเมื่อจอด
ทับทางม้าลาย คนข้ามถนนต้องเดินเลี่ยงโดยไม่จำเป็น คนอยู่ในรถยนต์เย็นฉ่ำกลับจอดบังทาง
ม้าลายให้คนเดินถนนที่ทั้งเจอความร้อนทั้งฝุ่นต้องลำบากมากขึ้น



ไม่ต่อคิว จอดแปะขอเข้า
น่าจะมีน้อยมากที่ปฏิบัติเพราะไม่คุ้นเส้นทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะไม่อยากต่อคิวยาวเลยขับมา
ต้นๆคิวแล้วจอดแปะริมคิวขอเข้า เกะกะออกไปอีกเลนหนึ่งแล้วก็คิดไปเองว่า ในเมื่อเปิดไฟเลี้ยว
แล้วก็น่าจะมีน้ำใจให้เข้าหน่อย โดยไม่มองว่าตนเองตั้งใจไม่ต่อคิวแล้วมาขอแทรกนั้นไม่ถูกต้อง



แซงเส้นทึบ
ทั้งนอกและในเมืองพบได้เสมอ มีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่เดาว่าเกินครึ่งขับอย่างตั้งใจ
โดยเห็นเส้นทึบก่อนตัอสินใจฝ่าฝืนขับข้ามหรือแซง


จอดในที่ห้ามจอดแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน
เสมือนว่าถ้าเปิดไฟฉุกเฉินแล้วจะจอดชั่วคราวได้ ถึงจะมีป้ายห้ามจอดอยู่ชัดเจนก็ตาม
โดยไม่สนใจว่าจะเกะกะการจราจรเพียงไร



ติดสินบน ต้นเหตุของการกระทำผิด
การให้และรับสินบนเมื่อมีการกระทำผิดกฎจราจร นับเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย
ใครไม่ยอมติดสินบนหรือตั้งใจรับใบสั่ง อาจจะกลายเป็นคนโง่ในสังคมของตนเอง
คนที่ติดสินบน มักจะยอมรับว่าตนเองกระทำผิด แล้วยกสารพัดข้ออ้างขึ้นมาหาความถูกต้องว่า
เสียค่าปรับแพง เสียเวลาทำมาหากินหรือโดนตัดแต้ม สู้ติดสินบนแล้วจบเลยตรงนั้นไม่ได้
พอดีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน ก็เต็มใจและจับกุมเพื่อต้องการสินบนอยู่แล้ว
การติดสินบนผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่คนที่ให้ กลับมาคิดหรือพูดภายหลังว่า โดนไถ
หรือคนรับเลวฝ่ายเดียว ไม่ได้คิดเลยว่า ตนเองทำผิดกฎหมาย 2 ต่อ คือ ผิดกฎจราจร
และติดสินบนเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้คงแก้ไขกันยาก หากพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย
และก็ไม่เคยมีคดีในศาลเรื่องการให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังกระทำผิดกฎจราจร
การติดสินบนหลังกระทำผิด ทำกันจนเป็นวัฒนธรรมกลายๆของคนไทยไปแล้ว
และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีการกระทำผิดกฎจราจร
โดยไม่ระมัดระวังหรือถึงขั้นตั้งใจกระทำผิดกันมาก เพราะหลายคนคิดอย่างชะล่าใจว่า
อย่างมากถ้าบังเอิญถูกจับก็ยัดเงินเจ้าหน้าที่ร้อยสองร้อยบาทก็จบ หลายคนเดาว่า
หากกระทำผิดกฎ จราจรแล้วติดสินบน มีโอกาสสำเร็จไม่ต้องรับใบสั่งถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
(ในความเป็นจริงจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 80 ก็คงพอเดากันได้)

หากการติดสินบนในเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ยังมีเป็นปกติ ก็ต้องถือว่าเป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทย
ที่ชอบซิกแซ็กหรือหาทางเลี่ยงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ดังนั้นก็เลิกด่านักการเมืองโกงกินได้เลย เพราะถ้าคุณไปอยู่ในบทบาทนั้น
ก็คงซิกแซ็กโดยมีข้ออ้างสารพัดเช่นเดียวกับการไม่อยากจ่ายค่าปรับหลังการกระทำผิดกฎจราจร

ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การแซงอย่างมีมารยาท และปลอดภัย #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

การแซงอย่างมีมารยาท และปลอดภัย #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
การแซงอย่างมีมารยาท และปลอดภัย #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

การแซง ที่ใครหลายๆคนที่มีรถล้วนต้องมีประสบการณ์กันมาบ้างไม่มากก็น้อย ASN Broker จะชวนมาคุยกันด้วยเรื่องนี้ครับ

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องการแซงจะเป็นปัญหาที่เห็นกันเรื่อยๆสำหรับ คนที่ขับรถมาหลายปีแล้ว
แทนที่จะเป็นมือใหม่ คงเพราะมือใหม่อาจจะไม่ค่อยอยากแซง
และเวลาแซงมักจะหันไปดูแล้วดูอีกเลยไม่ค่อยมีปัญหา
แต่คนที่ขับรถมานานคงจะทราบถึง "จุดบอด" ในการแซงเป็นอย่างดีและคงมีประสบการณ์มา
บ้างแล้ว นั่นคือมุมมองช่วงด้านข้างของรถค่อนไปทางข้างหลังเราทั้งซ้ายและขวา
เพราะเวลาขับรถถ้ามีรถขับข้างๆเราค่อนไปข้างหลังนิดหน่อย เราจะมองไม่เห็นจากกระจกข้าง
เพราะมุมของกระจกจะเลยรถคันนั้นไป และสายตาเราก็มองไม่เห็นเพราะเรามองไปข้างหน้าอยู่
รถที่อยู่ค่อนไปข้างหลังหน่อยก็ไม่อยู่ในรัศมีของสายตาเรา เวลาเราจะแซงหรือเปลี่ยนเลน
เราก็จะเบียดเข้าไปในเลนที่คิดว่าโล่งทันที ถ้ามีรถอยู่ตรงนั้นละก็ ไม่เสียงแตรพร้อมเสียงสวด
ก็เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ คนขับเองก็คงตกใจไม่ใช่น้อยว่า มาจากไหน
คนที่ถูกปาดก็คงงงว่าเข้ามาได้ยังไง อยุ่ตรงนี้ทั้งคัน
แต่คนที่มีประสบการณ์จะเข้าใจดีว่า คันนั้นไม่เห็น เพราะเป็นจุดบอด


วิธีป้องกันไว้ก่อนง่ายๆ มีดังนี้ ถ้าท่านเป็นคันที่จะแซง

ก่อนแซง
ควรเหลือบหรือหันไปดูซักแว้บเดียวไม่ว่าซ้าย-ขวา ท่านจะเห็นชัดว่าควรทำยังไงต่อ

ถ้าไม่ชอบหัน ลองหากระจกเงานูน เล็กๆที่มีขายกันทั่วไปมาติดกระจกข้าง
ลองใช้จนเคยชินก็ช่วยได้ จะได้มุมมองเหมือนกระจกข้างเบนซ์เชียวหละ

ตอนแซงหรือเปลี่ยนเลนค่อยๆเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งก่อนหักออก เพื่อความไม่ประมาท
ถ้ามีรถอยู่ท่านอาจจะได้ยินเสียงแตรเตือนให้ทราบก่อนว่ามีรถอยู่
และถ้ามีเหตุอะไรจะได้ตั้งตัวทันหักกลับชะลอรถได้ ถ้าท่านเป็นคันที่อยู่ตรงจุดบอดของคันหน้า

ควรหลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วเท่าๆกัน
โดยที่ท่านต้องอยู่ตรงนั้นไปนานๆ เร่งแซงไปหรือชะลอรถลงมาให้อยู่ห่างหน่อยดีกว่า

