วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สาวไทยในอเมริกา ประสบเหตุรถชน แชร์เรียกร้องความเป็นธรรม ในระบบภาคดูแล

สาวไทยในอเมริกา เรียกร้องความเป็นธรรม ในระบบภาคดูแลผู้ประสบเหตุรถชน
สาวไทยในอเมริกา ประสบเหตุรถชน แชร์เรียกร้องความเป็นธรรม ในระบบภาคดูแล

 เจ้าของกระทู้นามว่า ขายซาเล๊งไปเซ็งร้านทอง ตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ การทำงานของภาคเกี่ยวข้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุในท้องถนนในอเมริกา
 ASN Broker มิได้ต้องการวิพากษ์หรือวิจารณ์ใคร เพียงแต่นำเรื่องราวที่แชร์ในบอร์ดสาธารณะ มาให้อ่านเพื่อเปิดโลกทัศน์และพิเคราะห์ด้วยตัวท่านเอง
 โดยเจ้าของกระทู้ ประสพเหตุรถชนจนทำให้เข้าโรงพยาบาล โดยเริ่มต้นไม่มีผู้ใดตามเรื่องคนผิดให้ หรือแม้แต่ประกันของคู่กรณีในอเมริกา
**********************************
 กว่า 80วันหลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการที่ต้องตกเป็นเหยื่อของอุบัติเหตุชนแล้วหนี (Hit-and-Run)โดยที่ตลอดเวลาไม่สามารถทำงานได้และไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ นอกจากไม่มีเงินช่วยเหลือแม้แต่บาทเดียวแล้วคดีความก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ฉันเฝ้าพยายามโทรฯติดต่อตำรวจเพื่อรับทราบความคืบหน้าของคดีแต่ไม่เคยได้ข้อมูลอะไร ไม่มีการโทรฯกลับ บางทีก็โดนกระแทกสายใส่ บางทีก็เจอคำถามที่ทำให้ เจ็บ จุกจนตัดสินใจเลิกโทรฯ ปลงและพยายามปล่อยวาง

 ผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีรายได้อื่นใดและภาระลูกที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยสองคน สภาพร่างกายที่บอบช้ำและอาการ Herniated Disc ตั้งแต่ C-1 ไปจนถึง L-5 สภาพจิตใจย่ำแย่จนสุดจะบรรยายฉันได้ตัดสินใจส่งหนังสือร้องทุกข์ไปที่ออฟฟิศของ Mayor ประจำ County ที่ฉันมีถิ่นอาศัยอยู่ ปาฎิหารย์มีจริง หลังจากติดต่อ Mayor เพียงไม่ทันข้ามสัปดาห์ตำรวจ ต่างพากันโทรฯมาหาฉันจนรับสายไม่ทัน โทรฯมาแม้กระทั่งนอกวันและเวลาราชการ ขยันขึ้นมาแบบตาลีตาเหลือก ซุกเรื่องใต้พรมมาเป็นเดือนๆพอโดนร้องเรียน ตะลีตะลานเอาผักชีมาโรยหน้า ไม่น้อยหน้าประเทศโลกที่สามที่พวกเขาพากันเรียกขานประเทศไทย จะว่าไปก็ไม่โทษตำรวจ ไม่โทษตัวคนแต่เพราะ....(ไม่ขอพูดต่อในจุดนี้)

 ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเรื่อง 911; เมื่อมีการโทรฯแจ้ง 911 ไม่มีกฏหมายหรือข้อบังคับใดๆว่าตำรวจ...ต้อง...มาที่เกิดเหตุ ไม่เชื่อว่านี่คือความจริงจนกระทั่งได้ฟังจากปากทนาย, ตำรวจ พนักงานกู้ภัย/ดับเพลิง หมอที่เข้ารับการรักษาด้วยและพนักงาน ER เคยคิดและเชื่อว่าตำรวจ Obligated ที่จะต้องมาแต่นั้นมันเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก

 ตอนเกิดเหตุโทรฯแจ้ง 911 ตำรวจก็ไม่มา หลังจากการเกิดเหตุ เป็นเดือนๆฉันโทรฯถามความคืบหน้าก็ไม่เคยได้คำตอบ ระยะหลังๆไม่มีการรับสาย ไม่โทรฯกลับ แล้วจะให้ผู้เสียหายอย่างฉันทำอย่างไร? ต่อไปนี้ใครหน้าไหนมาเรียกประเทศไทยว่าประเทศโลกที่สามฉันจะชี้หน้าด่าพร้อมกับบอกเล่าถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉันในอุบัติเหตุหนนี้และบอกให้มันหุบปากไปเสีย ปกติก็ไม่เคยอวยฝรั่ง(แถมอคติและข่มเขามาตลอด)อยู่แล้ว

 อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดแต่การเมาแล้วขับไม่ใช่อุบัติเหตุ การหลบหนีจากที่เกิดเหตุมันคือความผิดอาญา -Felony hit and run  แต่กระทั่งวันนี้ผู้กระทำผิดก็ยังไม่ถูกจับกุมและถ้าฉันไม่ทำหนังสือร้องทุกข์คดีนี้ก็จะเป็นแค่กระดาษไม่กี่แผ่นที่กองรวมกับอีกหลายหมื่นหลายพันแผ่นในตู้เอกสารที่แผนก Traffic Homicide Unite; ตั้งชื่อได้น่าเกรงขามแต่ได้เห็นการทำงาน(ในเคสของฉันเอง)แล้วเสียดายภาษี กฏหมายล้าหลังเอื้อประโยชน์ให้ผู้กระทำผิดและ ช่องโหว่อีกมาก และคำพูดที่ว่า งานเรายุ่ง เคสหนักๆสำคัญๆมีอีกมาก เคสมโนสาเหร่รอไปก่อน

 การเคลมประกัน ; No fault States Law, ใครอาศัยอยู่ใน 1 ใน12 รัฐเหล่านี้ควรหาข้อมูลและซื้อประกันที่ครอบคลุมใว้ด้วยจะได้ไม่ต้องมาเสียใจและทนทุกข์ทรมานแบบฉันและลูก ฉันซื้อประกันแบบ Full Covered มาตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเท้าเข้าอเมริกาแต่เมื่อสองเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ: ฉันไม่เคยมีอุบัติเหตุ ไม่มีประวัติการขับรถไม่ปลอดภัย ความชะล่าใจ ทำให้ฉันยกเลิก Full Covered ไปแล้วก็เกิดอุบัติเหตุทันทีก็ว่าได้ นี่หล่ะที่เขาว่ากันว่า  Shit Happen

 Link ข้อมูล No fault States: http://www.iii.org/issue-update/no-fault-auto-insurance

 เมื่อฉันไม่มี Full Covered แล้วเกิดการบาดเจ็บหนัก(ค่า ER คืนเดียวเฉียดหมื่น$)การเคลมประกันมันเปรียบเสมือนการทำศึกอันยิ่งใหญ่ Insurance Adjustor ทำงานตามอารมที่เขาอยากทำ ไม่อยากทำเขาก็ไม่เดือดร้อนใดๆทั้งสิ้น เพราะคนชนหลบหนีไปฉันและผู้เสียหายอีกคนต้องใช้เวลา(ออกค่าใช้จ่ายกันเอง)ถึง 2 สัปดาห์จึงได้ข้อมูลประกันของเขา ได้มาแล้วก็ไม่ใช่จะง่าย เมื่อโทรฯไปบ.ประกันของคนผิดพนักงานบอกว่าไม่มีผู้เอาประกันชื่อนี้ นามสกุลนี้!! บรรลัยแล้วไหมหล่ะ คุยกับผู้เสียหายอีกคน(สมมุติชื่อคุณเอ) คุณเอเดือดมากโทรฯ ๆ ๆ ๆ จนในที่สุดได้ข้อมูลมา นี่คือเหล่ห์เหลี่ยมอันน่าเกลียดน่ากลัวที่บ.ประกันนำออกมาใช้ อดสูกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว วันนั้นเราสองคนพากันโทรฯตั้งแต่ประมาณ 10 โมงเช้า ดูประวัติการโทรฯออกถึงได้เห็นว่าครั้งสุดท้ายในเวลาเกือบ 6 โมงเย็น

