วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หวย กติกาใหม่ 9 เรื่อง สลากกินแบ่งฯ ที่คุณควรรู้! ก่อนจะตรวจรางวัลผิด

หวย กติกาใหม่ 9 เรื่อง สลากกินแบ่งฯ ที่คุณควรรู้! ก่อนจะตรวจรางวัลผิด
หวย กติกาใหม่ 9 เรื่อง สลากกินแบ่งฯ ที่คุณควรรู้! ก่อนจะตรวจรางวัลผิด

อัพเดตกันหน่อยไหม สำหรับเรื่องใหม่ๆ ของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งการออกรางวัล เงินรางวัลที่เพิ่ม และรางวัลใหญ่ที่ถูกยกเลิก ซึ่งจะมีผลเริ่มต้นวันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นงวดแรก ไทยรัฐออนไลน์รวมเรื่องราว 9 ข้อที่คุณไม่เคยรู้มาเอาใจคอหวย ให้รู้และตื่นเต้นกัน...

  1. รู้หรือไม่ว่า วันที่ 1 สิงหาคม 2558 นี้ สำนักงานสลากกินแบ่งตัดริบบินใหม่ด้วยการเพิ่มการออกรางวัลเลข 3 ตัวหน้า จากปัจจุบันมีการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวจำนวน 4 ครั้งมาเนิ่นนาน เปลี่ยนเป็นการออกรางวัลเลข 3 ตัวหน้าจำนวน 2 รางวัล และรางวัล 3 ตัวท้าย 2 รางวัล แน่นอนว่าไอเดียแหวกๆ แบบนี้เป็นของคนพบดาวพลูโตไม่ได้แน่นอน นอกจากเป็นไอเดียบรรเจิดของนายกฯ ตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าเพื่อแก้ปัญหาของผู้ค้าที่ไม่สามารถจำหน่ายสลากที่มีตัวเลขไม่สวยที่มักจะขายไม่ออกนั่นเอง
  2. อ้อ…รางวัลเลข 3 ตัวหน้า ประเดิมงวด 1 กันยายน 58 นี้เลย ถ้าถูกรับไปเลย 2,000 บาท 
  3. เรื่องนี้ก็สำคัญมากๆ สำหรับคนที่ใจจดจ่อกับหวยงวดนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกประกาศแจ้งโต่ๆ ให้ทราบทั่วกันว่าหวยในงวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2558 นี้ เลื่อนเวลาในการออกรางวัลเร็วขึ้น จากเดิม 14.30-16.00 น. เป็นเวลา 11.30-13.00 น. 
เรื่องที่คุณไม่ควร
  4. ส่วนช่องทางการรับชมก็เช่นเคยกับช่องที่ท่านล็อกเอาไว้ฟังหวยได้ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 นั่นแหละ เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และทางสถานีโทรทัศน์ข่าวสปริงนิวส์ ในเวลา 11.30 น. รวมทั้งสามารถรับฟังการถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เวลา 11.30 น. เป็นต้นไป ย้ำเฉพาะงวดวันที่ 16 ส.ค.นี้นะจ๊ะ
  5. อันนี้ก็เรื่องใหม่เรื่องใหญ่ที่คอหวยควรฟัง กองสลากกินแบ่งรัฐบาลได้จัดรางวัลลอตเตอรี่ใหม่ โดยเพิ่มรางวัลที่ 1 จาก 2 ล้านบาท เพิ่มอีก 1 ล้าน เป็น 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ประชาชนที่ถูกรางวัลที่ 1 นั้นจะได้รับเงินฉบับละ 3 ล้านบาท หรือคิดเป็นใบ (เท่ากับหนึ่งคู่) ละ 6 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งจำนวนนี้เท่ากับรางวัลที่ 1 ของสลากฯ การกุศล โดยเหตุผลที่ออกแบบให้เป็นแบบนี้เพราะว่าจะทำให้ประชาชนมีสัดส่วนถูกรางวัลที่ 1 เพิ่มขึ้น ใช่วันนี้วันหน้าอาจจะเป็นเราก็ได้นั่นเอง
  6. ยัง ยัง อย่าเพิ่งดีใจ เมื่อมีการเพิ่มเงินรางวัลที่ 1 ไปแล้ว แต่กองสลากฯ ก็ได้ประกาศยกเลิกรางวัลพิเศษ หรือเรียกว่ารางวัลแจ็กพอตไปด้วย โดยเริ่มตั้งแต่งวด 1 ส.ค. 2558 เป็นต้นไป
80 บาทขาดตัว
  7. แล้วรางวัลแจ็กพอตที่ยกเลิกไปคุณรู้หรือไม่ว่ามีมูลค่าเท่าไร ดีดแอพเครื่องคิดเลขก็รวมๆ ได้ 52 ล้านบาทต่องวด ทั้งนี้แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ ชุดที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาทต่องวด และรางวัลพิเศษ ชุดที่ 2 มูลค่า 22 ล้านบาทต่องวดเลยทีเดียว
  8. ถามว่าทำไมยกเลิกรางวัลแจ็กพอต? นั่นซิ ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บอกการตัดสินใจยกเลิกรางวัลที่ 1 แจ็กพอต ที่มีมูลค่ารวม 52 ล้านบาทต่องวดของคณะกรรมการสลากฯ ว่า ถือเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงรางวัลแจ็กพอต ที่จะช่วยหยุดการรวมชุดสลากฯ เพื่อสร้างมูลค่า สลากฯ ให้มีราคาสูงขึ้นเกินใบละ 80 บาท เป็นไปตามนโยบายการควบคุมราคาสลากฯ ระยะสั้นตามที่สำนักงานสลากฯ ตั้งเป้าหมายไว้
  9. สุดท้ายมีคนถามอีกว่า รางวัลของงวดประจำวันที่ 1 ส.ค. 2558 สำนักงานสลากฯ จะไปออกรางวัลที่ไหน ตอบได้ว่าเป็นการออกรางวัลสัญจรที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ถ.เทศบาล 3 ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี ออกงวดนี้หลายคนจับตาว่าจะมีข้อผิดพลาดอะไรหรือเปล่า เรื่องการออกรางวัล
  แหม่งวดที่แล้ว คนเล่น 244 เฮลั่น แต่สรุปสุดท้ายเป็นเลข 294 เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ได้แพร่ภาพผิด ดีนะไม่มีใครเป็นลมไป.
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/514718

ผู้ปกครองสุดทน! หน้าโรงเรียน ไม่มีทางม้าลายให้เด็กข้าม ลงมือพ่นเสียเอง

ผู้ปกครองสุดทน! หน้าโรงเรียน ไม่มีทางม้าลายให้เด็กข้าม ลงมือพ่นเสียเอง
ผู้ปกครองสุดทน! หน้าโรงเรียน ไม่มีทางม้าลายให้เด็กข้าม ลงมือพ่นเสียเอง

ผู้ปกครองทนไม่ไหวหลังหน้าโรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี ไม่มีทางม้าลาย ลงมือพ่นอักษร “ม้าลาย” บนถนนเอง
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. สมาชิกเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้นำภาพ ถนนบริเวณหน้าโรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่มีผู้นำสีขาวไปพ่นเป็นตัวอักษรว่า “ม้าลาย” มาเผยแพร่และมีการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่บริเวณประตูทางเข้า-ออกหน้าโรงเรียน แต่ไม่มีทางม้าลายสำหรับให้นักเรียนข้ามถนน

นางอำพร ถิระวัฒน์ อาสาสมัครจราจรหน้าโรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การพ่นข้อความดังกล่าวมาจาก การที่ผู้ปกครองนักเรียนและชาวบ้านที่ใกล้เคียงเห็นว่า หลังจากเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้ปรับปรุงผิวจราจรมาร่วม 3 เดือนแต่ไม่มีการตีเส้นทางม้าลายทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่มีจุดสังเกตและขับรถด้วยความเร็ว ประกอบมีรถสัญจรหนาแน่โดยเฉพาะช่วงเช้าและบ่ายที่นักเรียนมาและออกจากโรงเรียนทำให้ข้ามถนนยากลำบาก จนผู้ปกครองเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักเรียน ซึ่งได้แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบก็ยังไม่แก้ไขจึงมีการใช้สีฉีดพ่นบนถนนเป็นการประท้วง

