10 เรื่องน่ารู้... ก่อนซื้อรถใหม่ : ASN Broker ประกันภัยรถยนต์
รถยนต์เป็นสิ่งที่เกือบทุกคนอยากจะมีไว้ใช้ แต่ทว่าราคาของมันไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อได้ บางคนเก็บเงินหลายปีกว่าจะซื้อได้ ดังนั้น เราควรจะต้องมีความรู้เรื่องนี้พอสมควร ไม่ควรรีบร้อน ซึ่งการจะซื้อรถยนต์ป้ายแดงครั้งแรก บางครั้งมันก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ อาจจะมีอุปสรรคต่างๆ หรือคิดไม่ออกว่าจะซื้อแบบไหนดีวันนี้ทางเว็บไซต์ ASN Broker ประกันภัยรถยนต์ จึงมีความรู้เด็ดๆ มาฝากคนรักรถเกี่ยวกับเรื่อง 10 เรื่องน่ารู้... ก่อนซื้อรถใหม่ (ตอน 1) หลังจากที่ได้แนะนำความรู้เกี่ยวกับ เรื่องควรรู้กับ... การขับรถยามค่ำคืนไปใน 2 ตอนที่แล้ว1. การเลือกรถการจะเลือกซื้อรถ ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้น หรือถามผู้รู้ และความต้องการของเรา ว่าเราชอบอะไร และต้องการใช้งานในลักษณะอย่างไร
- ยี่ห้อรถยนต์ นั้นสามารถเข้าเวบของยี่ห้อนั้นดูข้อมูล เรื่องการให้บริการ ศูนย์บริการ ข่าวไม่ดีต่างๆ รุ่นรถที่เราชอบ รวมถึง option ต่างๆ ของแต่ละรุ่น ที่จำเป็นในการใช้งานได้
- สีรถ อาจจะเลือกตามสีที่ชอบ หรือตามดวง ตามความเชื่อ
- ราคารถยนต์ ควรประเมินตัวเองว่า สามารถจ่ายได้ขนาดไหน เมื่อซื้อรถจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือไม่ อย่าฟังคนอื่นมาก ให้ฟังหูไว้หู เพราะเวลาเรามีปัญญาเรื่องการเงินคงไม่มีใครมาช่วยจ่าย
2. การเลือกศูนย์บริการ (Service Center)การเลือกศูนย์บริการที่เข้าไปซื้อรถ ควรเลือกศูนย์ที่ไว้ใจได้ เพราะเราต้องอยู่กับศูนย์นั้นอีกหลายปีทีเดียว เพราะหากเลือกผิดแล้ว อาจจะช้ำใจไปอีกนาน และจะทำให้เมื่อต้องการทำอะไรเกี่ยวกับรถก็ลำบากไปหมด ซึ่งเราจะรู้ได้ยังไง ให้พิจารณาตามนี้ดูครับเป็นตัวแทนจากยี่ห้อรถยนต์ที่เราต้องการจะซื้อ และให้ตรวจสอบประวัติของศูนย์ โดยอาจถามข้อมูลจากคนรอบข้างที่เคยไปใช้บริการ หรือข่าวลือต่างๆ โดยบางศูนย์เห็นเราเข้าไปเหมือนพระเจ้า บางศูนย์เห็นเราเข้าไปเหมือนขอทาน บางศูนย์เจ้าของเป็นผู้มีอิทธิพล (เวลาเรามีปัญหาหลังจากซื้อรถไป เซลแมนจะเอามาขู่เราด้วย)ซึ่งการเลือกศูนย์ให้เลือกที่มีประวัติดี มีคนชมมากกว่าคนด่า ต่อให้ตั้งศูนย์ใหม่แต่เจ้าของคนเดิม ทีมงานเดิม การบริการก็ยังห่วยเหมือนเดิมครับ นอกจากนี้ อาจเลือกศูนย์บริการใกล้บ้าน สะดวกต่อการติดต่อ และประหยัดน้ำมัน3. การเลือกเซลแมนขั้นตอนนี้สำคัญมากกว่าการเลือกศูนย์บริการอีกนะครับ เพราะหากเจอเซลที่ดี เซลจะเป็นเหมือนที่ปรึกษาเรื่องรถที่ดีสำหรับคุณที่เดียว และคุณจะได้รถตามที่คุณหวัง แต่หากเจอเซลแย่คุณจะโดนโกงสารพัดวิธีเซลแมน คือผู้ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องรถ ทำสัญญา เตรียมรถให้เรา แต่ที่สำคัญที่สุด เค้าจะต้องขายรถให้เราเพื่อทำกำไรให้ทางบริษัท และค่าคอมมิสชัน กำไรจากส่วนอื่นๆ ที่เราพลาดเผลอไปยอมรับโดยไม่ระวัง ซึ่งสำคัญกว่าบริการเราซะอีกแล้วเราจะเลือกยังไง?