 ได้ข้อมูลมาแล้วบ.ประกันคุณเอ(บ.เดียวกันกับของฉันแต่ไมมีการประสานงานกันทั้งสิ้น)ได้จัดการเคลียร์เรื่องความเสียหายให้คุณเอ ความเสียหายของคุณเอเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับฉัน เพียงไม่กี่วันคุณเอก็ได้รับการชดเชยทุกอย่าง แต่ฉันต้องโทรฯตามจิกตามล่ากันต่อจนอ่อนใจ และจนวันนี้

 บ.ประกันผู้กระทำผิดก็ไม่ยิ่งหย่อนกัน Adjustor  ปากไม่มีหูรูดอีกต่างหาก ฉันโดนกดดันมาก คำพูดที่เขาใช้เลวร้ายไปกว่านั้นไม่มีอีกแล้ว ฉันเขียนEmail ส่งไปบอกกล่าวเขาตามที่พิมพ์มาก่อนหน้า ฉันเคยได้ขอให้ทำการบันทึกการสนทนาใว้ด้วยแต่ถูกปฎิเสธ  จนในที่สุดฉันปฎิเสธที่จะรับการ Treat แบบนั้น และไม่พูดคุยเจรจาด้วยนอกจากการพูดคุยนั้นๆจะทำผ่านล่าม ฉันมาอยู่อเมริกาตัวคนเดียวจะยี่สิบปีแล้วภาษาไม่ใช่อุปสรรค แต่เหตุผลที่ต้องขอล่ามเพราะต้องการมีบุคคลที่สาม เป็นพยานรับรู้ความเป็นไป ในสิ่งที่เขากระทำต่อฉัน ฉันไม่มีปัญหาการสื่อสาร แต่ฉันขอล่ามมาเป็นพยาน เพื่อเป็นการปกป้องตัวฉันเอง ที่ผ่านมาโดน Treat แบบไม่เป็นธรรมต่อไปข้างหน้าไม่แน่ใจจะเกิดอะไรขึ้น !!

 ใครจะเชื่อว่าทุกสิ่ง ทุกตัวอักษรเป็นความจริง ความจริงที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ที่ชื่อ  United State of America ถึงจุดนี้ ฉันในฐานะผู้เสียหายที่พยายามจะ work กับบ.ประกันให้รวดเร็ว เที่ยงตรงแต่โดนเล่ห์เหลี่ยมของคนทำงานบ.ประกัน ความล่าช้าของคดีทำให้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นใดแต่ต้องตัดสินใจจ้างทนายความ

 3 วันก่อนวันครบรอบ 3 เดือนแห่งการเกิดอุบัติเหตุ , หนึ่งอาทิตย์หลังจากติดต่อ mayor ฉันได้มีโอกาสบอกเล่าความทุกข์ทรมานที่ฉันและลูกถูกยัดเยียดให้แบบเหี้ยมโหดและไม่เป็นธรรม ฉันได้บอกตำรวจว่าฉันไม่เคยต้องการให้ใครมารับผิดชอบฉันดูแลตัวเองและลูกมากว่า 20 ปีแล้วไม่เคยออกปากขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้ร่างกายของฉันได้ถูกทำร้ายทำลายไปแล้ว เงินชดเชยที่ฝ่ายกระทำผิดจะให้มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ของฉัน ที่สำคัญไปกว่านั้นร่างกายของฉันที่ไม่มีวันจะกลับมาดีได้อย่างเก่า ฉันเป็นคนรักสุขภาพและใช้ชีวิตแบบ Healthy มาตลอด รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจฉันเป็นตัวตั้งตัวตีชวนเพื่อนร่วมงานลงแข่งวิ่งมาราธอนและพากันฝึกซ้อมด้วยความมุ่งมั่น แต่ตอนนี้ หลังจากอุบัติเหตุ ผู้หญิงอายุเพิ่งจะขึ้นเลข 4เพียงไม่กี่เดือนอย่างฉันมีสภาพไม่ต่างอะไรจากคนพิการ เงินกี่แสนกี่ล้านก็ไม่สามารถซื้อหาร่างกายที่ดี สมบูรณ์ที่ฉันเคยมีและดูแลรักษามันมาตลอดชีวิตของฉันคืนมาไม่ได้ ความเสียหายนี้ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางเยียวยาได้ แต่เพราะเหตุใดคนทำผิดก็ยังลอยนวล? และตำรวจ; ผู้บังคับใช้กฏหมายไม่ได้มีท่าทีจะใส่ใจ  ฉันะให้นิ่งดูดายอยู่อีกต่อไปหรือ?

 คำแรกที่ฉันพูดกับตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้คือ ฉันต่อสู้มาขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของฉันแต่ผู้เดียว เพราะฉันเชื่อว่าทนายของฉันจะทำหน้าที่ของเขาได้สมกับค่าจ้างที่เขาจะได้รับ แต่ฉันต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ฉันได้รับการเทรนน์มาอย่างหนักทุกๆสามเดือน การเทรนน์ที่เน้นหนักในเรื่อง Alcohol consumption : How to identify and handling the intoxication ที่ที่ทำงานของฉันบังคับให้พนักงานทุกคนต้องได้รับการเทรนน์และผ่านการทดสอบ บวกกับอาการของผู้กระทำผิดฉันเชื่ออย่างสนิทใจเขามีสารมึนเมาอยู่ในร่างกายและมีอาการเมา พยานทั้งสองปากให้การในส่วนนี้ ขอให้ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวสุดท้ายที่ต้องทนทุกข์ทรมานรับกรรมที่ไม่ได้ก่อและใช้กฏหมายขั้นเด็ดขาดจัดการการผู้ทีเมาแล้วขับให้ได้

+++Delayed justice is injustice+++

 รายละเอียดมีอีกมากถ้าจะบรรยายให้ครบหมดคงยาวเป็นมหากาพย์ อาการปวดหัวเริ่มมาและนั่งนานไม่ได้ จะค่อยๆเขียนไปทีละ Subject ลำดับเหตุการณ์และขั้นตอน/ความเป็นไป ปัญหาและอุปสรรคในการเคลมประกัน ,การรักษาตัวและ อีกมากมาย Ugly America ถ้าไม่ได้ประสบพบเห็นด้วยตัวเองจะไม่มีวันเชื่อว่านั้นคือความจริงที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนที่คนหลายคนเรียกขานว่าดินแดนศิวิไลย์แห่งนี้ มันน่าอัปยดอดสูกว่าที่คิด

 1.การเกิดอุบัติเหตุ
 2. ขั้นตอนการเรียกร้องค่าเสียหาย Ugliness of an insurance company and its people
 3. การขอความช่วยเหลือจากรัฐฯในฐานะ Victim of Crime
 4.No fault State; กฏหมายย้อนยุคที่เลวร้ายและล้าหลังกว่ากฏหมายประเทศโลกที่สาม(ที่อเมริกันชน)เรียกขาน ความจริงที่ไม่มีคาดคาดคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น
 5.ทนาย อาชีพที่ไม่มีใครอยากคบหา(ถ้าไม่จำเป็นอย่างสุดวิสัย)
 6. ผู้กระทำผิด ลิ้นสองแฉก โกหกทุกคำพูดเพื่อให้ตนพ้นผิด
 7. 94 วันแห่งการต่อสู้ รอคอยและความทุกข์ทรมาน ในที่สุดผู้กระทำผิดก็ได้รับกรรมที่เขาก่อใว้ ด้วยสองข้อหากฏหมายอาญาแผ่นดินที่รัฐเป็นเจ้าทุกข์

 มันไม่ใช่บทสรุป แต่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ฉันในฐานะผู้เสียหายยังคงต้องต่อสู้กับมันไปอีกยาวนานหลายปี ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้จดหมายร้องทุกข์อีกสักกี่สิบกี่ร้อยครั้งกว่าคดีจะจบ ฉันจะได้รับความเป็นธรรม ได้รับการปฎิบัติต่อย่างถูกต้องเที่ยงตรงหรือไม่ จะต้องเสียน้ำตา เสียโอกาส เสียสุขภาพจิตอีกกี่มากน้อยแค่ไหนก็สุดจะเดา สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ก็คือ ฉันจะไม่ยอมให้ก้มหัวให้ความไม่ถูกต้องอีกต่อไป อนาคตฉันได้จบลงแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว

 หมายเหตุ: เจตนาเดียวที่ฉันเขียนถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ของฉันก็เพียงเพื่อเป็นอุธาหรณ์แก่ผู้อื่น จะไม่มีการให้ข้อมูลอื่นใดของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ขอบคุณค่ะ

เพิ่ม Link; วันเกิดเหตุ http://pantip.com/topic/34111029
ที่มา http://pantip.com/topic/34099405
***************************
หลังจากนั้น ชาวบอร์ดพันทิป ก็มาร่วมแสดงความเห็นใจเจ้าของกระทู้ และแสดงความเห็นต่างๆนา สำหรับเรื่องที่เจ้าของกระทู้นำมาแชร์
ASN Broker (นายหน้าประกันภัยรถยนต์) ขอเป็นกำลังใจให้ จขทก. สามารถแก้ปัญหาต่างๆให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ออกสินค้าใหม่


เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ออกสินค้าใหม่
เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ออกสินค้าใหม่


  นาย ธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า
ครึ่งปีหลังนี้จะร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจประกัน 2-3 ราย
จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เป็นสินค้าเฉพาะของเอเอสเอ็น โบรกเกรอ์
และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมา ทั้งในแง่ราคาและบริการเสริม

  โดยจะเปิดตัวภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อกระตุ้นลูกค้าให้ซื้อประกันเร็วขึ้น
รวมทั้งการที่ผู้ประกอบการรถยนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ปีนี้
เบี้ยประกันจะเพิ่ม 25% จากปีก่อนที่มี 1,100 ล้านบาท

  นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมลงทุนพัฒนาระบบฐานข้อมูลอัจฉริยะ
ที่เป็นฐานข้อมูลระบบไอทีสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลุกค้าได้ละเอียดมากขึ้น
เพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เหมาะกับลูกค้าได้ละเอียดมากขึ้น เพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้
เหมาะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้มีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กกพ. แจง ค่าไฟฟ้ารอบ กย-ธค อาจลดเพียง3สตางค์ จากเดิม 9 สตางค์

กกพ. แจง ค่าไฟฟ้ารอบ กย-ธค อาจลดเพียง3สตางค์ จากเดิม 9 สตางค์
กกพ. แจง ค่าไฟฟ้ารอบ กย-ธค อาจลดเพียง3สตางค์ จากเดิม 9 สตางค์

 แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ 
เรกูเลเตอร์จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.
โดยมีแนวโน้มว่าจะเสนอให้ปรับลดค่าเอฟทีงวดนี้ลง 3 สตางค์/หน่วย
ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ว่าจะสามารถปรับลดลงได้ 9.35 สตางค์/หน่วย

 สาเหตุหลักที่มีการปรับลดค่าเอฟทีน้อยลงกว่าที่คาด เนื่องจากมีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับ 34-35 บาท
/เหรียญสหรัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 33 บาท/เหรียญสหรัฐ แม้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าจะลดลงก็ตาม
แต่เงินที่อ่อนค่าทำให้ลดลงไม่มากนัก

 นอกจากนี้ ผลจากปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้ามีจำนวนน้อย ทำให้ไม่สามารถเกลี่ยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้ลดลงได้
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ค่าเอฟทีในปี 2559 มีโอกาสที่จะลดลงได้ยาก และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหากค่าเงินบาทยังอ่อนตัวลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค. ปรับลดลงไป 9.35 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่ 49.61 สตางค์/หน่วย
ในขณะที่ต้นทุนค่าเอฟทีจริงลดลงได้แค่ 5.69 สตางค์/หน่วย แต่ใช้วิธีเกลี่ยต้นทุนค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. มา 3.66 สตางค์/หน่วย
จากที่ประเมินว่าจะลดลงได้ถึง 13 สตางค์/หน่วย มาคำนวณต้นทุนเอฟทีในรอบที่ผ่านมา
ดังนั้น ค่าเอฟทีรอบสุดท้ายจึงควรจะลดลงได้ 9.35 สตางค์/หน่วย

 ปัจจุบันค่าไฟฟ้าฐานและค่าเอฟทีที่เรียกเก็บจากประชาชนอยู่ที่ 3.76 บาท/หน่วย
 นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธานกรรมการ เรกูเลเตอร์ กล่าวว่า แม้ระดับราคาน้ำมันจะลดลง
สะท้อนไปยังก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า แต่ยังมีปัจจัยภัยแล้ง
และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น
ดังนั้น ค่าเอฟทีงวดนี้จะลดลงเท่าใดต้องพิจารณาให้รอบด้าน

ที่มา : คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รฟม.แจงรถไฟฟ้าทุกสายฉลุยตามแผน สีม่วงนั่งปีหน้า ส่วนแบริ่ง-ปากน้ำเสร็จปลาย59

 รฟม.แจงรถไฟฟ้าทุกสายฉลุยตามแผน สีม่วงนั่งปีหน้า ส่วนแบริ่ง-ปากน้ำเสร็จปลาย59
รฟม.แจงรถไฟฟ้าทุกสายฉลุยตามแผน สีม่วงนั่งปีหน้า ส่วนแบริ่ง-ปากน้ำเสร็จปลาย59

รฟม.มั่นใจรถไฟฟ้าทุกสายเดินหน้าตามแผน สายสีม่วงบางซื่อ-บางใหญ่ รอส่งมอบขบวนรถก.ย.นี้ จากนั้นปีหน้าเริ่มทดลองวิ่งและเปิดบริการเดือนส.ค.59 หรืออาจจะเร็วกว่านั้น สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ คาดเสร็จภายใน 3-4 ปี

 นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางต่างๆ ของ รฟม.มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ การก่อสร้างงานโยธาเสร็จ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการงานระบบรถไฟฟ้าคืบหน้าแล้วประมาณ 72%

 “ขบวนรถไฟฟ้าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ในเดือนก.ย.58-ม.ค.59 จากนั้นใช้เวลาทดสอบระบบประมาณ 4 เดือน หรือประมาณเดือนพ.ค.59 จะเปิดทดลองเดินรถได้ และเดินรถอย่างเป็นทางการในเดือนส.ค.59 อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรัดให้เดินรถก่อนกำหนดตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการเร็วขึ้น”

 ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระนั้น การก่อสร้างคืบหน้า 65% จะทยอยแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดในปี 2561-2562

 นายพีระยุทธกล่าวอีกว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 61% จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี’59 หรือไม่เกินต้นปี’60 ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อรับมอบโอนรถไฟฟ้าเส้นทางนี้ไปให้บริการต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เบื้องต้นอาจต้องร่างเป็นบันทึกเพื่อตกลงร่วมกันก่อน เนื่องจากทาง กทม.จะต้องคืนค่าก่อสร้างทั้งหมดให้กับ รฟม.ด้วย

 “ปัญหาการก่อสร้างบริเวณแยกรัชโยธิน ซึ่งเป็นจุดระหว่างถนนพหลโยธินกับถนนรัชดาภิเษกนั้น รฟม.ได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง กทม.เพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน ซึ่งหากเป็นไปตามแผน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทั้งโครงการให้ต้องล่าช้าออกไปแน่นอน”

 ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าง-สำโรงนั้น เสนอกระทรวงคมนาคมนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้ว หาก ครม.อนุมัติจะเปิดประกวดราคาสายสีส้ม และสายสีม่วงได้ประมาณปลายปี’2559 ขณะที่สายสีเหลือง และสายสีชมพู จะช้ากว่าเล็กน้อย

 ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=743

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

นายก ผุดไอเดีย #บัตรประชาชนแบบใหม่ ระบุอาชีพ-รายได้ต่อปี ชาวเน็ตฮือฮา

นายก ผุดไอเดีย บัตรประชาชนแบบใหม่ ระบุอาชีพ-รายได้ต่อปี ชาวเน็ตฮือฮา
นายก ผุดไอเดีย #บัตรประชาชนแบบใหม่ ระบุอาชีพ-รายได้ต่อปี ชาวเน็ตฮือฮา