ด้าน นายบรรลือศักดิ์ วุฒิ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 27ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ที่ยังไม่ได้ตีเส้นจราจรเนื่องจากมีปัญหากับผู้รับเหมาเรื่องสีไม่ได้มาตรฐานกรรมการจึงไม่ตรวจรับและเรื่องอยู่ระหว่างอุทรณ์ จึงประสานกับสำนักงานทางหลวงชนบทขอยืมสีและเครื่องจักรมาตีเส้นทางม้าลายข้ามถนนให้เสร็จภายในวันนี้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณูปโภค เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้เข้าตีเส้นทางม้าลายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ASN Broker อยากขอความร่วมมือกับเพื่อนๆว่า บริเวณเขตโรงเรียน ขับรถกันช้าๆนะครับ บางทีเด็กก็ข้ามถนนไม่ประสา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยๆ ขอบคุณครับ 
ทางม้าลาย1
ทางม้าลาย2

ที่มา http://www.asnbroker.co.th


วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ด่วน ประกาศ เลื่อนปิดถนน Bike for MOM 2 ส.ค. นี้ เป็น 6 โมงเช้าถึงเที่ยง

เลื่อนปิดถนน Bike for MOM 2 ส.ค. นี้ เป็น 6 โมงเช้าถึงเที่ยง
เลื่อนปิดถนน Bike for MOM 2 ส.ค. นี้ เป็น 6 โมงเช้าถึงเที่ยง
2ส.ค. เปลี่ยนเวลาปิดถนน 6โมง-เที่ยงซ้อมปั่นเพื่อแม่ 
„เปลี่ยนเวลาซ้อมใหญ่2 ส.ค."Bike For Mom" เป็นช่วงเช้าตั้งแต่06.00น.-12.00น.จากลานพระรูปฯ-ร.1พัน1รอ. ถนนวิภาวดีฯ(ก่อนถึงแยกสุทธิสาร) ส่วนวันจริงปิดตามเดิมตั้งแต่เที่ยงวัน-3ทุ่ม“
2ส.ค. เปลี่ยนเวลาปิดถนน 6โมง-เที่ยงซ้อมปั่นเพื่อแม่
„เมื่อเวลา18.30 น.วันที่ 27ก.ค. พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร(รองผบก.จร.)
  เปิดเผยภายหลังการประชุม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อม จัดการจราจรในเส้นทางกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83พรรษา
หรือ”Bike For Mom”พ.ต.อ.ภูษิต กล่าวว่า ตามที่กำหนดให้วันที่ 2ส.ค.จะมีการซ้อมใหญ่ตามเส้นทางจริง
เริ่มตั้งแต่เวลา12.00 น.- 21.00 น.นั้น ในการประชุมวันนี้ได้เห็นควรให้ปรับเปลี่ยนเวลาซ้อม เป็นช่วงเช้าเวลา06.00 – 12.00น.
เนื่องจากในเวลา 07.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จะร่วมปั่นซ้อมขี่จักรยานด้วย
รวมถึงจะตรวจตราความเรียบร้อยพิธีการต่างๆ ในลานพระราชวังดุสิต และจุดต่างๆรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง
บริเวณลานพิธีการ ซึ่งจะมีจำนวนจักรยานที่รวมขบวนประมาณ 1,000คัน โดยจะมีคณะรัฐมนตรี และคณะข้าราชการ
จากนั้นเวลา 09.00น.จะเคลื่อนขบวนจักรยานออกจากพระราชวังดุสิต โดยจะขี่จักรยานสำรวจเส้นทางถึงกองพันทหารราบที่1 (ร.1พัน1รอ.) และจะตรวจเส้นทางต่อโดยใช้ขบวนรถตรวจพื้นที่ โดยรอบเข้าไปยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ จนถึงกรมทหารราบที่11รักษาพระองค์(ราบ.11) พ.ต.อ.ภูษิต กล่าวต่อว่าทั้งนี้ การปิดจราจรจะเป็น 2ช่วงดังนี้คือ
  ในเวลา06.00น.-09.00น.จะปิดบริเวณรอบลานพระราชวังดุสิต
  ส่วนเวลา08.00น.-12.00น.จะปิดเส้นทางต่างๆ ตามเดิมคือตั้งแต่
  1.ถนนศรีอยุธยาตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตรถึง แยกพญาไท
  2.ถนนอู่ทองในตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงบริเวณลานพระราชวังดุสิต
  3.ถนนพญาไทตั้งแต่แยกพญาไท ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  4.ถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกมิสกวัน ถึงแยกพระรูป ร.5
  5.ถนนลิขิต ตั้งแต่ ถนนพิษณุโลกถึง ถนนศรีอยุธยา
  6.ถนนพระราม5ตั้งแต่ แยกราชวิถีถึงแยกพาณิชย์
  7.ถนนราชวิถีตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึง แยกสามเหลี่ยมดินแดง
  8.ถนนนครปฐมตั้งแต่ ถนนพิษณุโลก ถึงถนนศรีอยุธยา
  9.ถนนสวรรคโลกตั้งแต่ แยกอุภัยเจษฎุทิศแยกยมราช
  10.ถนนกำแพงเพชร5 ตั้งแต่ แยกอุภัยเจษฎุทิศ ถึง ถนนพระราม6
  11.ถนนพระราม6 ตั้งแต่ แยกตึกชัย ถึงอุรุพงษ์
  12.ถนนพญาไทตั้งแต่ แยกราชเทวี ถึงแยกพญาไท
  13.ถนนศรีอยุธยาตั้งแต่แยกพญาไท ถึงแยกราชปรารภ
  14.ถนนราชวิถีตั้งแต่แยกตึกชัย ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  15.ถนนโยธีตั้งแต่ ถนนพระราม 6ถึง ถนนพญาไท
  16.ซอยรางน้ำ
  17.ถนนราชปรารถตั้งแต่แยกราชปรารภ ถึงถนนราชวิถี
  18.ถนนดินแดงตั้งแต่ แยกสามเหลี่ยมดินแดงถึง แยกด่วนดินแดง
  19.ถนนวิภาวดีรังสิตถึงกองพันทหารราบที่1(ร.1พัน1รอ.) ก่อนถึงแยกสุทธิสาร(ปิดเฉพาะฝั่งขาออกเท่านั้นส่วนขาเข้าเมืองยังใช้เส้นทางได้ปกติ)
  ทั้งนี้ระหว่างการปิดเส้นทาง ประชาชนสามารถใช้โทลล์เวย์ได้ฟรี โดยขึ้นที่ด่านดินแดงเริ่มตั้งแต่ 06.00น.-12.00น.อย่างไรก็ตามในวันที่ 15ส.ค.จะมีการซักซ้อมพิธีการอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นเฉพาะหน่วยงานตำรวจและทหาร ในการทำความใจการอารักขาตามเส้นทาง ไม่มีการปิดจราจรแต่อย่างใด ส่วนในวันจัดกิจกรรมจริงวันที่ 16ส.ค.นั้นจะปิดการจราจรตามเส้นทางขบวนเสด็จปกติ จากลานพระรูปทรงม้า-ราบ11 (ถนนพหลโยธิน)ตั้งแต่ 12.00– 21.00 น.ตามกำหนดเดิม..“

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เส้นไหนบ้าง? ปิดจราจร2ส.ค.ซ้อมใหญ่ "Bike For Mom" เช็คด่วน!!