ช่วงเร่งแซงสังเกตุคันหน้า ถ้ามีการเริ่มเบียดเข้ามาให้บีบแตรเตือนทันที กันไว้ก่อน

พร้อมเบรคทันที ถ้าคันหน้าเบียดเข้ามาเต็มๆ ทำใจว่าเป็นจุดที่เค้ามองไม่เห็นจริงๆ
หรือคิดซะว่าทำบุญ ไปแล้วกัน เพราะบางคันก็รู้แต่ ข้าจะรีบไปประมาณนั้น 

ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คปภ. เร่งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยจากรถช่วงสงกรานต์ ปี 58 #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์

คปภ. เร่งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยจากรถช่วงสงกรานต์ ปี 58 #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์
คปภ. เร่งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยจากรถช่วงสงกรานต์ ปี 58 #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตัวเลขสถิติการเกิดอุบัติเหตุของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9–15 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 3,373 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3,559 ราย และมีผู้เสียชีวิต 364 ราย

                 สำนักงาน คปภ. ได้ประสานบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อติดตามข้อมูลการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้ประสบอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2558 ปรากฏว่ามีผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถในช่วงเทศกาลดังกล่าวเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจำนวนทั้งสิ้น 5,059 ราย แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 426 ราย ได้รับบาดเจ็บ 4,619 ราย และทุพพลภาพ 14 ราย รวมค่าสินไหมทดแทนที่ผู้ประสบภัยจากรถเรียกร้องทั้งสิ้น 153 ล้านบาท แยกเป็นกรณีเสียชีวิต 87.1 ล้านบาท กรณีได้รับบาดเจ็บ 64.9 ล้านบาท และกรณีทุพพลภาพ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งแสดงว่าผู้ประสบภัยได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจเพื่อเพิ่มความคุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินด้วย เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจำนวนทั้งสิ้น 43,043 ราย คิดเป็นค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 719 ล้านบาท สรุปผู้ประสบภัยจากรถที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวกับบุคคลและทรัพย์สินที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 48,102 ราย คิดเป็นค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 872 ล้านบาท และได้รับรายงานว่าบริษัทประกันภัยกำลังดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ประสบภัยจากรถ           
                  เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ได้ประสานบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อเร่งรัดติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ประสบภัยหรือทายาทผู้ประสบภัยจากรถให้รวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม สำนักงาน คปภ. ขอย้ำเตือนผู้ใช้รถ ใช้ถนน ให้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และหากต้องการความคุ้มครองบุคคลและทรัพย์สินเพิ่มเติมก็สามารถทำประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มได้ เพราะหากประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดระบบประกันภัยสามารถรองรับหรือบรรเทาความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ส่วนประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 20 – 60 ปี



ขณะนี้มีกรมธรรม์ประกันภัย 200 หรือ “ประกันภัย 200” เป็นประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล เบี้ยประกันราคาถูกเพียงปีละ 200 บาท ซื้อได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์ เงื่อนไขกรมธรรม์ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตการสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท หากเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย หรืออุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท และกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหลังกรมธรรม์มีผลคุ้มครอง 120 วัน จะได้รับค่าจัดการงานศพ 10,000 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในเซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้ โลตัส ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตัวแทน/นายหน้า และบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ

                  หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบประกันภัย โทรสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทำไงเมื่อเครื่องดับ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

ทำไงเมื่อเครื่องดับ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
ทำไงเมื่อเครื่องดับ #เรื่องรถน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

เมื่อเครื่องยนต์ของรถไม่ทำงานเอากำลังไปหมุนล้อตามหน้าที่อันดี  ก็ต้องรีบหาที่จอดรถที่ปลอดภัย  ซึ่งไม่ค่อยจะมีให้เลือกนอกจากริมถนน  ไหล่ทาง  หรือเลนในสุดของถนน ASN Broker จะมาอธิบาย ว่าถ้าเกิดรถตัวดีดับจะแก้อย่างไรบ้าง

          อย่านึกว่ารถเสียแล้ว  จะจอดทิ้งไว้กลาถนนได้ไม่ถูกปรับนะครับเพราะจอดรถเกะกะกีดขวางทางจราจร  ก็เป็นผู้สร้างปัญหาให้รถอื่น  หากเขามาชนเข้า  เสียหายทั้งเราและเขา  ไม่น่ารักสักนิด