 ภาพจาก thaigov
 นายกรัฐมนตรี ผุดไอเดีย บัตรประชาชนแบบใหม่ ใส่ข้อมูลอาชีพ และรายได้ต่อปี ลงในบัตรประชาชน
 เพื่อรัฐบาลจะได้จัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
 ใหสัมภาษณ์หลังเป็นประธานในพิธีเปิดกองทุนการออมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2558 ว่า
 กอช. เป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาลสำหรับให้ผู้มีรายน้อย และแรงงานนอกระบบ มีเงินออมในระยะยาว
 และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองในวัยชรา
 เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด จึงเปิดโอกาสให้ประชาชนจ่ายเงินสมทบและรัฐบาลจะช่วยเหลือส่วนหนึ่ง
 เพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
 นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่มารอเปิดบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ
 พร้อมผุดไอเดียการเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ และรายได้ต่อปี ลงในบัตรประชาชน
 เพื่อให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
 หลังจากนั้น เฟซบุ๊ค Wassana Nanuam ของน.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวบางกอกโพสต์
 ได้โพสคลิปของนายกรัฐมนตรี ขณะพูดคุยกับประชาชน เป็นเวลา 1.06 นาที พร้อมข้อความว่า
 “ฟังเหตุผล ที่ทำไม …นายกฯปิ้งไอเดียระบุ”อาชีพ-รายได้ต่อปี”ไว้บนบัตรประชาชน เผย
 รัฐบาลจะได้รู้ว่าจะต้องช่วยใคร ยังไง ใครต้องเสียภาษี ไม่เสียภาษี ไม่อยากให้เป็นประชานิยม คุย
 กองทุนเงินออมแห่งชาติเป็น บำนาญคนจน ช่วยคนจนจริงๆ ถือเป็นผลงาน ของ รัฐบาล ประยุทธ์1-2-3….
 ตบท้าย ชาวบ้านบอก ขอให้ท่านอยู่นานๆ”
 ต่อมากระแสดังกล่าว ได้กระจายไปในโลกโซเชียล อย่างเช่นทวิตเตอร์ ที่มีการทวีตข้อความเลียนแบบใน
 บัตรประชาชนแบบใหม่ พร้อมติดแฮชแท็ก #บัตรประชาชนแบบใหม่ กันอย่างคึกคัก
 อาทิ


#บัตรประชาชนแบบใหม่ นาย นัท อาชีพ: รักเธอคนเดียว รายได้ต่อปี: ให้เมียทุกบาท
— พี่หมีสวัสดีครับ (@nutyoyo) 21 สิงหาคม 2015
ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=742

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แชร์ประสบการณ์ เวลารถชน แล้วยืนรอประกัน คุยอะไรกับคู่กรณีกันครับ #pantip #StrongerTogether

แชร์ประสบการณ์ เวลารถชน แล้วยืนรอประกัน คุยอะไรกับคู่กรณีกันครับ #pantip #StrongerTogether
แชร์ประสบการณ์ เวลารถชน แล้วยืนรอประกัน คุยอะไรกับคู่กรณีกันครับ #pantip #StrongerTogether

ที่มากจากกระทู้http://pantip.com/topic/34076882 นามล็อคอินchocolatezaza 
ตั้งกระทู้สั้นๆ ว่า เวลารถชน แล้วยืนรอประกัน คุยอะไรกับคู่กรณีกันครับ?
  วันก่อนรถโดนถอยชน คู่กรณีก็ลงมาอิดๆ ออดๆ คือก็รู้ว่าตัวเองผิดแหละแต่ไม่ยอมรับโดยตรง โทษเกียร์กระตุกมั่ง โทษที่จอดมืดมั่ง เราก็เริ่มเซ็งๆ ล่ะ ท่าทางจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่องรอให้ประกันคุยดีกว่า
ระหว่างยืนรอประกัน 15-20 นาที ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับคู่กรณีดี รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยๆ ยืนเก้ๆ กังๆ ตั้งนานกว่าประกันจะมา

เพี้ยนแว๊น

  ท่านอื่นมีประสบการณ์การยืนรอประกันกับคู่กรณียังไงบ้างครับ ทั้งคู่กรณีที่คุยรู้เรื่อง เข้าใจสถานการณ์ใครผิดถูกว่าไปตามจริง กับพวกที่โยนความผิดให้เราทั้งๆ ที่เราไม่ผิด

  หลังจากนั้น ก็มีผู้เข้ามาแชร์ประสบการณ์กันมากมาย ASN Broker(ผู้ให้บริการประกันภัยรถยนต์) ขอคัดมาเฉพาะที่เด่นๆนะครับ

คห.2 นามล็อคอินเด็กแหนมเล่าว่า 
  ชับรถมายี่สิบกว่าปีไม่เคยมีโอกาสคุยกับคู่กรณีเลยค่ะ   ตายหมด.....
  เฮ้ย....ไม่ใช่

 มีครั้งหนึ่งตอนเพิ่งหัดขับรถ มีมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาชนข้างรถ
  แต่นั่นก็ไม่ได้คุยค่ะ คู่กรณีกระเด็นขึ้นหน้ารถแล้วตกข้างรถ สลบค่ะ ไปฟื้นโรงพยาบาล
  แล้วพ่อกับน้าเขยเป็นคนคุย เงินคุยด้วยค่ะ ควักจ่ายมือเป็นระวิง
 http://pantip.com/topic/34076882/comment2
 *อันนี้ASNBrokerว่าตรงกับชีวิตจริงเกิ๊นนนเรื่องควักจ่ายมือเป็นระวิงเนี่ยเป็นกันทุกคนครับ^_^ 

  และก็มีคอมเม้นท์ ที่ทำให้เรารู้ว่า บางครั้งอุบัติเหตุ อาจทำให้เกิดมิตรภาพดีๆได้ เช่น คห.10 ล็อดอินนามว่าFuture is on my hand 
 เคยโดนรถจอดอยู่ จะออกตัว หักมาเลนผม(เขาหลบมอไซค์ที่จอดอยู่หน้าเขาเช่นกัน)  ขูดรถผมเต็มๆ ผมกำลังจะถึงบ้านแล้ว (เหตุเกิดปากซอยบ้านเอง)  ตอนนั้นโมโหมาก ตะคอกทันที ขับไรไงวะ ไมไม่ดู รถก็ติด ยังจะมาเบียดอีก

เขา(เป็นผู้ชาย)ก็ขอโทษครับๆ เราเลยใจเย็นลงแล้วบอกเขาไปจอดข้างหน้า


  จากนั้นรู้สึกผิดผมเลยเดินไปซื้อล็อตเตอรี่ ข้างๆ ที่จอด(จอดรถรอประกัน) แล้วเอาไปให้เขาบอก ถ้าถูกเอามาแบ่งผมด้วยนะ แล้วก็หัวเราะ เขาก็ขำ ยิ้มๆแล้วรับไปแล้วผมก็ขอโทษเขาที่พูดจาอารมย์ร้อนมากไปหน่อย
http://pantip.com/topic/34076882/comment10


และอีกความเห็นนึง ที่หลายๆคนเคยต้องเจอกันบ้างในชีวิต คห.24 รบกวนช่วยกดหลงรักเล่าว่า
เค้าไม่ยอมคุยค่ะ หนีอย่างเดียว
ทุกวันนี้ก็ยังอยากคุยกับเค้าอยู่
 http://pantip.com/topic/34076882/comment24
*แอดมินก็ยังอยากเจอเค้าคนนั้นอยู่เหมือนกันครับTT(เศร้า)

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สมาคมประกันชีวิต พร้อมคุ้มครองผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดราชประสงค์ #BangkokBlast

สมาคมประกันชีวิต พร้อมคุ้มครองผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดราชประสงค์ #BangkokBlast
สมาคมประกันชีวิต พร้อมคุ้มครองผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดราชประสงค์ #BangkokBlast

จากกรณีเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ 
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก สมาคมประกันชีวิตไทยขอให้ความมั่นใจว่า
หากผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันชีวิต
บริษัทจะจ่ายเงินค่าสินไหมประกันชีวิตหรือเงินค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองที่ระบุตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย
ให้โดยเร็ว ขอให้ผู้รับประโยชน์ ทายาท หรือผู้เอาประกันภัย
เร่งนำหลักฐานมาติดต่อขอรับเงินได้กับบริษัทประกันชีวิตที่ได้ทำประกันชีวิตไว้
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมาคมประกันชีวิตไทยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ
เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ โดยผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิด
จะได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย
จึงขอให้ผู้รับประโยชน์หรือทายาทรีบยื่นหลักฐานการเสียชีวิตไปยังบริษัทประกันชีวิตที่ได้ทำประกันชีวิตไว้
สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว หากได้ทำประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุไว้
ขอให้รีบแจ้งให้บริษัททราบ ทั้งนี้ เพื่อที่บริษัทประกันชีวิตจะเร่งจ่ายเงินตามเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ทำไว้ โดยเร็ว
ทั้งนี้ สมาคมประกันชีวิตไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ประสบภัย
และขอส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
ผู้ใดประสงค์จะทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์ 0-2679-8080 ต่อ 561-563

http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=740

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ด่วน! เกิดเหตุปาระเบิดท่าเรือสาทรเกิดตอน 13.20น.ล่าสุด ปิดถนนช่วงท่าเรือสาทรและ BTS ตากสิน ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ

ด่วน! เกิดเหตุปาระเบิดท่าเรือสาทรเกิดตอน 13.20น.ล่าสุด ปิดถนนช่วงท่าเรือสาทรและ BTS ตากสิน ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
ด่วน! เกิดเหตุปาระเบิดท่าเรือสาทรเกิดตอน 13.20น.ล่าสุด ปิดถนนช่วงท่าเรือสาทรและ BTS ตากสิน ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
    
  
  เกิดเหตุปาระเบิดท่าเรือสาทรเกิดตอน 13.20น.ล่าสุด ปิดถนนช่วงท่าเรือสาทรและ BTS ตากสิน ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
  ตอนนี้ จนท.ทหาร กำลังทำการปิดถนน ช่วงท่าเรือสาทร และบริเวณ BTS ตากสิน เพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน
  ผู้เห็นเหตุการณ์ แจ้งว่า คนปา อยู่บนสะพาน ตั้งใจปาลงตรงสะพานคนข้าม บริเวณจุดจอดรถสองแถว ท่าเรือสาทร แต่พลาดเป้า ติดราวสะพาน ทำให้ระเบิดตกลงน้ำ และระเบิดทำ จึงดันน้ำพุ่งกระจายขึ้นมา ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ส่วนคนร้ายหนีไปได้ คาดว่าอาจใช้ จยย.มุ่งหน้าไปทางแยกวิทยุ (ว.8 สีลม20)

ภาพ .วรจักร 804

ซิ่งแว๊นชนคนตาย.....ไม่มีสำนึกไม่มาขอขมาแถมยังด่าคนตาย #pantip

ซิ่งแว๊นชนคนตาย.....ไม่มีสำนึกไม่มาขอขมาแถมยังด่าคนตาย #pantip
ซิ่งแว๊นชนคนตาย.....ไม่มีสำนึกไม่มาขอขมาแถมยังด่าคนตาย #pantip
ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์)ขอพักเรื่องราว เหตุการณ์ที่ราชดำริ มาเกาะอีกหนึ่งกระแสในสื่อพันทิป  
ล็อคอินนามว่าแพนโทร่าชายชราอารมณ์ดีตั้งกระทู้ขึ้นเพราะมีน้องๆเพื่อนๆของผู้เสียชีวิตฝากมา โดยรายละเอียดเกี่ยวกับ
  ผู้เสียหายถูกคู่กรณีซึ่งขับมอเตอร์ไซด์ตามหลังรถยนต์กับรถกระบะมาด้วย
  ความเร็วสูงก็แซงขวารถทั้งสองคันข้ามมาในเลนที่สวนทาง จึงมาชนกับน้องพลอยที่จอดรอข้ามอยู่เต็มๆ
  จากการชนทำให้น้องพลอยได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุ
  ส่วนตัวคู่กรณีได้รับบาดเจ็บไม่มากสามารถลุกยืนพูดคุยได้หลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเหตุให้มีปัญหาตามมาดังนี้

************************************

  ขอเริ่มด้วยการไว้อาลัยแก่น้องผู้เสียชีวิตก่อนครับ ขอให้น้องพลอยไปสู่สุคติขอให้สงบกับการจากไปในครั้งนี้
น้องจะเป็นที่ระลึกถึงคุณพ่อคุณแม่ของพี่ๆเพื่อนน้องๆไปตลอดแม้ชีวิตจะสั้นแต่ความทรงจำจะคงอยู่ต่อไปครับ
  (รูปนี้เป็นรูปน้องพลอยผู้เสียชีวิตนะครับ) ASN Broker ขออนุญาตไม่นำลงนะครับ ถ้าต้องการดูกรุณากดลิงค์ที่มาด้านล่างครับ
  กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพราะมีน้องๆเพื่อนๆของผู้เสียชีวิตฝากมา
  เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดลพบุรีวันที่ 14 ส.ค. บริเวณถนนสายหลังราชภัฎเทพสตรีมีอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ชนกัน
  ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนเป็นน้องนักศึกษาเทคโนโลยีสารสนเทศของ ราชภัฎเทพสตรีชื่อน้องพลอย
  จากคำบอกเล่าของพยานและเพื่อนๆของน้องที่อยู่เหตุการณ์อธิบายว่า
  ถนนเส้นนี้เป็นเลนรถสวน น้องพลอยขับมอเตอร์ไซด์ในเลนของตนเองแล้วมาจอดรอตรงกึ่งกลาง
  เพื่อจะข้ามไปจอดมอเตอร์ไซด์ริมทางในฝั่งตรงข้าม ขณะนั้นเลนตรงข้ามที่ก็มีรถยนต์กับรถกระบะ
  วิ่งสวนมาน้องพลอยก็จอดรอ ปรากฎว่าคู่กรณีซึ่งขับมอเตอร์ไซด์ตามหลังรถยนต์กับรถกระบะมาด้วย
  ความเร็วสูงก็แซงขวารถทั้งสองคันข้ามมาในเลนที่สวนทาง จึงมาชนกับน้องพลอยที่จอดรอข้ามอยู่เต็มๆ
  จากการชนทำให้น้องพลอยได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุ
  ส่วนตัวคู่กรณีได้รับบาดเจ็บไม่มากสามารถลุกยืนพูดคุยได้หลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเหตุให้มีปัญหาตามมาดังนี้

    หลังจากเกิดเหตุทางเพื่อนๆและคนในเหตุการณ์ก็ได้ติดต่อหารถกู้ภัย และเข้าคุมตัวคู่กรณีไว้
  มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขอใบขับขี่ของคู่กรณีเผื่อมีปัญหา ตัวคู่กรณีก็อ้างว่า ใบขับขี่โดนยึด
  จึงได้ทำการขอบัตรประชาชนของคู่กรณีมาเพื่อถ่ายไว้เป็นหลักฐาน คู่กรณีก็ย้อนมาว่า
  " ต้องชูสองนิ้วด้วยมั้ยพี่??!! " เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อยจึงเอาบัตรประชาชนของคู่กรณี
  มาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานได้ จึงรู้ว่าคู่กรณีเป็นเยาวชนอยู่ ก็เลยจัดการไปติดต่อตำรวจแจ้งความ
  แจ้งข้อกล่าวหากันที่โรงพัก (ขณะนั้นน้องพลอยยังไม่เสียชีวิตกำลังเข้าห้องฉุกเฉิน)
  คู่กรณีให้การกับตำรวจอ้างว่าน้องพลอยเป็นฝ่ายตัดหน้าเอง และตนเองขับมาไม่เร็วมาก
  แค่ประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ในสภาพการณ์ที่เป็นจริงพยานในพื้นที่บอกตรงกันว่า
  คู่กรณีขับมาค่อนข้างเร็วมากและพอชนกับน้องพลอยแล้วแรงปะทะรุนแรงขนาดลากน้องพลอยติด
  ไปกับมอเตอร์ได้ไกลกว่าเกือบสิบเมตร ซึ่งเรื่องนี้ก็ให้เป็นปัญหาของทางตำรวจไป
  หลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเป็นที่เรียบร้อยแล้วพอลงมาจากโรงพักตัวคู่กรณีก็ทำกิริยา
  ไม่ค่อยพอใจและมีการว่าร้ายกันอีกนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกันไป
  (รถจักรยานยนต์ของคู่กรณี ดูจากสภาพแล้วคงไม่น่าขับแค่ 60 กม./ชม. เมื่อเทียบกับออฟชั่นที่มีแล้ว)
  