เส้นไหนบ้าง? ปิดจราจร2ส.ค.ซ้อมใหญ่ "Bike For Mom" เช็คด่วน!!
ถนนเส้นไหนบ้าง? ปิดจราจร2ส.ค.ซ้อมใหญ่ "Bike For Mom" เช็คด่วน!!
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.จร.) แจ้งว่า ในวันที่  2  ส.ค. จะมีการซ้อมใหญ่กิจกรรมปั่นเพื่อแม่ หรือ  Bike For Mom และจะมีการปิดเส้นทางเสมือนจริงในเส้นทางที่กำหนดตั้งแต่เวลา  12.00  น. เป็นต้นไป จนกว่าจะซ้อมเสร็จ
ทั้งนี้ในช่วงที่มีการปิดการจราจร  แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเส้นทางไปใช้เส้นทางอื่นแทนเพื่อลดผลกระทบด้านการจราจร โดยสำหรับประชาชนที่จะข้ามสะพานพระราม  8  สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานซังฮี้ ยังสามารถใช้ถนนราชวิถี ถนนราชดำเนินตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ได้ตามปกติ นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถใช้ถนนเพชรบุรี ถนนพระราม  1  ถนนพระาม  6  แทน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการปิดการจราจรทุกช่องทางทั้งไปและกลับในเส้นทางปั่นจักรยาน  24  เส้นทางดังนี้
1. ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึง แยกพญาไท
2. ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึง บริเวณลานพระราชวังดุสิต
3. ถนนพญาไท ตั้งแต่แยกพญาไท ถึง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
4. ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกมิสกวัน ถึง แยกพระรูป ร. 5
5. ถนนลิขิต ตั้งแต่ ถนนพิษณุโลก ถึงถนนศรีอยุธยา
6. ถนนพระราม 5  ตั้งแต่ แยกราชวิถี ถึงแยกพาณิชย์
7. ถนนราชวิถี ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึง แยกสามเหลี่ยมดินแดง
8. ถนนนครปฐม ตั้งแต่ ถนนพิษณุโลก ถึง ถนนศรีอยุธยา
9. ถนนสวรรคโลก ตั้งแต่ แยกอุภัยเจษฎุทิศ แยกยมราช
10. ถนนกำแพงเพชร 5  ตั้งแต่ แยกอุภัยเจษฎุทิศ ถึง ถนนพระราม  6
11. ถนนพระราม  6  ตั้งแต่ แยกตึกชัย ถึง อุรุพงษ์
12. ถนนพญาไท ตั้งแต่ แยกราชเทวี ถึง แยกพญาไท
13. ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกพญาไท ถึงแยกราชปรารภ
14. ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกตึกชัย ถึง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
15. ถนนโยธี ตั้งแต่ ถนนพระราม  6  ถึง ถนนพญาไท
16. ซอยรางน้ำ
17. ถนนราชปรารถ ตั้งแต่แยกราชปรารภ ถึง ถนนราชวิถี
18. ถนนดินแดง ตั้งแต่ แยกสามเหลี่ยมดินแดง ถึง แยกด่วนดินแดง
19. ถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่ แยกดินแดง ถึงแยกหลักสี่
20. ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ แยกรัชโยธิน ถึงแยกอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
21. ถนนดินแดง ตั้งแต่แยกดินแดงถึงแยกประชาสงเคราะห์
22. ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ จุดกลับรถปากซอยพหลโยธิน  2  ถึง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
23. ถนนสุทธิสาร ตั้งแต่ ปากซอยอินทามระ 16  ถึงแยกสุทธิสาร-รัชดา
24. ถนนมิตรไมตรี ตั้งแต่สามแยกถนนมิตรไมตรี  3  ถึง ถนนวิภาวดีรังสิต
ทั้งนี้ ASN Broker หวังว่าเพื่อนๆจะตรวจสอบเส้นทางในวันเวลาดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาจราจรที่เพื่อนอาจเจอได้นะครับ
ภาพจาก www.bikeformom2015.com
ที่มา https://www.asnbroker.co.th

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59

 เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59
เทียบกันชัดๆ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ ดีเดย์ 1 มค 59
เรื่อง: นิตยสารฟอร์มูลา
ในปี 2559 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย นั่นคือ การเริ่มใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบแบบเดิม โดยมีหลักการว่า รถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย จะเสียภาษีต่ำกว่ารถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก สอดคล้องกับการบังคับใช้ระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ "ECO STICKER" ซึ่งแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง และระดับการปล่อยไอเสีย

ส่วนรายละเอียดอัตราภาษีรถแต่ละประเภท เมื่อเทียบกับการคิดแบบเก่าจะแตกต่างกันอย่างไร ตามไปดูกันได้เลย!
ที่มา: นิตยสารฟอร์มูลา, กระทรวงการคลัง
"อีโคคาร์ เฟส 2" ภาษีถูกลง
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ สนับสนุนรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ อีโคคาร์ เฟส 2 อย่างชัดเจน เพราะเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย โดยรถยนต์โครงการ อีโคคาร์ เฟส 2 ที่ปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีเพียง 14 % เท่านั้น แต่ถ้าเกิน จะเสีย 17 % เท่ากับ อีโคคาร์ เฟส 1
ภาพตัวอย่าง อีโคคาร์

เก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี ภาษีขึ้น 3-10 %
รถยนต์นั่งในพิกัดนี้ ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย
ในอัตราภาษีเดิม รถยนต์ซับคอมแพคท์ ที่รองรับน้ำมัน E20 เช่น โตโยตา วีออส, เชฟโรเลต์ โซนิค, ฟอร์ด ฟิเอสตา จะเสีย 25 % แต่อัตราใหม่ รถเหล่านี้ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม
รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 เช่น โตโยตา อัลทิส (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), ฮอนดา ซีวิค, เชฟโรเลต์ ครูซ (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), มาซดา 3 อัตราเดิมเสีย 22 % ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 % ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย
รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เช่น โตโยตา แคมรี, ฮอนดา แอคคอร์ด, ฮอนดา ซีอาร์วี, นิสสัน เทอานา, มาซดา ซีเอกซ์-5 ฯลฯ มีทั้งรุ่นที่รองรับน้ำมัน E20 และ E85 ซึ่งถูกคิดภาษีอยู่ที่ 25 % และ 22 % ตามลำดับ รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่ ดังนั้น จะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ
นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสีย
ภาพตัวอย่าง รถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี

เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี ภาษีแพงขึ้น
ในพิกัดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งและเอสยูวีขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมบางรุ่น  ซึ่งเดิมเสียภาษี 30 % และ 27 % ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85 ซึ่งเท่าที่สำรวจรถในตลาด พบว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับนี้ จะปล่อยไอเสีย 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 % สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 
ภาพตัวอย่าง รถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ 2,000-2,500 ซีซี

พิคอัพ ปล่อยไอเสียเกิน 200 กรัม/กิโลเมตร ต้องจ่ายเพิ่ม
พิคอัพที่ปล่อยไอเสียไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 3 % สำหรับรุ่นไม่มีแคบ 5 % สำหรับรุ่นมีแคบ และ 12 % สำหรับรุ่น 4 ประตู แต่ถ้าปล่อยเกินจากนี้ จะเสียเพิ่มขึ้นเป็น 5 % 7% และ 15 % ตามลำดับ จากข้อมูลปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่มีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลให้โดนขึ้นภาษีเกือบทุกรุ่น
ภาพตัวอย่าง พิคอัพ

พีพีวี จ่ายภาษีเพิ่ม
รถพิคอัพดัดแปลง หรือพีพีวี ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 3,250 ซีซี จากเดิมเสียภาษี 20 % ทุกรุ่น ในอัตราใหม่จะเพิ่มเป็น 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร และ 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น
ภาพตัวอย่าง พีพีวี

ไฮบริด เสียเท่าเดิม ภายใต้เงื่อนไขใหม่
ในโครงสร้างภาษีเดิม รถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี จะเสียภาษี 10 % เท่ากัน
แต่ภาษีใหม่ จะต้องเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น จึงจะเสียอัตราเดิมที่ 10 % ถ้ามากกว่านั้น ภาษีจะเพิ่มเป็น 20 % จากข้อมูลช่วงต้นปี 2015 พบว่า รถยนต์ไฮบริดหลายรุ่นปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร เช่น โตโยต้า ปรีอุส, ฮอนดา แอคคอร์ด ไฮบริด, เมร์เซเดส-เบนซ์ ตระกูลบลูเทคไฮบริดเกือบทุกรุ่น, โพร์เช กาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด แต่ก็ยังมีบางรุ่น ที่ปล่อยไอเสียมากกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งจะต้องเสียภาษีเพิ่ม เช่น เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 300 บลูเทค ไฮบริด และบีเอมดับเบิลยู ตระกูลแอคทีฟไฮบริดทั้งหมด 
ภาพตัวอย่าง รถยนต์ไฮบริด