          บางครั้งบางคราว  ผมเห็นรถแค่ยางแตก  แต่รถเจ้าของรู้ตัวตอนอยู่เลนกลางถนนแล้ว  เลยจอดรถเปลี่ยนยางเสียตรงนั้นอย่างไม่กลัวอันตราย   เพระไม่อยากให้บดยางไปเข้าข้างถนน
 รถข้างหลังติดกันเป็นแพท่านก็ไม่สนใจ    ผมเคยบดยางที่แตกไปร่วมกิโลเมตร  ยอมเสียยางเพราะตอนนั้นรถในถนนรัชดาฯ  ตรงข้ามสถานทูตจีนแน่นมาก  เข้าเลนซ้ายก็ขวางทางรถเลี้ยวซ้ายเขา  ต้องขับกระโดกกระเดกไปจนกลับรถจอดชิดซ้ายอีกฝั่งหนึ่งซึ่งว่างกว่าได้  ระหว่างนั้นรถคันอื่น็มอง  และบางท่านชี้ไม่ชี้มือบอกว่ารถผมยางแตกแล้วนะ
           แต่จะจอดเปบี่ยนเลยนี่ทำไม่ลงครับ  เกรงใจคนใช้ถนนท่านอื่น ๆ ส่วนอย่างของท่านเครื่องยนต์ดับขึ้นมานั้น  รถก็วิ่งไม่ไ  หากยังมีกำลังเหลืออยู่ท่านพอจะเปิดสัญญาณไฟกะพริบสี่ทาง  แล้วรีบเอากระจกลงให้สัญญาณขอเข้าชิดซ้าย
          หากเห็นรถที่ทำอย่างนี้อยู่ข้างหน้า  ก็อยากขอให้ท่านยอมใหห้ทางเขา  เพื่อจะไม่มีกีดขวางทางจราจรโดยท่านมีส่วนร่วมเพราะความใจดำเถิดนะครับ

          เมื่อเข้าจอดบนไหล่ทางหรือชิดซ้ายได้แล้ว  ก็อย่าปิดไฟสัญญาณสี่ทางนั่นเสียก่อน  ให้คนอื่นทที่สัญจรอยู่บนถนนเห็นท่านไว้ดีกว่าการจอดบนถนนที่กว้างเช่นบนซูเปอร์ไฮเวย์  หรือริมถนนทที่รถใช้ความเร็วสูงนี่  ต้องระวังตัวเองไว้ให้มากด้วย  ออกจากรถควรใช้ประตูซ้ายมากกว่า  และไม่ควรให้ใครเที่ยวได้วนรอบรถถอย่างไม่ระวังตัว  รวมทั้งไม่ไปยืนหลังรถจนบังแสงสัญญาณไฟกะพริบ

          อีกอย่างหนึ่งนะครับ  ควรใช้เบรกมือแล้วเข้าเกียร์ว่างไว้มากกว่าเข้าเกียร์อื่น  เพราะในกรณีอยู่ดี ๆ มีรถวิ่งมาชนท้ายแรง  ๆ   รถของคุณจะเคลื่อนไปข้างหน้าได้หรือไม่ก็ตาม  แต่ฟันเฟืองเกียร์จะไม่ถูกกระทบกระเทือนจนเสียหาย

สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ  อาจจะต้องโยกคันเกียร์ไปที่  P  หรือการล็อก  ซึ่งหากถูกชนอย่างที่เรียนไว้ก็เสียหายไม่มาก  แค่สลักล็อกในห้องเกียร์   แต่ใจผมอยากให้เบรกมือแล้วใช้ตัว  N-Neutral  มากกว่าอยู่ดีนั่นแหละครับ