  ต่อมาน้องพลอยก็เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล ทางครอบครัวน้องและเพื่อนๆก็จัดการตระเตรียมงาน
  หลังจากเริ่มตั้งศพน้องพลอยที่วัดจนมาถึงวันนี้ (17 ส.ค.) ทางตัวคู่กรณีก็ยังไม่ได้มาไหว้เคารพศพ
  จนวันพรุ่งนี้จะเผาน้องพลอย แล้วซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางเพื่อนๆพี่ๆน้องของน้องพลอยก็ไม่ค่อยพอใจอยู่แล้ว
  และปรากฎในเวลาต่อมามีผู้ส่งบทสนทนาระหว่างผู้ตายกับแฟน และเพื่อนมาให้กลุ่มเพื่อนน้องพลอย
  ให้เห็นว่าตัวคู่กรณีและคนรอบตัว(บางคน)แทนที่จะสำนึกผิดหรือคิดได้กลับพูดจาเรื่องผู้ตายในทางสนุกปาก
  โดยไม่ได้มีท่าทีสำนึกเลยว่าตนเองทำให้ชีวิตของคนๆนึงต้องสูญเสียไป
  อันนี้เป็นที่ตัวคู่กรณีคุยกับเพื่อนบนเฟสบ็ค
  
อันนี้เป็นบทสนทนาของคู่กรณีกับคนรัก
  
  จริงๆยังมีอีกหลากหลายบทสนทนาที่เป็นไปในแง่ทางที่ไม่เหมาะสมและไม่มีความสำนึกอยู่ในความคิด
  ของตัวคู่กรณีเลย และภาพดังกล่าวก็ได้เริ่มมีการส่งต่อกันไปในชาวลพบุรีแล้วระดับหนึ่ง
  ทางตัวแฟนของคู่กรณีก็ออกมาแก้ตัวว่า ตัวคู่กรณีได้รับบาดเจ็บจึงไม่สามารถไปร่วมงานได้
  ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นที่ประจักษ์กับคนในที่เกิดเหตุอยู่แล้วว่า ตัวคู่กรณีนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากเลย
  ตัวผมเองพอได้รับฟังเรื่องราวมาทั้งหมดแล้วก็เห็นว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีการสำนึกเสียใจเลย
  และด้วยการร้องขอของเพื่อนๆและรุ่นพี่ของน้องพลอยหลายๆคนเลยตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ให้แม้ว่าจะเสี่ยงโดนด่าเอง
  แต่อยากใช้พื้นที่บนโลกสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ทวงหาความรับผิดชอบให้แก่บุคคลที่จากไปไว้ที่นี้จริงๆครับ
 
  ขอให้น้องพลอยอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนตลอดไป RIP.PLOY.IT56

ASN Broker ขอนำมาแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับการใช้สื่อโซเชี่ยลครับ

ที่มา http://pantip.com/topic/34068501

#ระเบิดราชประสงค์ ล่าสุดพบผู้ต้องสงสัย เป็น ชายแขกขาว มือระเบิดราชประสงค์

#ระเบิดราชประสงค์ ล่าสุดพบผู้ต้องสงสัย เป็น ชายแขกขาว มือระเบิดราชประสงค์
#ระเบิดราชประสงค์ ล่าสุดพบผู้ต้องสงสัย เป็น ชายแขกขาว มือระเบิดราชประสงค์

เครดิตภาพจาก @ThanawatLive 
  CCTV เผย ภาพก่อนเกิดเหตุ พบชายต่างชาติวางวัตถุต้องสงสัย ตร. เร่งส่งสายสืบลงพื้นที่ติดตาม
  ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ล่าสุด
 จำนวน 20 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกร้อยกว่าราย
  โดยเมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 18 สิงหาคม รายงานข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยว่า
  ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน
ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดดังกล่าวซึ่งมีอยู่จำนวนมาก
  พบภาพชายต้องสงสัยลักษณะเป็นชาวต่างชาติ "แขกขาว" รูปร่างท้วม สวมแว่นตา
  นั่งรถสามล้อเครื่อง ตุ๊กตุ๊ก จากแยกศาลาแดงวิ่งผ่านแยกราชประสงค์
  ก่อนที่จะกลับรถอย่างรวดเร็วและวิ่งตรงเข้าจอดที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ที่อยู่ใกล้เคียงศาลพระพรหม
  จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ถือกระเป๋าเป้ ลักษณะขนาดใหญ่สีดำและมีน้ำหนักมาก
  เดินตรงเข้ามานั่งที่เก้าอี้ด้านใน ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านหน้าติดรั้วของศาลพระพรหม พร้อมกับวางกระเป๋าเป้
  ไว้ข้างใต้เก้าอี้ โดยที่ไม่มีใครสังเกตและไม่พิรุธแต่อยางใด
  จากภาพวงจรปิดพบว่าชายคนดังกล่าวนั่งอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ลุกขึ้นโดยไม่ได้หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา
  ทำทีเดินคุย และกดโทรศัพท์มือถือและรีบเดินหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังขึ้นและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
  โดยตำรวจได้ส่งสายสืบลงพื้นที่ติดตามชายคนดังกล่าว พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแส
  และเส้นทางที่ชายต้องสงสัยคนดังกล่าวใช้หลังเกิดเหตุ

ทั้งนี้ ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วยครับ และขอประนามการกระทำของบุคคลดังกล่าวครับ
.
ที่มา http://www.asnbroker.co.th

(ข้อมูลจาก innnews) 

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

จราจร ของบ 190 ล้าน เพิ่ม ระบบเครื่องออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ และ ตั้งกล้องจับผิดฝ่าไฟแดงเพิ่ม

จราจร ของบ 190 ล้าน เพิ่ม ระบบเครื่องออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ และ ตั้งกล้องจับผิดฝ่าไฟแดงเพิ่ม
จราจร ของบ 190 ล้าน เพิ่ม ระบบเครื่องออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ และ ตั้งกล้องจับผิดฝ่าไฟแดงเพิ่ม
  นายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการ สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยว่า ในแต่ละปี กทม.
  จะมีโครงการต่างๆเพื่อสนับสนุนกิจการของตำรวจจราจร อาทิ การจัดซื้อเครื่องหมายจราจร
  อุปกรณ์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจร การอบรมงานจราจร การศึกษาดูงาน เป็นต้น
  โดยจะใช้งบประมาณจากเงินค่าปรับที่ได้จากการจับกุมผู้กระทำผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในแต่ละปี
  กทม.จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเฉลี่ย 30-50 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินครึ่งหนึ่งของค่าปรับในแต่ละปี
  และถือว่าเป็นงบประมาณที่ยังน้อยมาก หากเทียบกับการที่จะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์สนับสนุนงานจราจร
  หรือนำไปพัฒนาและแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ

  อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินการพัฒนาระบบงานจราจรนั้น ทาง กทม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
  ได้มีการประชุมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขการจราจรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  ในส่วนของการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ทางตำรวจท้องที่จะแจ้งความประสงค์มายัง กทม.

  


  เพื่อขอสนับสนุนอุปกรณ์จราจรต่างๆ นอกจากนี้ กทม.ยังจะต้องจัดเตรียมงบประมาณเพื่อดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงงานจราจร
  เช่น อุปกรณ์การจราจรที่ชำรุดเสียหายจากอายุการใช้งาน หรือถูกเฉี่ยวชนได้รับความเสียหาย เฉลี่ยประมาณปีละกว่า 10 ล้านบาท
   
สำหรับโครงการที่ตำรวจจราจรขอให้ กทม.สนับสนุนเพิ่มเติมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตรวจจับผู้กระทำผิด
  ได้แก่ ขอสนับสนุนติดตั้งกล้องจับผิดฝ่าไฟแดงเรดไลต์คาเมร่าเพิ่มเติมอีกจำนวน 60 ทางแยก ใช้งบ ประมาณ 400 ล้านบาท
  และขอสนับสนุนระบบอีทิกเก็ต หรือระบบเครื่องออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ งบประมาณ 190 ล้านบาท
  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการของบประมาณ.