สรุป ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 %
อย่างไรก็ตาม ภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ต่อไปนี้ กทม จะไม่มีคนดูแลบำรุงศาลารถเมล์อีกต่อไปอย่างน้อย 6-8 ปี

ต่อไปนี้ กทม จะไม่มีคนดูแลบำรุงศาลารถเมล์อีกต่อไปอย่างน้อย 6-8 ปี
ต่อไปนี้ กทม จะไม่มีคนดูแลบำรุงศาลารถเมล์อีกต่อไปอย่างน้อย 6-8 ปี

เป็นกระแสชั่วข้ามคืน สำหรับข่าว ต่อไปนี้ กทม จะไม่มีคนดูแลบำรุงศาลารถเมล์อีกต่อไปอย่างน้อย 6-8 ปี
ASN Broker ได้พบข่าวที่เป็นกระแสในเพียงชั่วข้ามคืน ว่าด้วยเรื่อง ป้ายรถเมลล์ของกทม ที่จะไม่มีคนดูแลเป้นระยะเวลานาน
จาก ลิงค์ http://pantip.com/topic/33943782 ของคุณ Pongacku 
จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=691809047618980&set=o.259889530789940&type=1&theater

ผมเนื่องจากทราบเรื่องพอสมควรเลยอยากบอกทุกท่านว่า

กทม จะไม่มีคนดูแลบำรุงศาลารถเมล์อีกต่อไปอย่างน้อย 6-8 ปี
เราจะมีศาลารอรถเมลที่ไม่มีคนดูแลบำรุงรักษาแล้วครับ

ใครไม่อยากอ่านยาวคือผมสรุปให้
TSF ประมูลสัญญาดูแลป้ายศาลาประจำทางได้โดยแลกกับป้ายโฆษณาเป็นเวลา9ปี  แต่เกิดปัญหาป้ายโฆษณาระงับโดยกทมไม่แก้ปัญหากลับผิดสัญญาไปเลย (แก้ปัญหาปรับป้ายให้ไม่บดบังก็ได้ครับไม่ทำ) บริษํทจึงยกเลิกการจ่ายเงินในส่วนที่กทมผิดสัญญาและไม่เข้าไปดูแลตามสัญญา
หลังจากนั้นประมาณ1ปี3เดือน กทมยื่นสัญญาใหม่แต่ปรับสัญญาให้ไม่เป็นธรรม  บริษัทไม่ยอมรับสัญญาที่เปลี่ยนแปลงจึงยื่นเรื่องกลับไปและหลังจากนั้นไม่มีลายลักษณ์อักษรมาจึงเริ่มทำการฟ้องกทมเมื่อผ่านมา 2ปี6เดือน ตอนนี้มีเวลาอีก6ปีครึ่ง (ช่วงนี้ใครแตะก็ถูกฟ้องในอนาคตครับ ถ้าหาข้อตกลงเร็วๆไม่ได้ก็ใช้ศาลาไม่มีใครดูแลอีก 6ปีครึ่ง-8ปีครับ)

เกริ่นนำเริ่มเรื่องจากกทม เปิดประมูลสัญญาให้สิทธิเอกชนดูแลบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางกลุ่ม ABCD
อะไรคือสัญญาให้สิทธิเอกชนดูแลบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง
คือสัญญาที่ให้สิทธิ์บริษัทที่ชนะการประมูลบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยศาลรถประจำทางโดย
ทางกทมจะได้รับเงินค่าสัมประทาน+บริษัทจะดูแลศาลาให้
บริษัทจะได้การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ป้ายโฆษณาตามรถเมล์+ป้ายโฆษณาที่จะให้ปักเพิ่ม1000-1500ป้ายเพิ่มเติม
TSF ได้รับสัญญา A C D โดย MOU ที่ทราบมาคือ
1 ส่งมอบป้ายที่สามารถใช้งานได้และอยู่ในสภาพสมบูรณ์
2 ให้สามารถปักป้ายเพิ่ม 1000-1500 ป้าย(ไม่มั่นใจจำนวนที่แน่นอนแต่รู้ว่ามากกว่า1000แน่นอน)
3 สามารถเก็บผลตอบแทนโฆษณากับศาลาเดินรถเมล์ได้
4 สัญญามีอายุ 9 ปี

Time Line การเกิดปัญหา
เดือนแรกหลัง TSF ได้สัญญา มา ตรวจพบว่าผ้ายไม่สามารถใช้งานได้ได้ทันทีและมีสภาพทรุดโทรม ไฟถูกถอดป้ายถูกทำลายบางส่วน (ตามรายงานของบริษํทที่แจ้งมา)
TSF ได้แจ้งไปทางกทมเรื่องไม่ตรงสเปค กทมตอบกลับมาว่า กทมได้ให้ป้ายแล้วเรื่องนอกนั้นต้องไปฟ้องบริษัทที่ทำมาก่อนเองTSF ยอมซ่อมป้ายและพยายามทำงานต่อไป


5เดือนหลังจากได้รับงาน ส่งแบบให้กับกรมขนส่งไม่ตอบกลับไม่สามารถทำการปรับปรุงป้ายได้
ขั่นตอนการขอปรับปรุงศาลา
แจ้งขอปรับปรุงโดยการยื่นแบบไปที่กรมขนส่งกรมการขนส่งทางบก เมื่อได้ใบนุญาติจึงจัดการได้ แต่ก็มีผิดพลาดเหมือนกัน

[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความhttp://pantip.com/topic/32269611 เกิดจากการปรับปรุงทางเท้าโดยเขาไม่สามารถแตะศาลาที่พักที่โดยสารได้จึงเป็นเช่นนั้น

8เดือนหลังจากได้รับงาน งานเข้ามีการแจ้งป้ายโฆษณาบังทางเท้า วิธีแก้ปัญหาของท่านผู้ว่าคือ ไม่ให้ปักป้ายและถอดป้ายเดิมทิ้ง โดยยอมผิดสัญญาที่ให้กับบริษัท ซึ่งจริงๆแล้วสามารถยกป้ายสูงเพื่อไม่ให้บังทางและหาทางแก้ไขอื่นได้
  (ผู้ว่ากทมมีหนังสือลงวันที่ 19 สิงหาคม 2556 แจ้งให้บริษัทระงับการติดตั้งป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสัญญา A และ สัญญา C ทั้งหมดนั้นเนื่องมาจากข้อร้องเรียนจากผู้ใช้ทางเท้าผ่านทาง Social Media ณ ช่วงเวลานั้น)
กรุงเทพมหานคร คุณทำอย่างงี้กับคนรอรถเมล์ ในเมืองหลวงได้ยังไง ???