- ถ้าได้เซลที่เป็นญาติพี่น้องที่ดี จะดีมากเค้าคงเลือกสิ่งดีๆให้พี่น้องกันโดยไม่หวังผลกำไรมากอยู่แล้ว
- เพื่อนพี่น้อง แนะนำเซลให้ แสดงว่าคนคนนั้นเคยใช้บริการมาแล้ว เซลคงรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีทุกคน
- ใช้น้ำเสียงการให้บริการฟังแล้วรู้สึกสบายใจ แต่หากฟังแล้วไม่สบายใจก็เปลี่ยนคนเถอะ
- ขั้นตอนการอธิบายรถ อธิบายแล้วเราเข้าใจ ถามอะไรสามารถตอบได้
- อย่าเลือกเพียงเพราะหน้าตา หรือเพราะพูดเพราะ
4. ของแถมของแถมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องดูว่าเราได้อะไรบ้าง แม้ว่าในส่วนนี้อาจจะไม่ใช่ส่วนที่สำคัญมาก ซึ่งของที่แถมมาส่วนใหญ่จะมีดังต่อไปนี้
- น้ำมันเต็มถัง
- ส่วนลดเงินสด
- เบาะหนัง
- ฟิล์มกรองแสงรอบคัน ยี้ห้ออะไร ประกันกี่ปี ติดรุ่นไหนได้บ้าง ราคาที่ติดได้เท่าไร ติดที่ไหน
- เคลือบสี+กันสนิม ทำฟรีทุกครั้ง หรือเสียตังค์แต่ละครั้งเท่าไร
- ประกันภัยชั้น 1 ฟรีหรือเปล่า
- Sensor ถอยหลัง 2 หรือ 4 จุด ไม่ได้ติดจากโรงงาน ต้องถามว่าซื้อของอะไร ติดตั้งที่ไหน รับประกันกี่ปี ซ่อมที่ไหน
- อุปกรณ์แต่งรถ เช่น สปอร์ยเลอร์ กระจังหน้า คิ้วกันสาด สเกิร์ตรอบคัน คิ้วบันไดสแตนเลส ต้องถามว่าซื้อของอะไร ของศูนย์ ของร้าน หรือของแท้ ติดตั้งที่ไหน ส่วนใหญ่เค้าจะแถมของที่ซื้อจากร้าน
- ของอื่นๆ เช่น ผ้าคลุมรถ หมอนผ้าห่ม พรมปูพื้น สายรองเบลท์ อุปกรณ์ฉุกเฉิน ผ้ายางปูพื้น ถาดหลังกันเปื้อน น้ำหอม ชุดทำความสะอาด ที่ล๊อคพวกมาลัย หมอนผ้าห่ม ม่านบังแดด ฯลฯ
5. ประกันภัยประกันภัยเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องถาม ไม่ว่าจะแถมให้ฟรี หรือเราเสียตังค์เอง เราควรจะถามข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับประกันจากเซล หากเซลตอบไม่ได้ หรือเราไม่เข้าใจ ก็อย่าเพิ่งจอง โดยให้ดูที่
- เป็นของบริษัทอะไร น่าเชื่อถือหรือเปล่า
- บริษัทประกันนั้นมีข่าวไม่ดีจากลูกค้าหรือเปล่า เช่น บริการไม่ดี บริการช้า
- ซ่อมศูนย์ หรือซ๋อมอู่ ถึงจะเป็นประกันชั้น 1 แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถซ่อมได้ทุกที่ เพราะราคาการซ่อมที่ประกันสามารถจ่ายได้บางศูนย์หรือบางอู่ก็รับไม่ได้ อย่างกรณี มีศูนย์ยี่ห้อ A 2 ที่แถวบ้าน แต่ที่หนึ่งรับเคลมไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่อีกที่เมื่อไปเคลมจะมีส่วนต่างที่เราต้องจ่ายเพิ่มเอง แต่ศูนย์ที่รับเคลมที่ไม่มีส่วนต่างรอคิวซ่อมนานเป็นเดือนๆ เราต้องรู้ก่อนเพื่อไม่เสียความรู้สึกภายหลัง