ที่มา http://www.asnbroker.co.th 

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เตือนภัย วินมอเตอร์ไซต หน้า รพ.ราชวิถี #เรื่องเด่นโซเชียล

เตือนภัย วินมอเตอร์ไซต หน้า รพ.ราชวถี
เตือนภัย วินมอเตอร์ไซต หน้า รพ.ราชวิถี
ในห้องรัชดา ในเว็บบอร์ดใหญ่ อย่างพันทิป มี จขกท.พันทิปนามว่า สมาชิกหมายเลข 1161294 ได้ตั้งกระทู้แจ้งเตือน ผู้ใช้บริการ รถวินมอเตอร์ไซต์ ที่มีการเก็บค่าบริการ เกินจริง  โดยรายละเอียดมีดังนี้ครับ

เรื่องมีอยู่ว่า หนูกับเพื่อนอีก 8 คน จะไปงานโอเพ่นเฮ้าส์ ที่ รพ.วชิระค่ะ โดยพวกหนูจะนั่งแท็กซี่ต่อไปที่รพ. ระหว่างที่หนูรอแท็กซี่ที่หน้าตึกก่อสร้างใกล้ๆกับรพ.ราชวิถี เกือบถึงป้ายรถเมย์ อยู่ๆก็มี คล้ายวินมอไซด์ขับรถมาที่หนูและเพื่อน เป็นผญ.มาถามว่า "น้องจะไปไหนกัน" ในความที่พวกหนูรีบ ก็เลยบอกไปว่า "ไปรพ.วชิระ" เขาก็บอกว่า "ไปกับพี่ก็ได้ พี่คิด ถูกๆ " หนูกับเพื่อนก็ลังเล ระหว่างนั้นพวกแก๊งเขาก็ขับรถมาล้อมพวกหนูไว้ด้วย หนูเลยถามไปว่า "ที่ไปนี่ ราคาเท่าไหร่" เขาก็บอกหนูว่า "ไม่เท่าไหร่หรอกน้อง 100 กว่าบาทประมาณนี้" หนูก็เลยแบบ เออก็ไม่แพงมั้ง (เราไม่รู้ทางกันเลยค่ะ) และพวกหนูก็คิดว่าจะไปดีมั้ย พวกมันก็พยายามพูดกล่อมว่าทางที่ไปรถมันติด มันติดสอบโน่นนี่ (ทั้งๆที่รถไม่ได้ติดเลย!!) แล้วลากเพื่อนหนูขึ้นรถไปเลย พวกหนูก็เลยต้องขึ้นโดยขึ้น 5 คัน ซ้อนสอง  4 คัน ไปคนเดียวคันหนึ่ง 

ระหว่างทาง (น่าจะใกล้ถึงรพ.) คันที่พาหนูกับเพื่อนไปส่ง          ได้แยกออกจากกลุ่มเพื่อนคันอื่นๆ แล้วเขาก็มาจอดตรงข้างๆวังฟ้าชาย (พึ่งมารู้ทีหลัง แล้วคันเพื่อนๆโดนไปจอดหลังรพ.) หนูก็ไม่รู้นึกว่าเดินเข้าไปก็เป็นรพ.
หนูเลยถามราคา เขาก็ตอบกลับมาว่า "400 (ย้ำนะคะสี่ร้อยบาท!!!)" หนูก็ถามกลับไปใหม่อีกว่า "คนละเท่าไหร่นะคะ" เขาก็ตอบ "สี่ร้อย" เหมือนเดิม หนูกับเพื่อนก็งงเพราะที่ตกลงกันไว้ "มันไม่ถึงร้อย" หนูเลยวีนไปเลยค่ะ ต่อๆไปก็เหลือ 250 บาท คือตอนแรกหนูต่อ 200 ด้วยแล้วเขาบอกพี่ต้องตีรถกลับอีกนะ (คือเราต้องจ่ายค่ารถที่เขาต้องตีรถกลับด้วยหรอคะ ตอบหน่อย?) แล้วสรุปคันที่หนูกับเพื่อนโดนไป 500 บาทถ้วนค่ะ คือที่หนูขึ้นตอนแรกก็เพราะคิดว่า คนทำมาหากิน ก็ช่วยๆเขาไป แต่เราดันโดนหลอกซะเอง ตังค์หมดเลยค่ะ แล้วหนูก็ไลน์ไปถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า โดนกันคนละเท่าไหร่ พวกมันโดนไปคนละ 150 ค่ะ สรุปยอดก็ 1,550 บาทถ้วน

แล้วหนูกับเพื่อนสองคนเดินๆไปโดยพึ่งมาเห็นว่าตรงข้ามรพ.มันเป็นสถานีตำรวจค่ะ มันเลยไม่ขับพามาไง...
พอถึงรพ.หนูก็ไปถามพี่ที่ยืนข้างหน้ารพ. เขาก็บอก "จากอนุสาวรีย์มาที่รพ.ก็ประมาณ 80 บาท" พวกหนูเลยโทร.ไปแจ้งตำรวจค่ะ โดยครั้งแรกเขาบอกจะสกัดจับให้ หนูเลยไม่ได้อะไรแต่ก็ใจเสียมากที่โดนหลอกแบบนี้! พวกหนูเลยไปเข้าร่วมโอเพ่นเฮ้ากัน พอเสร็จประมาณบ่ายโมงพวกหนูเลยไปที่สน.ตรงข้ามรพ.เพื่อแจ้งความ    แต่เขาบอกให้ไปแจ้งที่สน.พญาไท พวกหนูเลยต้องนั่งรถไปสน.พญาไท (ค่ารถแท๊กซี่ 100 กว่าบาทเอง...)
พอไปถึงหนูก็แจ้งความค่ะ โดยพี่ตำรวจบอก จะไปดูกล้องที่จุดเกิดเหตุวันพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องจะดำเนินไปขนาดไหน... ที่มาเขียนเพราะหนูอยากเตือนทุกคนไว้ค่ะ ไม่อยากให้ใครโดนหลอกอีก     อยากให้จับตัวพวกมันได้เร็วๆด้วยค่ะ (ลองค้นหาดู ก็มีคนโดนเหมือนกันเยอะ) พวกเขาคงเห็นว่าพวกหนูใส่ชุดนร.หลอกง่าย มั้งค่ะ    และพวกหนูก็หลงเชื่อคนง่ายไปเองด้วยแหละค่ะ พวกหนูอยากได้วิธีป้องกันตัวไม่ก็วิธีปฎิเสธเขาอะคะ ถ้าใครมีบอกด้วยนะคะ หนูจะได้ระวังตัวไว้

ถ้าใครโดนแบบเดียวกันและคาดว่าน่าจะแก๊งเดียวกันสามารถบอกได้นะคะ ตำรวจจะได้ทำงานไวขึ้นบ้าง
จุดเกิดเหตุที่ตึกก่อสร้างๆข้างๆรพ.ราชวิถีค่ะ ช่วยๆแชร์กระทู้กันด้วยนะคะ เผื่อจะมีคนที่โดนอีกแล้วมาช่วยกันจับพวกมัน ขอบคุณค่ะ
ที่มา http://pantip.com/topic/34033437
อนึง ก่อนหน้าหน้านี้ก็มีกระทู้มาตั้งในบอร์ดพันทิปอยู่เนืองๆ ถึงวินมอเตอร์ไซต์เจ้าปัญหา และอยู่ในจุดใกล้เคียงกัน
ASN Broker ขอนำมาลงโดยสังเขปดังนี้ครับ 
เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่อยากมาระบาย