[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความhttp://pantip.com/topic/30826719
แล้วผู้ว่าก็แสดงความแมนสั่งรื้อถอน
[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความhttp://pantip.com/topic/30826719

1ปี TSF ดำเนินงานปรับปรุงป้ายให้ยกสูงเพื่อไม่บังวิศํยทัศน์


1ปี 6เดือน ทางบริษัทได้สอบถามไปทางกทมเรื่องทำตามสัญญา MOU โดยเลี่ยงที่จะไม่ฟ้องกทม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงระงับเงินจ่ายและทำการตั่งสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายไว้

2ปี 3เดือน การขาดทุนบริษัทสะสมกว่า 1000 ล้าน กับโครงการนี้ทั้ง การปรับปรุงป้ายให้ไม่บังทาง ฯลฯ และกรุงเทพมหานครจะมีหนังสือลงวันที่ 4 มีนาคม 2557 แจ้งให้บริษัทดำเนินการติดตั้งป้ายโฆษณาในโครงการ A และ C ได้ต่อไป ตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนดขึ้นใหม่ก็ตาม แต่เพื่อความเป็นธรรมบริษัทจึงยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนดขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ระบุไว้ใน TORซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงใน TOR เดิม
สรุปง่ายๆเปลี่ยนสัญญา MOU และให้บริษัทยอมรับ ซึ่งบริษํทแย้งไป

2ปี6เดือน ทำเรื่องฟ้องกทม <=แก้ไขตอนนี้พิจารณาและจะหารือกับบริษัท
http://www.hooninside.com/news-detail.php?id=483998
http://www.kaohoon.com/online/content/view/11691/

ปัจจุบันจึงมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่(ข้อมูลล่าสุดเขาว่าพิจารณาและหารือ)และบริษํทจะไม่เข้าไปทำการดูแล สัญญา A และ C เนื่องจากเสียผลประโยชน์และไม่เป็นไปในการเซ็นครั้งแรก
หากเรื่องคาราคาซัง จนหมดสัญญา ก็อีก 6ปี ใครก็แตะศาลารถเมล์ไม่ได้สามารถถูกฟ้องได้
มันเป็นผลกระทบกับป้ายที่ระงับเมื่อมีปัญหาคราวก่อนจากข่าวที่ดังมากในปี 2556 ผู้ว่าได้ยอมเอาปัญหาซุกใต้พรมและทำเหมือนไม่เกิดปัญหาอะไรต่อ

ตอนนี้ผมอยากทราบว่า กทมจะไม่มีคนดูบำรุงรักษาแลป้ายรถเมล์ ไปอีก6-8ปี (จบสัญญา 6ปีครึ่งประมูลใหม่และเดินเรื่องขอดูแลอีก1ปีครึ่ง)
ประชาชนกทมคิดว่าไงครับถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่กันครับ เรื่องนี้หมกกันเกือบกว่า 2ปีหลังเกิดเรื่องแล้วครับ

* หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามในกระทุ้ได้ครับ *

รบกวนโหวต + แชร์เรื่องนี้ไปให้นักข่าวเพื่อให้เขาแก้ไขเถอะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดทสถานะการณ์ล่าสุด

ทางกทมได้แจ้งข่าวมาทาง เดลินิวส์แล้วและไทยรัฐครับ

แหล่งข่าวจากสจส.กล่าวว่าบริษัท ได้มีการขอยกเลิกสัญญามาที่กทม.จริงแต่ กทม.พิจารณาว่าการขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวนั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากกทม.ไม่ได้เป็นผู้ทำผิดสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งการระงับติดตั้งป้ายโฆษณาที่มาคู่กับศาลาที่พักผู้โดยสารนั้น ประชาชนมีการร้องเรียนมาจำนวนมากว่าป้ายที่บริษัทฯติดตั้งนั้นมีฐานขนาดใหญ่และบางจุดติดตั้งไม่เหมาะสมทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ทางเท้าได้สะดวก ซึ่ง กทม.ก็มีการพิจารณาตรวจสอบโดยจุดที่กีดขวางการสัญจรและให้บริษัทรื้อถอนปรับเปลี่ยนตำแหน่งป้ายให้เหมาะสมซึ่งตามสัญญาสัมปทานกำหนดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีการติดตั้งป้ายอย่างเหมาะสมและไม่กระทบกับประชาชน แต่ไม่ได้มีการระงับการติดตั้งป้ายแต่อย่างใดและที่ผ่านมาก็พบว่าบริษัทมีการปรับเสาและย้ายตำแหน่งป้ายใหม่หลายจุดตามที่ กทม.ได้แจ้งไปจึงไม่คิดว่าจะมีการทำผิดสัญญาแต่อย่างใด  ขณะนี้กทม.อยู่ระหว่างการพิจารณาและจะหารือกับบริษัทอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ระหว่างที่มีการยกเลิกสัญญาทางบริษัทไม่ได้เข้ามาดูแลป้ายฯตามสัญญา กทม.ก็จะมอบหมายให้สำนักงานเขตในพื้นที่ดูแลไปก่อนได้ แต่อย่างไรก็ตามหากพบว่ากทม.ได้รับความเสียหายจากกรณีนี้ก็จะดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/bangkok/336827

ล่าสุดแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้เอกชนได้ติดต่อยกเลิกสัญญาจริง ซึ่ง กทม. ได้แจ้งว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเงื่อนไขที่มีการแก้ไขนั้น สืบเนื่องจากการติดตั้งป้ายที่ไม่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นการเดือดร้อนประชาชน และไม่ใช่การผิดสัญญาแต่อย่างใด ส่วนป้ายรถเมล์บางจุดที่ชำรุดสามารถแจ้ง กทม.ได้ เนื่องจากบางป้ายไม่ได้อยู่ในสัมปทานที่เอกชนดูแล ทั้งนี้ หากป้ายฯ ถูกปล่อยปละละเลย กทม.ได้รับความเสียหาย ทางเอกชนผู้รับสัมปทานก็สามารถถูกดำเนินการตามกฎหมายได้

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบป้ายรถเมล์ ซึ่งอยู่ภายใต้สัมปทานบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต จากการสอบถามพนักงาน ขสมก. และวินรถจักรยานยนต์ ที่ประจำอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับคำตอบว่า ป้ายรถเมล์ดังกล่าวยังคงมีเจ้าหน้าที่มาดูแล บำรุงรักษาอยู่เป็นประจำ


ข้อสรุปตอนนี้คือ กทมกำลังหารือกับบริษัทและในขณะนี้กับปัญหาที่เกิดขึ้น และระหว่างที่มีการยกเลิกสัญญาทางบริษัทไม่ได้เข้ามาดูแลป้ายฯ
ตอนนี้กทม.ก็จะมอบหมายให้สำนักงานเขตในพื้นที่ดูแลไปก่อน

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เตือนภัย(โดยเฉพาะคุณผู้หญิง)เวลาไปพักผ่อนนอกสถานที่ คุณสำรวจห้องน้ำที่คุณเข้าดีแล้วหรือยังคะ

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกเลยนะเนี่ย(เพราะไปยืมไอดีคนอื่นมา อมยิ้ม06) ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเอง

แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้(ถ้ามีปาปิก้า ไม่ใช่ละ ซีเรียสๆ) เลยอยากจะเล่า(แบบใส่อารมณ์ไปนิ๊ด)ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่าน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทุกวัย ถ้ามีข้อผิดพลาดประการณ์ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ (แบบว่าอารมณ์มา อาจจะรัวไปนิด แหะๆ ไม่เอาไม่พูด)

หลังจากนอกเรื่องมานาน มาาา เข้าเรื่อง!!

เรื่องมันมีอยู่ว่าาาา ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา จขกท และครอบครัวได้ไปพักผ่อนตากอากาศที่บ้านของเพื่อนสนิทของบุลคลในครอบครัวคนหนึ่ง ในอำเภอ ปากช่อง ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บ้านสวย อากาศเย็น บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน ระหว่างวันก็ไปกินข้าว ทำกิจกรรมด้วยกันอย่างปกติสุข

ก่อนนอนก็ต้องอาบน้ำใช่มั๊ยคะ แต่เผอิ๊ญ ทีนี้ ก่อนใช้ห้องน้ำก็อยู่ดีไม่ว่าดี คิดอะไรก็ไม่รู้ เรื่องการแอบถ่ายในห้องน้ำมันดันปิ๊งเข้ามาในหัว สำรวจสิคะทีนี้

มองไปรอบๆเห็นแว่นกันแดด 1 อันในห้องน้ำ มีผ้าขีริ้วคลุมอยู่ที่ปลายขาแว่น ตอนแรกก็ตะหงิดๆละว่ามันมาอยู่ในนี้ได้ยังไง แต่ยังไม่ได้อะไรมาก คิดว่าคงเอามาล้างละลืมไว้ (แน๊ะ มีใจดี คิดเผื่อด้วย) เลยปล่อยผ่านไป

พอกวาดตาไปทั่วอีกรอบ ตาเจ้ากรรมดันไปสะดุดกับปากกา 2 แท่งค่ะในมุมอับ(มั๊ง) ในใจตอนนั้นคิดละว่า ลางเริ่มไม่ดีละ เพราะเคยได้อ่านฟอร์เวิร์ดเมล์เกี่ยวกับปากกาแอบถ่ายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเดินเข้าไปส่องใกล้ๆนี่ ใช่เลยค่ะ !! โดนละไง