หากโชคดีถึงขนาดเกิดไฟไหม้ขึ้นกับรถของคุณ  คุณก็มีสิทธิตกอกตกใจได้ตามธรรมเนียม  ซึ่งผมเห็นว่าจำเป้น  แต่ขั้นแรกอย่าลืมนำรถ  เข้าจอดชิดขอบทางเอาคนโดยสารออกจากรถให้หมด  ให้ไปไกลจากรถจนเกินรัศมีการระเบิดจากถังเชื้อเพลิงด้วยเป็นดี  ทั้งที่จริง ๆ แล้วถังเชื้อเพลิงระเบิดยากอยู่สักหน่อย  แต่ผมเห็นในภาพยนตร์เขาระเบิดกันได้ระเบิดกันดี  รถชนกันก็ระเบิด  รถพลิกคว่ำถังน้ำมันก็ระเบิด  เลยกลัวตามไปด้วยเป็นธรรมดาน่ะครับ



ลืมนึกไปว่า  ในภาพยนตร์นั้นเขามักจัดฉากให้เกินจริงเอาไว้นิด  หน่อย  เช่นการนั่งคู่กันของคู่รักทที่ไปรับประทานอาหารด้วนกันก็ต้องนั่งหันหน้าเข้าหากล้อง   ไม่ได้ดูหน้ากันหรอกนั่นก็อย่างหนึ่ง

เมียเก่าคนหนึ่งก็เหมือนกัน  พอโกรธผมขึ้นมาจะต้องหันหน้าไปทางที่ไม่มีผม  แต่เปิดทางข้างหลังไว้ให้ผมเข้าไปพูด  ผมจะเข้าทางไหนเขาก็หันหน้าไปอีกทางแต่ไม่มีวันเป็นนฝาผนังได้  ผมขัดใจขึ้นมาก้บอกเขาว่าไม่ต้องหันไปทางไหนหรอก  กล้องไม่มี

เขาเลยไปแต่งงานกับคนชาติอื่นเสียรู้แล้วรู้รอดเขาไป     ทีนี้ก็ดึงสายเปิดฝาครอบเครื่องยนต์  แต่อย่าเปิดฝาขึ้นหากไม่เชื่อว่าคุณจะดับไฟได้รอนักเผชิญเพลิงเขามาจัดการดีกว่า

หากไฟลุกอยู่ในหม้อแรงมากพอคุณเปิดฝาครอบขึ้นไฟอาจจะพุ่งมาลวกเอาก็ได้นี่ครับ  ไม่จำเป็นก็อย่าเสี่ยง   ร้องเรียกให้ใครช่วยตามตำรวจดับเพลิงเถิดครับ

แต่ถ้าคุณมีน้ำยาดับเพลิง  ที่ผมอยากให้เลือกติดรถไว้ในขนาดกระป๋องงาม ๆ ไม่เล็กจนเกินไปจนน่ารัก  และเป็นเครื่องประดับมากกว่าใช้งาน   แล้วก็หาผ้ามาช่วยคลุมมือก่อนจะแง้มฝาครอบเครรื่องขึ้นนิดหน่อย  เอาน้ำยาดับเพลิงฉีดเข้าไปสลับกับการสังเกตอาการของไฟ  ให้แน่ใจเสียก่อนว่าจะไม่ถูกไฟลวกจึงค่อยเปิดฝาให้เต็มที่  แล้วจัดการดับไฟด้วยน้ำยาที่เหลือให้เรียบร้อย

ดับไฟเสร็จแล้ว  รีบถอดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อนเป็นสิ่งแรก  กันไม่ให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรเริ่มไฟใหม่ได้อีก

ก็หวังกันไว้นะครับ  ว่าจะไม่ต้องเจอกับเรื่องไฟไหม้รถ   ผมเองเคยเจอสามครั้ง  ครั้งแรกน้ำมันท่วมลงไปโดนท่อไอเสีย  ดับได้เองด้วยการเอาผ้าในรถโปะเข้าไป


ครั้งที่สองคลัตช์ของคอมเพรสเซอร์แอร์ไหม้  คราวนี้มีเครื่องดับเพลิง  และได้กลิ่นทันเวลาก็ดับได้

