วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิกฤติภัยแล้ง! ขยายวงจ่อกรุง ประปาปทุมฯหยุดผลิต

วิกฤติภัยแล้ง! ขยายวงจ่อกรุง ประปาปทุมฯหยุดผลิต
วิกฤติภัยแล้ง! ขยายวงจ่อกรุง ประปาปทุมฯหยุดผลิต

ภัยแล้งขยายวงกว้างพืชไร่ของเกษตรกรหลายจังหวัดในภาคเหนือแห้งเหี่ยวเฉาตาย เพราะขาดน้ำเสียหายหนัก ชาวบ้าน อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ทนไม่ไหวต้องพึ่งพิธีกรรมโบราณ “แห่นางแมว” ขอฝน ขณะที่ถนนเลียบคลอง 13 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกิดทรุดตัวลงอีกเป็นทางยาว 100 เมตร เขื่อนปูนกั้นน้ำพังเสียหาย สถานีผลิตน้ำประปาขาดแคลนน้ำดิบต้องหยุดผลิตน้ำประปาแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ อ.ธัญบุรี อ.หนองเสือ และ อ.ลำลูกกา ขณะที่ผู้ว่าฯเตรียมประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
สถานการณ์ภัยแล้งฝนทิ้งช่วงยังสร้างปัญหาแก่เกษตรกรได้รับผลกระทบพืชไร่ขาดน้ำเสียหายหนักขยายวงกว้าง โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ จ.สุโขทัย พื้นที่การเกษตรใน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.บ้านด่านลานหอย ประสบภัยแล้งขาดน้ำพืชไร่เสียหายประมาณ 46,258 ไร่ โดยเฉพาะ อ.สวรรคโลก ใน ต.ท่าทอง ต.คลองกระจง และ ต.เมืองบางยม ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพทำสวนกล้วย ต้นกล้วยขาดน้ำยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายเฉวียง ปั้นแหนง อายุ 61 ปีอยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 6 ต.ท่าทอง อาชีพทำสวนกล้วยและทำกล้วยฉาบส่งขาย กล่าวว่าได้ปลูกกล้วยหักมุกและกล้วยหอมทองจำนวน 30 ไร่ ต้นกล้วยเริ่มแห้งเหี่ยวและไม่ออกเครือเนื่องจากขาดน้ำและยืนต้นตาย ปกติจะตัดกล้วยทำกล้วยฉาบส่งขายเฉลี่ยวันละ 8 เครือ ขณะนี้ตัดกล้วยทำกล้วยฉาบได้แค่วันละ 1-2 เครือเท่านั้น หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายคงจะต้องโค่นต้นกล้วยทั้งหมดทิ้งอย่างแน่นอน
ที่บ้านหนองแดน หมู่ 2 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร นายนิด ดีประชา สมาชิก อบต.โกสัมพี ร่วมกับชาวบ้านทำพิธีแห่นางแมวขอฝน ตามความเชื่อของชาวบ้านที่ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ หลังเกิดฝนทิ้งช่วงทำให้พืชผลการเกษตรเสียหายอย่างหนัก นางแรม พิลึก อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 2 ต.โกสัมพี กล่าวว่า ปีนี้ประสบปัญหาแล้งหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา และรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี มันสำปะหลังที่ปลูกไว้ขาดน้ำได้แห้งตายไปแล้ว 3 รอบ ทำให้สูญเสียเงินลงทุนไปจำนวนมาก จึงชักชวนชาวบ้านมาทำพิธีแห่นางแมวแบบโบราณเพื่อขอฝนแต่ไม่แน่ใจว่าจะการทำพิธีจะได้ผลและมีฝนตกลงมาหรือไม่
ที่ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานว่า สถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังคงวิกฤติ ขณะนี้ไม่มีฝนตกลงมาเติมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้เพิ่มขึ้น ทำให้เหลือน้ำกักเก็บเพียง 3,965 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 29 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง สามารถระบายเพื่อการอุปโภคบริโภค และระบบนิเวศจำนวน 165 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ และหากยังคงระบาย น้ำวันละ 8 ล้าน ลบ.ม. โดยไม่มีปริมาณน้ำเพิ่มเติม จะเหลือน้ำระบายได้อีกเพียง 20 วันเท่านั้น
ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำกักเก็บเหลือเพียง 3,190 ล้าน ลบ.ม. หรือ 34 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง เนื่องจากมีการระบายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และระบบนิเวศจำนวน 17.10 ล้าน ลบ.ม.มีน้ำใช้การได้ 340 ลบ.ม.หรือประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีน้ำไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำลดลงจาก 700,000 ลบ.ม. เหลือเพียง 530,000 ลบ.ม. ทำให้ปริมาณน้ำยังคงเหลือเพียง 46 ล้าน ลบ.ม.หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง มีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และระบบนิเวศจำนวน 43 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีปริมาณน้ำเพิ่มเติม จะเหลือน้ำระบายได้อีกเพียง 33 วัน ส่วนเขื่อนแควน้อย–บำรุงแดน จ.พิษณุโลก วิกฤติต่อเนื่องยังไม่มีน้ำไหลเข้า แต่มีการระบายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และระบบนิเวศ วันละ 1.73 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เหลือน้ำในอ่างเก็บน้ำ 101 ล้าน ลบ.ม. หรือ 11 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง มีน้ำใช้การได้ 58 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์