- ข้อควรรู้สำหรับมือใหม่ หากรถเราเสียหายโดยไม่มีคู่กรณีเราต้องจ่ายประกันเริ่มต้น 1000 บาท แต่หากมีคู่กรณี คู่กรณีจ่ายครับซ่อมฟรี แต่เสียเวลา
6. การทำสินเชื่อหากไม่ได้ซื้อเงินสด ควรถามเรื่องนี้กับเซลด้วย เพราะเราต้องทำ สัญญาเช่าซื้อกับธนาคารนั้น ซึ่งสิ่งที่เราควรรู้คือ
- บริษัทหรือธนาคารอะไร ที่เราจะทำสินเชื่อด้วย
- มีการคิดอัตราดอกเบี้ยเท่าไร
- จำเป็นต้องมีประกันวงเงินสินเชื่อหรือเปล่า
- คำนวณค่าใช้จ่ายวันรับรถ เช่น ค่ารถยนต์รุ่นที่เราจอง ค่าจดทะเบียน ค่ามัดจำป้ายแดง ค่าประกันภัยชั้น 1 พ.ร.บ. ค่าตกแต่ง และค่าประกันภัยวงเงินสินเชื่อ
7. การจองรถยนต์ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่เราเริ่มที่จะเสียเงินแล้ว หากเราพอใจกับตัวรถยนต์รุ่นที่เราต้องการ บวกกับของแถมที่เซลจะจัดให้ รวมถึงลักษณะนิสัย คำอธิบายของเซลล์ และเรื่องประกันแล้ว เราก็จองรถได้เลย แต่หากยังรู้สึกลังแล ก็อย่าเพิ่งจอง ให้ลองคิดทบทวนส่วนบางคนอาจจะมีคำถามว่าทำไมต้องจอง เนื่องจากรถนั้น มีราคาแพง หากไม่มีการ Order โรงงานก็จะไม่ผลิตรถมาขาย ดังนั้นเมื่อเราจองรถ เซลล์จะเก็บหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อไปใช้ประกอบการส่งข้อมูลให้โรงงานผลิตรถยนต์ รถที่ผลิตออกมาคันนั้นจะผลิตตามรุ่น และสี ตามที่เราจองไปทุกประการ หากทำมาแล้วไม่ตรง เรามีสิทธิที่จะไม่เอา และขอค่าจองคืนได้ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- อย่าลืมขอใบเสร็จหรือสัญญาการจอง
- สัญญาการจองต้องระบุรุ่น และสีของรถที่เราต้องการให้ถูกต้อง
- สัญญาการจองต้องเขียนของแถมทุกอย่างให้ครบ อย่าเชื่อการบอกปากเปล่า
- ถามเลยว่ารถจะมาเมื่อไร และจะติดต่อกลับเราวันไหน ระบุให้ชัดเจนในสัญญาเลยครับ
- หากเราละเอียดมากๆ แล้วถ้าเซลงอแง หรือแกล้งลืมๆ ไม่จด เราก็บอกไปเลยครับว่ายังไม่จอง อย่ารีบร้อนนะ เพราะรถไม่ใช่ถูกๆ
- หลังจากจองเสร็จก็รอ หากเซลล์โทรมาเปลี่ยนแปลงเรื่องของแถมก็แล้วแต่เราว่ารับได้ไหม รับไม่ได้ก็ขอเงินจองคืนครับ
8. การตรวจรับรถป้ายแดงแล้วก็ถึงเวลาที่รถเรามาถึง บางที่หากเราติดฟิล์ม หรือไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เซลล์จะโทรให้ไปรับรถเลย แต่หากเรามีการตกแต่งที่ไม่ได้ทำมาจากโรงงาน เซลล์จะให้ไปดูรถ และตรวจรถที่มาจากโรงงาน โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ควรพาผู้เชียวชาญเรื่องรถยนต์ สี และพวกจับผิดเรื่องรถยนต์เก่งๆ ไปด้วย ถ้าเราเป็นมือใหม่
- ขอดูเอกสารที่รถลงถึงอู่ ว่าวันที่เท่าไร ช่างตรวจรับหรือยัง เค้าจะเรียกว่าใบ Warranty Bosket หากไม่มี ค่อยมาตรวจใหม่วันหลัง
- จดหมายเลขเครื่องเอาไว้ ว่ารถคันนี้เราเช็คแล้ว