อีกครั้งไปเจอรถเฟียต  650  คันหนึ่ง  ไฟไหม้อยู่กลางถนน  ไม่มีใครช่ย  เผอิญผมมีเครื่องดับเพลิงติดรถอยู่  ก็กระโดดลงไปฉีดให้เขาจนดับ   แล้วก็นึกขึ้นได้เดี๋ยวนี้เองว่า  ผมยังไม่ได้เอาหม้อน้ำยาดับเพลิงของผมนั้นไปเติมน้ำยาเลย

ถ้าเครื่องยนต์ดับแต่ไม่มีปัญหาเรื่องไฟ  ก็จัดการจอดรถและให้สัญญาณ  แล้วมาดูกันว่ามันอะไรกันนักหนา    หากไม่ใช่เรื่องของความเสียหายที่หนักเกินกว่าขอบเขตของกลับให้ได้ไปถึงแล้วละก็  เรื่องที่เครื่องยนต์  ไม่ทำงานส่วนมากจะมีอยู่สามอย่างเท่านั้น

หนึ่งแบตเตอรี่  สองไม่มีไฟจุดระเบิดที่หัวเทียน  และสามน้ำมันไม่มา     การตรวจเช็กในสามจุดนี้  ผมจะเล่าให้ฟังอีกที  แต่ตอนนี้เรียนเตือนไว้ก่อนว่ากำลังไฟในแบตเตอรี่รถยนต์ทุกคันมีจำกัด  ถ้าคุณไม่หาสาเหตุของปัญหา  เอาแต่พยายามติดเครื่องด้วยการสตาร์ตอย่างเดียว 

ไม่นานไฟก็หมดหม้อแบตเตอรี่  ติดเครื่องไม่ได้อีก  ต้องยุ่งถึงการเข็นซึ่งถ้าไฟหมดหม้อจริงก็เข็นไม่ติด  และต้องเอาแบตเตอรี่ไปอัดไฟก่อนจะตรวจปัญหาอื่นเช่นการจุดระเบิดได้อีกด้วย

กับรถที่คุณคุ้นเคยและรู้จุดอ่อนอยู่แล้ว  คุณอาจจะลงความเห็นเป็นหนึ่งในสามข้อที่ผมว่าไว้  แล้วทำการตรวจเช็กที่เป็นระบบหน่อยละครับ

เพียงแต่ละว่า  ขั้นแรกคุณลองนึกสักนิดว่าก่อนเครื่องจะดับนั้น  มันมีอาการบอกเหตุเช่นไรบ้างหรือไม่

ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เลิกขับรถมาแซงคิวคนอื่นซักทีเถอะครับ #วิวาทะ #pantip #เรื่องเด่นโซเชียล #ประกันภัยรถยนต์

เลิกขับรถมาแซงคิวคนอื่นซักทีเถอะครับ #วิวาทะ #pantip #เรื่องเด่นโซเชียล #ประกันภัยรถยนต์
เลิกขับรถมาแซงคิวคนอื่นซักทีเถอะครับ #วิวาทะ #pantip #เรื่องเด่นโซเชียล #ประกันภัยรถยนต์

สวัสดีครับ ASN Broker ขอนำเรื่องเกี่ยวกับมารยาททางถนน มาให้เพื่อนได้เป็นกรณีศึกษากัน หลังจากกลายเป็นกระทู้แนะนำ และกระแสในโซเชี่ยลมากมาย
คือวันนี้ผมได้ขี่มอร์เตอร์ไซค์ออกจากหมู่บ้านไปซื้อส้มตำรถเข็นครับ ไปถึงก็มีคนงานร้านขายของเก่ามายืนรอคิวซื้อประมาณ 5 คน มีคนนึงจูงเด็กมาด้วยครับ แดดก็ร้อนพอสมควรครับ ทุกคนก็พอรู้ว่าใครมาก่อนก็ให้คนที่มาก่อนมีสิทธิสั่งก่อนครับ บางคนก็ช่วยแม่ค้าย่างไก่ย่าง แต่ไม่ได้ลัดคิวกัน บางคนก็ยืนรอส้มตำ ทุกอย่างดูเป็นไปตามวิถีที่มันควรจะเป็น