ที่บริเวณหน้าด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จ.สระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม.นำน้ำดื่มกว่า 20 ขวดไปแจกจ่ายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 20 คน ที่เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในสภาพอ่อนแรงหน้ามืดเนื่องจากร่างกายขาดน้ำ สอบถามทราบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเดินทางมาจากนครวัด นครธม จ.เสียมราฐ ของกัมพูชา โดยนั่งรถยนต์โดยสารกัมพูชามาลงที่ตลาดปอยเปต จากนั้นเดินเท้ามาที่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ระยะทาง 3 กม. ทำให้ร่างกายขาดน้ำเนื่องจากอากาศร้อนจัด และหาซื้อน้ำดื่มในตลาดปอยเปตไม่ได้ เนื่องจากน้ำดื่มขาดแคลนและพ่อค้าชาวเขมรขูดรีดขายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติราคาขวดละ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ยอมซื้อกิน ขณะเดียวกัน พ่อค้าชาวเขมรยังทยอยซื้อน้ำดื่มจากตลาดโรงเกลือไปขายเนื่องจากในฝั่งกัมพูชาประสบภัยแล้งและกำลังขาดแคลนน้ำดื่มจึงสั่งน้ำดื่มจากฝั่งไทยไปกักตุนไว้ขาย
ที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนเลียบคลอง 13 หมู่ 4 ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกิดทรุดตัวลงอีกเป็นทางยาวประมาณ 100 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร ทำให้เขื่อนปูนกั้นน้ำทรุดเอียงได้รับความเสียหายไปด้วย เจ้าหน้าที่ อบต.หนองสามวัง ได้นำป้ายเตือนมาติดตั้งไว้ และปิดถนนบริเวณดังกล่าวทั้ง 2 เลน ส่วนที่สถานีผลิตน้ำประปา สาขาธัญบุรี คลอง 13 อ.หนองเสือ วันเดียวกันได้หยุดสูบน้ำจากคลอง 13 เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลงไปมาก ทำให้ไม่มีน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการหาแหล่งน้ำดิบเพื่อส่งป้อนให้สถานีผลิตน้ำประปาแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 14 เขต อ.ธัญบุรี อ.หนองเสือ และ อ.ลำลูกกา ประมาณ 59,000 หลังคาเรือน
ด้านนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานี โพสต์เฟซบุ๊กประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่คลอง 4 ถึงคลอง 14 เขต อ.ธัญบุรีและ อ.หนองเสือ 2 ตำบลคือบึงบอน กับบึงบา และ อ.ลำลูกกาทั้งอำเภอ และเตรียมประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง หลังรับแจ้งจากผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาธัญบุรี คลอง 13 ว่าไม่มีน้ำดิบมาใช้ผลิตน้ำประปา และเร่งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเตรียมรถน้ำไปขนน้ำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบพบบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตั้งแต่คลอง 5, 6, 7, 8 ย่าน ม.ราชมงคลธัญบุรี คลองหก ตามหมู่บ้านและหอพักน้ำประปาเริ่มไหลช้า และบางจุดน้ำประปาไม่ไหลแล้ว ประชาชนที่ทราบข่าวการหยุดผลิตน้ำประปาต่างพากันนำภาชนะมารองน้ำเพื่อเก็บสำรองไว้ใช้กันแล้ว
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้ตอนบนของประเทศบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีฝนลดลง จากนั้นในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้นเนื่องจากอิทธิพลร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคตะวันออก ยังคงมีฝนในระยะนี้ ส่วนมากบริเวณ จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกจนถึงวันที่ 17 ก.ค.
ส่วนพายุไต้ฝุ่น “จันหอม” บริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศจีน และพายุไต้ฝุ่น “นังกา” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
ด้านนางนุชนาฎ เอี้ยวสกุล ผจก.ประปาส่วนภูมิภาค สาขาธัญบุรี กล่าวว่า ขณะนี้การประปาได้หยุดจ่ายน้ำให้กับประชาชนแล้วเนื่องจากมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ และทางชลประทานได้นำเครื่องจักรกลหนักและเรือโป๊ะแบ็กโฮมาขุดร่องขยายเส้นทางน้ำ พร้อมเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ทำคันดินขวางทางกั้นน้ำเพื่อจับปลา และได้รื้อคันดินต่างๆที่ขวางทางน้ำออกหมดแล้ว คาดว่าจะมีน้ำดิบไหลมาเพิ่มขึ้นในปริมาณที่เพียงพอ
ล่าสุดนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา เดินทางมายังสถานีสูบน้ำการประปาธัญบุรี พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะบริหารจัดการน้ำให้มาถึงสถานีนี้ได้อย่างเร็วที่สุดช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันเดียวกันหรืออย่างช้าสุดภายในเวลา 6 โมงเช้าของวันที่ 13 ก.ค. ทั้งนี้ขอความร่วมมือกับประชาชนต้นน้ำให้หยุดสูบน้ำเพื่อให้น้ำผ่านมาและสามารถสูบขึ้นมาผลิตน้ำประปาได้
ขณะที่นางธิตินันท์ เจริญอาจ ปลัดเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ ได้ร่วมกับทหารสังกัด ม.พัน.2 รอ.นำรถบรรทุกขนลำเลียงน้ำสะอาดมาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ที่หมู่บ้านนริศรา หมู่บ้านกรีน และหมู่บ้านนฤมล ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี โดยประชาชนได้นำภาชนะต่างๆทั้งถังน้ำ หม้อ กะละมัง มาใส่น้ำกันเป็นที่โกลาหล
ที่มา https://www.thairath.co.th/content/511208

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น