- ตรวจดูความเรียบร้อยอื่นๆ
- การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ขอดูใบติดตั้ง ใบรับประกันเขียนถูกต้องเหรือเปล่า มีฟองอากาศหรือเปล่า
- สปอร์ยเลอร์ กระจังหน้า คิ้วกันสาด สเกิร์ตรอบคัน คิ้วบันไดสแตนเลส ติดตั้งเรียบร้อยหรือไม่ น็อตที่ใช้เป็นแบบไหน กันสนิมหรือเปล่า ขอบยางหารติดดีหรือไม่ ใช้ซิลิโคนอะไร มีรอยหรือเปล่า สีเข้ากับสีรถหรือไม่
- Sensor ถอยหลัง ทดสอบว่าวัดการถอยหลังยังไง
- เบาะหนัง สีตรงตามที่เราต้องการหรือไม่ ตะเข็บ ติดเรียบเนียนดีหรือเปล่า
9. ทำสัญญาซื้อขาย หรือสัญญารับรถตราบใดที่เรายังไม่เซ็นรับรถ เราก็เหมือนพระเจ้า แต่เมื่อไรก็ตามเราเซ็นรับรถแล้วและเราเอารถออกจากศูนย์ ก็เป็นอีกเรื่องทันที โดยเราควรตรวจสอบอีกครั้งก่อนรับรถโดยดูส่วนต่างๆ ดังต่อไปนี้
- รถสวยงามอย่างที่เราต้องการ หรือไม่ ใช่รุ่นที่เราต้องการหรือเปล่า ไม่ใช่มาจากโรงงานอีกรุ่น มาแต่งเป็นอีกรุ่นที่เราต้องการ
- ตรวจตามข้อ 8 อีกรอบ เอาหมายเลขเครื่องมาดูเลยครับว่าหมายเลขเดียวกับที่เราตรวจมาแล้วหรือเปล่า
- ตรวจดูการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งเสริมตามข้อ 8
- เช็คน้ำมันเต็มถังหรือเปล่า
- เอกสารต่างๆ เช่น ประกัน พ.ร.บ. หรือใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง และสมุดคู่มือป้ายแดง
- ตรวจสอบป้ายแดงว่าเป็นของแท้หรือเปล่า โดยของแท้ต้องมีตรา ขส....
- เอกสารเซ็นต์เตรียมจดทะเบียน จะได้ป้ายขาวเมื่อไร เลือกเลขทะเบียนได้หรือไม่ หรือต้องติดต่อกับขนส่งเอง
10. รับรถยนต์ถ้าครบทุกอย่าง ตามที่กล่าวมาแล้ว ก็รับรถไปได้เลยครับขอบคุณที่มา:http://www.3mautofilmclub.comเรียบเรียงข้อมูลโดย Asn Brokerเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blogขอฝากกิจกรรม ไว้ด้วยนะครับ เช็คเบี้ยฟรีวันนี้รับฟรี Voucher ส่วนลดคาร์แคร์ดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ Asn Broker?Campaign
วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557
10 เรื่องน่ารู้... ก่อนซื้อรถใหม่ : ASN Broker ประกันภัยรถยนต์
ป้ายกำกับ:
เคลมประกัน,
ต่อประกันรถยนต์,
บริษัทประกันภัยรถยนต์,
เบี้ยประกันภัยรถยนต์,
ประกันชั้น1,
ประกันชั้น2,
ประกันชั้น2พลัส,
ประกันชั้น3,
ประกันชั้น3พลัส,
ประกันภัย ชั้น1,
ประกันภัย ชั้น1 ราคา,
ประกันภัยรถยนต์,
ประกันรถกระบะ,
ประกันรถเก๋ง,
ประกันรถยนต์,
ประกันรถยนต์ชั้น1,
โปรโมชั่น รถยนต์,
พรบ.รถยนต์,
พ ร บ รถยนต์,
ราคา ประกัน ชั้น1
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น