ลักษณะปากกานะคะ ก็เป็นแบบปกตินี่แหละค่ะ แท่งสีดำ อ้วนๆหน่อย แบบที่พวกนักธุรกิจเค้าชอบใช้กัน (ไม่รู้ อันนี้มโน) แต่พอส่องเข้าไปใกล้ๆจะเห็นเป็นรู 1 รู ส่วนตรงนี้เป็นเลนส์กล้องค่ะ ตรงหัวด้านบนจะเป็นปุ่มสีเงินๆ ปุ่มนี้กดได้ คอยรับคำสั่งเปิด-ปิด ถ่ายภาพ อัดวีดีโอค่ะ แล้วถ้าคุณหมุนเกลียวปากกา(ครงกลางแท่ง) จะเจอหัว USB ถ้านึกภาพไม่ออกลองหาในอากู๋ดูนะคะ พิมพ์ว่า "ปากกา แอบถ่าย" นั่นแหละค่ะ



นี่เป็นสภาพตอนชำแหละออกมาค่ะ

พอเจอปากกาทีนี้ เอาไงล่ะ แว่นกันแดด ที่มาอยู่แบบแปลกๆสินะ เลยลองเปิดผ้าขีริ้วที่คลุมอยู่ดู

ผ่างงงงง ขาแว่นส่วนที่โดนปิดมีปุ่ม 2 ปุม เป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง กับปุ่ม Record และสัญญาณไฟสีแดงกระพริบปริ๊บๆค่าาาาาา พอมองไปใกล้ๆ ตรงแถวๆแป้นจมูก มีรูกล้อง (หาในอากู๋ดูนะคะ แว่นแอบถ่าย)

ละตอนนั้นโชคดี๊ โชคดีที่เอามือถือเข้าไปด้วยพอดี ถามอากู๋เกี่ยวกับวิธีใช้เจ้าอุปกรณ์สองตัวนี้ จะสรุปให้คร่าวๆว่า
     - สำหรับตัวปากกา มันไม่มีการ์ดที่เก็บพวกภาพเหมือนกับกล้องถ่ายรูปปกติทั่วไป ทางเดียวที่คุณจะสามารถเก็บมันมาเป็นหลักฐานได้อย่างเดียวคือ เอามันมาทั้งแท่งค่ะ
     - สำหรับแว่น เจ้าตัวนี้มี MicroSD card อยู่ใต้ขาแว่นค่ะ ดึงมันเอาออกมาเลย ส่วนตัวแว่น คุณจะทำยังไงก็ได้ ทิ้งชักโครก หักให้แตกประดุจดั่งคุณกำบังหักแขนเจ้าของ เอาไปปาหัวเจ้าของ(ซึ่งคงไม่ทำให้เค้าเจ็บเท่าไหร่) หรือเอากลับด้วยก็สุดแท้แต่คุณเลยค่ะ

เล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็ขออนุญาตตัดจบแบบง่ายๆเลยละกันนะคะ แต่ก่อนไปจะมาบอกถึงวิธีสังเกตพฤติกรรมคร่าวๆก็แล้วกัน (ในกรณีที่บุคคลคนนั้นทำอะไรได้ไม่เนียนเลย) ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหนนะคะ
      1. เค้าจะทำทีเป็นสำรวจห้องน้ำก่อนที่คุณจะเข้าไปใช้ทุกๆครั้งค่ะ หรือบางทีก็จะเข้าไปใช้เลย ทั้งๆที่มีเวลานานมากกกกกกกก และมีห้องน้ำอีกหลายห้อง เผือกไม่ใช้ แต่จะมาใช้ห้องนั้น
      2. มีอุปกรณ์แปลกๆที่ไม่ควรอยู่ในห้องน้ำ เช่น แว่นตา ปากกา เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้จะหันมาในทิศของฝักบัวค่ะ (จริงๆลองหาในเน็ตเพิ่มเติมก็ไม่ได้มีแต่ของเหล่านี้นะคะ ลองถามอากู๋ดูก็ได้ค่ะ มีเยอะมากกกกก เห็นละตกใจ ตั้งแต่กุญแจรถยันเครื่องคิดเลขก็เป็น ขนาดที่ดับกลิ่นในห้องน้ำยังทำได้เลย)

[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความ

เผื่อใครพอจะคุ้นๆ อันนี้ก็สุดแท้แต่กรรมแล้วล่ะค่ะ


      3. หลังคุณใช้ห้องน้ำเสร็จ เค้าจะเข้าไปในห้องน้ำอีกทีค่ะ หลังจากนั้น อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะหายไปจากห้องน้ำในตอนดึก (หลังจากคุณนอนแล้ว)
      4. แม้ว่าเค้าจะมีเมียอยู่แล้ว และรักเมียมากกกกก คุณก็อย่าประมาทนะคะ

เอาเป็นว่าทางทีดีเวลาคุณไปพักนอกสถานที่ก่อนเข้าห้องน้ำทุกครั้งสำรวจห้องน้ำดีๆ ก่อนจะดีที่สุดค่ะ ทั้งมุมอับ มุมไม่อับ ไม่ว่าบ้าน (หรือโรงแรม) ของบุคคลที่คุณไปพักจะไว้ใจได้แค่ไหน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ (อาจจะไม่ใช่จากคนที่คุณไว้ใจแต่เป็นคนอื่นก็ได้)

ส่วนวิธีการจัดการของบุคคลคนนี้ขอไม่พูดถึง แต่ถ้าใครจะแนะนำมาก็ยินดีเป็นอย่างค่ะอมยิ้ม04

หวังว่ากระทู้นี้คงจะพอมีประโยชน์ หรือช่วยอะไรท่านผู้อ่านได้บ้างนะคะ
โดยส่วนตัว ASN Broker คิดว่า กระทู้นี้ดีจึงอยากแชร์ เดี่ยวนี้ผู้หญิง ต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้นด้วยนะครับ เทคโนโลยีก้าวไกลแต่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมมนุษย์ครับ

ที่มา: http://pantip.com/topic/33946613

หนุ่มขับรถป้ายแดงโดนจับ ข้อหาไม่มีใบขับขี่ ฟ้องสื่อแหลก..รถใหม่ จะไปมีใบขับขี่ได้ไง!!?!!

หนุ่มขับรถป้ายแดงโดนจับ ข้อหาไม่มีใบขับขี่ ฟ้องสื่อแหลก..รถใหม่ จะไปมีใบขับขี่ได้ไง!!?!!
หนุ่มขับรถป้ายแดงโดนจับ ข้อหาไม่มีใบขับขี่ ฟ้องสื่อแหลก..รถใหม่ จะไปมีใบขับขี่ได้ไง!!?!!
vvv_2 
เป็นที่ฮือฮา…ในโลกออนไลน์ เมื่อมีการแชร์ภาพของวัยรุ่นหนุ่มรายหนึ่ง ที่มีข้อความโพสต์ระบายความคับแค้นใจ โกรธเจ้าหน้าที่ตำรวจ และออกมาโพสต์ประจานที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกจับ-ปรับเงินในข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ดูเหมือนเหตุการณ์รถป้ายแดงโดนจับปรับนี้ จะมีคนหน้าแหก แทบแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ เนื่องจากพ่อหนุ่มขับรถป้ายแดงออกตัวล้อฟรี ฟ้องสื่อเสียยกใหญ่ว่าโดนเจ้า หน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้ง จับปรับด้วยข้อหา”ไม่มีใบอนุญาตขับขี่” พร้อมเหตุผลสุดมั่นว่า “รถใหม่ จะไปมีได้ไงฟะ?”
ทำเอาชาวเน็ตถึงกับขำลั่น ซึ่งเมื่อมีการเผยแพร่ต่อๆ กันไป เหล่าบรรดาชาวเน็ตต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ถึงความเข้าใจผิด และความไม่รู้เรื่องของเด็กหนุ่มรายนี้  พร้อมระบุว่าตำรวจมีสิทธิจับได้เพราะแม้จะมีรถ แต่ถ้าขับโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ผิดกฎหมาย ซึ่งการโพสต์ด้วยความไม่รู้ของหนุ่มน้อยรายนี้ การกระทำนี้เรียกได้ว่าเป็นการประจานตัวเองชัดๆ ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มรายนี้ไปเอาความมั่นใจผิดๆ แบบนี้ มาจากไหนกันเนี่ย!!!
899037-img.rcxvm0.1p
ASN Broker อยากบอกว่า การใช้ยานพาหนะ ในท้องถนน จำเป็นต้องมีใบขับขี่ก่อนครับ
เพื่อความปลอดภัยของท่านเองในการมีความรู้การใช้รถและถนน
กับความปลอดภัยผู้ใช้ถนน ท่านอื่นๆ ครับ

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

#เรื่องเด่นโซเชียล ประสบการณ์โดนตำรวจทำร้ายร่างกาย!!