  แต่จู่ๆก็มีรถยนต์คนเล็กๆมาจอดเทียบรถส้มตำครับ อธิบายคือถนนมี 2 เลน มีไหล่ทาง ข้างทางคือทุ่งนา มีต้นไม้ใหญ่ครับ รถส้มตำเลยไปจอดใต้ร่มไม้ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่งหรอกครับ เพราะเวลานี้คนไปทำงานกันหมดแล้ว รถยนต์คันนั้นจอดขวางไป 1 เลนครับ. แล้วเปิดกระจกลงมา บทสนทนาเลยเกิดขึ้น

คนขับรถ : เอาข้าวเหนียว6 ไก่4 ตำปลาร้า 2 เผ็ดๆหน่อย
คนขาย : แปปนึงนะพี่
คนขับรถ : เร็วๆเดี๋ยวรถติด ทำให้พี่ก่อน

ทุกคนที่ต่อคิว มองเข้าไปในรถ

คนขาย : แปปนึงๆ
คนขับรถมองผมแล้วพูดว่า :น้องหยิบข้าวเหนียวให้พี่ก่อน
ผม : ไม่ครับ พี่มาต่อคิวครับ


ภาพประกอบ Google ค้นหา traffic thai
คนขับรถทำหน้าฉุนเฉียว แล้วขับรถไปจอดข้างหน้ารถส้มตำ ก่อนจะลงมา

คนขับรถ: เร็วๆหน่อย คนงานมันหิว มันจะได้ทำงานต่อ
คนขาย : ค่ะ แปปนึงนะพี่ เดี๋ยวหนูปิ้งไก่ให้เค้าแปป

คนขับรถก็ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ ที่ต้องรอ
ส่วนผมพอได้ของเสร็จก็ขี่รถกลับบ้าน กินข้าวเสร็จแล้วก็มานั่งตั้งกระทู้นี่แหละครับ

คืออยากจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะมาเครื่องบินหรือยานอวกาศ คุณก็ควรลงมาจากรถ เพื่อรอคิวซื้อของครับ ไม่ใช่ใช้อภิสิทธิเหนือใคร ผมไม่ได้ว่าคนขับรถทุกคนนะครับ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่กมลสันดารของแต่ละบุคคลครับ แต่ผมก็เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เยอะครับ เช่น จอดรถซื้อผลไม้ข้างรถเข็น ซื้อลูกชิ้น หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อที่จะไม่ต้องร้อน ไม่ต้องลงจากรถ แต่สิ่งที่คุณทำมันทำให้คนอื่นที่มาก่อน ต้องมารอ มาร้อน เขาเหล่านั้นหิวไม่เป็น ร้อนไม่เป็นหรือไงครับ และแม่ค้าหลายท่านก็จำเป็นต้องลัดคิวให้ก่อน เพื่อไม่ให้การจาราจรติดขัด
ปล.ปรกติผมก็ขับรถยนต์ไปซื้อนะครับ แต่ก็ลงไปเลือกไก่ ไปยืนสั่งและรอส้มตำทุกครับ พ่อแม่สอนตลอดครับ ใจเขาใจเรา ขอบคุณครับ

***** ขอชี้แจงนะครับ ไม่ได้ว่าคนขับรถยนต์ทุกคนนะครับ เพราะผมเองก็ขับรถยนต์ แต่เหตุการ์ณที่เกิดขึ้น เพราะคนทำมีสันดารไม่ดีเหล่านี้ ไม่อยากร้อน ไม่อยากรอคิว ไม่อยากดับเครื่อง หรือจอดรถแล้วต้องเดินมา เอาตัวเองสบายครับ โดยไม่แคร์คนอื่น ถ้าหากท่านใดเข้าใจผิดหรือไม่พอใจ ผมขออภัยด้วยครับ *****

***** ขอแก้ไขชื่อกระทู้เพื่อไม่ให้เป็นการชี้เฉพาะเจาะจงนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกหรือพาดพิง ชื่อกระทู้เดิมคือ" เลิกแซงคิวคนอื่นโดยรถยนต์ซักทีเถอะครับ" ขอไม่ลบข้อความใดๆทิ้งนะครับ แต่ขอชี้แจงแทนครับ *****

ที่มา https://www.asnbroker.co.th