#เรื่องเด่นโซเชียล ประสบการณ์โดนตำรวจทำร้ายร่างกาย!!
#เรื่องเด่นโซเชียล ประสบการณ์โดนตำรวจทำร้ายร่างกาย!!

ในกระแสโซเชียล เกิดเรื่องราวที่ถูกแชร์และส่งต่อ กันมากมาย ในชั่วข้ามคืน เกี่ยวกับเหตุการณ์ ประชาชนโดนตำรวจจราจรทำร้าย 
ในกระทู้พันทิปจขกท.สมาชิกหมายเลข 2505218 มีเนื้อหาดังนี้
ผมขอเล่าจากประสบการณ์จริงนะครับ ปกติผมเป็นคนไม่เล่นพันทิป แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆครับ จะมาเล่าถึงความต่ำช้าของตำรวจและทหาร

ผมโดนตำรวจและทหารทำร้ายร่างกาย ผมรู้ว่าคนดีดีก็มี แต่กลุ่มที่ผมเจอขอใช้คำว่า ยิ้มเลยครับ
ปกติตำรวจที่เราว่าไม่ดีคือพวกที่ชอบไถตังประชาชน แล้วเขียนใบสั่งด้วยเหตุผลไร้สาระ อันนี้ผมบอกเลยว่า ยิ้มกว่ามาก

ขออนุญาติเล่าอย่างละเอียดเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่มีวันลืม!
ผมอายุ 24ปี เป็นพนักงานบริษัทธรรมดานี่แหละครับ คืนวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 เวลาประมาน เที่ยงคืนครึ่ง ผมขับรถไปส่งน้องชายแถวแจ้งวัฒนะ เสร็จแล้วก็ขับรถกลับมุ่งหน้ามาทางหลักสี่ เพราะบ้านผมอยู่แถววิภาวดี ผมขับมาคนเดียว วิ่งเส้นแจ้งวัฒนะมาผมก็เจอด่านตำรวจตรงปั๊มน้ำมันCaltex แถวๆตรงข้ามสำนักงานTOT ด้วยความบริสุทธิ์ใจพอมาถึงด่านผมก็เปิดไฟในรถและลดกระจกลงรอไว้เลย ผมยอมรับครับว่าผมดื่มมานิดหน่อยหลังทำงาน แต่ไม่ได้เมา100% ผมรู้ว่าถึงดื่มมานิดหน่อยก็มีสิทธ์โดน ผมก็ตัดสินใจเป่า เพราะคุณตำรวจเค้าก็ทำตามหน้าที่ ผลสรุปคือเกินมานิดหน่อย ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ ผิดคือผิด ว่ากันไปตามเนื้องาน ผมก็ให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง พูดครับทุกคำ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครอยากมีเรื่องกับตำรวจหรอก ก็ยกมือไหว้พูดเพราะไว้ก่อน พอเสร็จจากด่านแล้ว ต้องไปที่สน.ต่อ

ประเด็นของกระทู้อยู่ตรงนี้ครับ
คุณตำรวจAคนแรกเสนอว่าให้เอารถผมจอดที่ปั๊มCaltex แล้วไปกับเค้า ผมก็ตอบตกลง แต่คุณตำรวจBดูไม่พอใจครับ บอกจะให้เอารถผมไปโดยเค้าจะขับ ผมบอกว่าผมไม่โอเคครับ เพราะในเมื่อคนแรกบอกจอดทิ้งตรงด่านในปั๊มได้ ผมก็เลยบอกว่าขอจอดทิ้งไว้ที่นี่ได้ไหม รถผม ผมไม่อยากให้คนอื่นขับ ผมถือเรื่องแม่ยานางของรถ ผมเคยดวงไม่ดีเมื่อ2ปีที่แล้ว รถโดนชน6รอบภายในสองเดือน พอผมพูดเสร็จคุณตำรวจเค้าก็ดูไม่พอใจ ผมเป็นแค่พนักงานบริษัท ไม่ได้มีเงินอะไรเยอะ ขับแค่รถFord ผมก็พูดกับพี่เค้าเลย "พี่ครับผมขอเถอะ เราจะนั่งแท็กซี่ไปก็ได้ผมออกเงินให้เอง หรือจะไปรถของทางตำรวจก็ได้ แต่รถผมจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มเถอะ" ผมขอเค้าอัดคลิป เค้าก็ดึงเอาโทสับเอากระเป๋าตังผมไป เค้าโมโหและไม่ยอม พอผมหันหลัง ผมโดนเค้าผลักแล้วจับกดลงกับพื้น เค้าพยายามจับเอามือขวาผมไผล่หลังแล้วจะใส่กุญแจมือ เค้าจับแขนผมบิดแรงมากเหมือนจะหัก แล้วหาว่าผมขัดขืน ผมยอมรับว่าผมดิ้นซิครับ จับแขนบิดขนาดนี้ผมก็เจ็บ ผมก็พยายามเกร็งแขนให้ไม่เจ็บ แล้วเค้าก็ทำแรงขึ้นอีก แล้วคุณตำรวจเอาเข่ากดที่หน้าผมลงกับพื้น กดอย่างแรง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจคนเดียวครับ คนอื่นมาช่วยเอากดด้วยครับ แล้วลากผมกับพื้น กดจนหน้าผมเลือดออก ตุ้มหูที่ใส่อยู่เป็นของที่คุณแม่ให้เป็นของขวัญแต่เค้าเอาเข่ากดที่หูผมจนตุ้มหูหลุดหาย ผมตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด "พี่ผมขอร้องผมเจ็บครับพี่ พูดกันดีดีก็ได้ครับ ผมยอมหมดแล้ว ผมเจ็บ" แต่สิ่งที่ผมตะโกนคุณตำรวจก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไร ยังคงกดแล้วพยายามบิดแขนผมต่อไป ณ ตอนนี้มีตำรวจประมาณ3คนกดผมอยู่ และแล้วผมก็เห็นพี่ทหารเดินมา ตอนแรกผมดีใจนึกว่าเค้าจะมาช่วยคุยว่าค่อยๆพูดค่อยๆจาก็ได้ แต่กลับไม่ เค้ามาช่วยตำรวจจับกด แล้วใส่กุญแจมือข้างขวาผม ส่วนอีกข้างใส่ที่ข้อมือทหาร  แล้วก็กระชากข้อมือผมด้วยกุญแจมือซึ่งบาดเละเทะไปหมด พอยืนขึ้นคุณตำรวจก็ล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงผมเอากุญแจรถแล้วจับผมยัดเข้ารถตัวเองโดยมี4คนนั่งประกบ ข้างหน้าตำรวจสองคน ผมนั่งเบาะหลังตรงกลาง ตำรวจอีกคนนั่งฝั่งซ้าย ขวาเป็นทหารโดนยังคงมีกุญแจมือเชื่อมกันอยู่ ตอนอยู่ในรถผมก็บอกพี่ทหารว่า "พี่เอากุญแจมือออกได้ไหม ผมไม่คิดจะหนีอยู่แล้วพวกพี่นั่งประกบผมซ้ายขวี ผมให้ความร่วมมือดีมาโดยตลอด ผมเจ็บ มันบาดผมเลือดไหลหมดแล้ว" แต่สิ่งที่ทหารตอบกลับคือ "เงียบๆไปเลยไอ้สัส อย่ามาสำออยแค่นี้ กูเป็นทหารกูเจ็บมามากกว่าเยอะ กูยังไม่บ่นเลย" และระหว่างนั้นเค้าก็ตบๆผม ผมพอเข้าใจครับว่าพี่ทหารมาทีหลังอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นอาชญากรถึงโดนรวบลงกับพื้น พอมาถึงที่สน.ทุ่งสองห้อง ตรงย่านหลักสี่ ก็ดำเนินเรื่องตามปกติแล้วสี่คนนั้นก็กลับไป พี่ตำรวจที่สน.เห็นยังตกใจว่าเราไปโดนอะไรมา ผมก็เล่าให้ฟัง พี่ตำรวจที่สน.นี้ค่อนข้างดีเลยครับ เค้าพูดจาและปฏิบัติกับผมดีมากเหมือนเราเป็นมนุษย์ร่วมกัน เค้าก็พูดทำนองว่า "พวกพี่สน.ทุ่งสองห้อง ไม่เกี่ยวกับพวกที่ด่าน อันนั้นมันตำรวจจราจรกลาง" ในใจผมก็รู้ว่าเค้าไม่อยากว่าตำรวจด้วยกัน แต่ก็ออกตัวว่าไม่เกียวกัน

ผมรู้สึกแย่มาก จึงโทรหาคุณแม่ ผมโทรไปด้วยน้ำตาร้องไห้ ซึ่งปกติลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ แต่อันนี้ไม่ไหวจริง คุณแม่ก็เลยรีบมาที่สน. แล้วก็ตกใจกับสภาพผม ซึ่งคือเละมาก ผมใส่ชุดสีขาววันนั้น แต่สภาพอย่างกับคนจรจัดมอมแมมไปหมดเลือดออกไปหมด คุณแม่แทบจะร้องไห้

ผิดส่วนผิดเรื่องแอลกอฮอล์ แต่ทำไมถึงทำเกินกว่าเหตุ คือผมมาคนเดียว ผมให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง ไม่ได้กวนตีนหรือกร่างอะไรเลย แต่สิ่งที่ผมโดนกระทำอย่างกับไม่ใช่มนุษย์ ทำอย่างกับผมโดนจับเรื่องยาเสพย์ติด มีอาวุธปืน ฝ่าแหกด่าน ฆาตกร ข่มขืน โดนหมายจับ แต่นี่คือไม่ใช่เลยมันเป็นเรื่องเล็กๆ ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆคือเค้าดูสะใจกันมาก ผมมาคนเดียวให้ความร่วมมือดี ยอมทุกอย่าง แต่ทำเหมือนเป็นอาชญากรที่โดนหมายจับ ถึงขั้นนั่งรถมาส่งที่สน.จะต้องมี4คนประกบใน1คัน ผมเจ็บใจมากครับและจิตตก เหมือนโดนทำร้ายร่างกาย แขนขวาผมบวมข้ามคืนจนนิ้วชี้และนิ้วโป้งไม่รู้สึกอะไรเลย สามารถเอาเข็มจิ้มได้โดยไร้ความรู้สึก ปวดมาก รอยกุญแจมือบาดอย่างกับ คนที่คิดจะฆ่าตัวตายแล้วกรีดข้อมือเละ หน้าผมเป็นรอยห้อเลือดแดงยาว หูขวาผมแดงและเลือดออก แขนซ้าย ไหล่ หลัง คอ สะโพก หัวเข่า หน้าแข่ง ขาพับด้านใน เท้า ถลอกช้ำเลือดออกหมด ขนาดผมใส่ขายาว ขายังถลอกได้
วันรุ่งขึ้นผมไปหาหมอ พยาบาลตกใจว่าไปโดนอะไรมา โชคดีที่คุณหมอเอ็กซ์เรย์แล้วกระดูกที่แขนไม่หักไม่ร้าว แต่อักเสบอย่างรุนแรงบวมปวดและแดงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความอายผมโกหกคุณหมอว่าตกบันไดมาเพื่อเอ็กซ์เรย์แขน แต่คุณหมอก็ถามเองว่า นี่ไม่น่าจะใช่ตกบันไดนะ ดูสภาพโดยรวมเหมือนคนโดนทำร้ายร่างกาย

ผมอยากจะแจ้งความกลับมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณตำรวจเหล่านั้นชื่ออะไร ยศอะไร รู้แค่ว่าเป็นตำรวจจราจรกลางและตั้งด่านตรงนั้น
ผมขอมาแชร์ประสบการณ์ความจริงของคนบ้าอำนาจ ทำร้ายร่างกายกันเกินเหตุ คุณแม่ไม่อยากเอาเรื่อง แต่พี่สาวๆและเพื่อนๆผมบอกให้เอาเรื่อง แบบนี้ไม่ไหว สภาพเหมือนคนโดนซ้อมมา แต่ในใจผมก็อยากเอาเรื่อง แต่คิดอีกมุม ก็ปล่อยผ่านไปเถอะ ไม่อยากจะจองเวรจองกรรมกัน ถือว่าฝาดเคราะห์

ผมมีรูปมาแชร์ ในรูปอาจจะถ่ายไม่หมดทุกจุดที่เปนแผลครับ และบอกเลยว่าสภาพจริงแย่กว่าในรูปเยอะ เพราะในรูปมันยังอักเสบไม่มาก ซึ่งตอนนี้อักเสบขึ้นอีกเยอะครับ ผมขอฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆระวังกันด้วยนะครับ ผมมาคนเดียวถึงโดนแบบนี้ ถ้าอยู่กันหลายคนอาจจะไม่เป็นแบบนี้
ผมไม่เคยคิดครับว่าผู้รักษากฎหมาย ตำรวจจะสามารถเลวต่ำทรามได้ขนาดนี้

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ณ ตอนนี้ผมก็ต้องใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาว เพราะเวลาเดินไปไหนทุกคนมองหมดครับ แผลเหมือนไปมีเรื่องชกต่อยหรืออุบัติเหตุรถชนมา

ขอบคุณครับ


คืนแรกหลังจากที่โดนครับ


วันแรกหลังจากโดนครับ


วันที่สองหลังจากที่โดนครับ


วันที่สาม


สน.ทุ่งสองห้อง ช่วงหลักสี่


ขอบคุณครับ
และอัพเดทล่าสุด จขกท.ได้แจ้งว่า ได้ไปคุยกับตำรวจที่สน.ทุ่งสองห้องแล้วครับ เค้าก็ไปสืบมาให้อยู่ครับว่าผู้ที่รับผิดชอบการตั้งด่านตรงนั้นคือใคร เค้าบอกอีกว่าออฟฟิศของตำรวจจราจรกลางอยู่ที่สน.วิภาวดี อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงนั้นจริงๆรึป่าว

ทางตำรวจที่สน.ทุ่งสองห้องบอกอีกว่า "คดีเล็กน้อย ไม่ควรใช้กำลังขนาดนี้ และตอนคืนนั้นหลังจากที่รับเรื่องต่อมาจากจราจรกลางเราก็ให้ความร่วมมือดี"

ผมอยู่คนเดียว และโดยส่วนตัวผมเป็นคนเจี๋ยมเจี๊ยมอยู่แล้ว ต้องใช้กำลังถึงขั้นนี้หรือ
และถ้าสมมุติ (แค่สมมุตินะครับ) ว่าผมพูดจาไม่ดี จำเป็นต้องใช้กำลังขนาดนี้ไหมในเมื่อผมยอมเป่าและยอมรับผิด
อีกคนที่ผมได้ไปขึ้นศาลมา เค้าไม่ยอมเป่า ศาลเลยสั่งให้ติดเครื่องติดตามGPSที่ข้อเท้าเป็นเวลา2สัปดาห์ โดยให้อยู่ที่บ้านช่วงเวลา 22.00-04.00เท่านั้น กรณีนี้คือเค้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ
แต่ของผมกลับตรงกันข้าม คิดซะว่าโชคร้ายฝาดเคราะห์ก่อนวันเกิดไปครับ