เริ่มจากว่ามีธุระกระทันหันต้องไปถึงประมาณ18:30-19;00น เพิ่งมารู้ตัวว่าต้องไปตอน17:00น
ก็รีบออกมาขึ้นรถ ปลายทางคือ เทเวศน์ ค่ะ ส่วนต้นทางคือ ซอยราม24ค่ะ

ตอนนั้น17;30น แล้วค่ะ แถวนั้นรถติดมากจึงตัดสินใจใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค่ะ
พี่เขาก็บอกว่าไปส่งได้แค่อนุสาวรีย์นะ เราถามเท่าไหร่ เขาบอก150บาท เราก็โอเค
ถือว่าเป็นราคาที่พอรับได้และในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน หาแท๊กซี่ก็ยาก รถก็ติด
เผลอๆค่าแท็กซี่200ยังไม่ถึงอนุสาวรีย์ด้วยซ้ำ

ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี ยังค่ะยัง

เราไปถึงอนุสาวรีย์ประมาณเกือบ18:00นค่ะ เราก็สังเกตสภาพการจราจร
ครึ่งชั่วโมงไม่ทันแน่ๆ แล้วทางธุระก็มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ไปช้าก็น่าเกลียด
ทำให้ตัดสินใจขึ้นวินมอไซอีกรอบ ขึ้นฝั่งห้างเซนเตอร์วันค่ะ
เราก็ถามนะคะว่าค่าบริการเท่าไหร่ เค้าก็ไม่ยอมบอกค่ะ บอกเพียงพี่ขึ้นมาเหอะ
เราก็ถามว่าประมาณ200ได้ไหม (โดยส่วนตัวพอจะทราบว่าแถวนี้เค้าคิดค่าบริการโหด
แต่มันจำเป็นต้องขึ้น ราคา200นี่ก็เป็นราคาที่แอบบวกเพิ่มไว้ในใจแล้ว เพราะระยะทาง
จากอนุสาวรีย์ไปเทเวศน์ไม่ได้ไกลมาก)
พี่วินก็บอกว่าราคาประมาณนั้นแหละพี่ เราก็เอาวะเป็นไงเป็นกัน
พี่วินก็พาเหาะไปเลยค่ะ ลมตีเหม่งปั้กๆๆๆ แต่สุดท้ายก็ถึงที่หมายปลายทาง

เรา : เท่าไหร่คะ
วิน : 350
เรา : อะไรนะ !!!!!!
วิน : โห่พี่ราคานี้อยู่แล้ว มันไกลนะ

เราคิดในใจแบบว่า เอิ่มไกลมากสินะ แล้วบังเอิญที่ๆเราไปลงมันเป็นซอย ไม่ค่อยมีคนเดิน
จะอะไรมากก็ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจำใจให้เขาไป

การทำงานนี่จะทำอยู่บนพื้นฐานความสุจริตไม่ได้เลยหรอคะ
แม้กระทั่งวินมอไซยังโกง โถ่ประเทศไทย

เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้ เพราะเราโง่เอง
ขอบคุณพันทิปสำหรับพื้นที่ระบายค่ะ :(

ที่มา http://pantip.com/topic/13109090

โดยกระทู้อย่างหลังเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี55 เทียบกับกระทู้ปัจจุบัน
แสดงว่า แก๊งมิจฉาชีพ ยังคงอยู่ในบริเวณนั้นไม่ได้ไปไหน และไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล
ทั้งนี้ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) อยากเตือนว่า เดี่ยวนี้เราอาจต้องระมัดระวังแก๊งค์มิจฉาชีพ ที่มาในคราบต่างๆกันมากขึ้นนะครับ
นำเนื้อหารวบรวมมาจาก http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=735

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรียงไทมไลน์ เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ที่จีน เมืองเทียนจิน #PrayForTianjin

12 ส.ค. 58
เวลา 23.00
เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่โกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเก็บวัตถุเคมีและสารอันตราย ในบริเวณย่านท่าเรือของเมืองเทียนจิน
CCTV อเมริกา รายงานว่า เหตุระเบิดนี้เกิดขึ้นในท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์
 

เวลา 23.30
เกิดเหตุระเบิดครั้งแรก วัดขนาดได้ถึง 2.3 แมกนิจูด หรือ เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน
 

เวลา 23.31
เกิดเหตุระเบิดครั้งที่สอง 2.9 แมกนิจูด หรือเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ส่วนตึกและอาคารในรัศมีราว 10 กิโลเมตรจากจุดระเบิดนั้นเสียหายเกือบทั้งหมด
 

วันที่ 13 ส.ค.58
เวลา 24.00-จนถึงเช้า
คลิปเหตุการณ์วิ่งไปตามสื่อโซเชียล ทั่วโลกรับทราบพร้อมกัน ภายในชั่วข้ามคืน คนจีนในเมืองเทียนจินที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และได้รับผลกระทบ ออกเดินตามท้องถนน เริ่มออกช่วยเหลือกันและกัน 
 
 

เวลา 06.00
สื่อสำนักข่าวทั่วโลกลงข่าว เหตุการณ์ระเบิดที่จีน
  
 


เวลา08.00
แฮชแท๊ก #PrayForTianjin ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ในสื่อ twitter ของไทย

เวลา 10.30 โดยประมาณ
ชาวจีนหลายคนต่อคิวบริจาคเลือด ให้รพ.ยืมรถ และจนท.ดับเพลิงช่วยดับไฟตลอดเมื่อคืนนี้
 
 
 


เวลา 11.30 โดยประมาณ
สี จิ้นผิง ปธน.จีนสั่งระดมกำลังเข้าดับไฟจากเหตุระเบิด 2 ครั้งใหญ่ ในนครเทียนจินโดยด่วน ล่าสุดยังไม่มีรายงานการควบคุมเพลิงไว้ได้
นายกฯหลี่เค่อเฉียงบัญชาการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุระเบิดทีี่เทียนจินเต็มที่ สั่งเร่งให้ความช่วยเหลือ ปชช.
 
 

เวลา 12.30 โดยประมาณ
สำนักข่าว ได้เผยรายละเอียด จุดที่เป็นต้นตอการเกิดเหตุระเบิดน่าสลด เมื่อคืนที่ผ่านมา คือ ท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์
 

เวลา 13.30
ภาพการแชทสนทนาออนไลน์ครั้งสุดท้าย ของ พนักงานดับเพลิงก่อนเกิดเหตุระเบิก เผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล
เป็นข้อความที่นักดับเพลิงคนนึงบอกกับเพื่อนของเขาว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นฝากดูแลพ่อเขาด้วย
เพื่อนตอบ "พ่อเธอก็คือพ่อฉัน"
 
 
อัพเดทยอดล่าสุดการระเบิดในเทียนจิน ตาย 44 เจ็บ 520 (ภาพ-ข่าวซินหัว, AFP,weibo )
สำหรับใครที่เห็นภาพและคลิป ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ คงจะรู้สึกน่ากลัวไปตามๆกัน ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) ขอแสดงความเสียใจกับชาวเทียนจิน กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกินขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วยครับ

[คลิป+ภาพ]ช็อค!ระเบิดใหญ่เทียนจิน(จีน) เทียบเท่าระเบียด 21 ตัน +รายงานสภาพปัจจุบัน

[คลิป+ภาพ]ช็อค!ระเบิดใหญ่เทียนจิน(จีน) เทียบเท่าระเบียด 21 ตัน +รายงานสภาพปัจจุบัน
[คลิป+ภาพ]ช็อค!ระเบิดใหญ่เทียนจิน(จีน) เทียบเท่าระเบียด 21 ตัน +รายงานสภาพปัจจุบัน

ภาพเหตุการณ์ จาก Revolution News
https://goo.gl/6u9Zhz

เกิดระเบิดขึ้นที่เมืองเทียนจินของจีนที่อยู่ทางตอนเหนือ
รายงานเบื้องต้นระบุมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คนอีกหลายร้อยบาดเจ็บ
สื่อจีนรายงานว่า ระเบิดหนนี้เกิดขึ้นในโรงงานที่เก็บของที่ อันตรายและเป็นสารเคมี
จากภาพที่มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดียเป็นภาพควันไฟลุกไหม้เต็มท้องฟ้า
นอกจากนี้มีข่าวด้วยว่าอาคารอาจจะถล่ม ส่วนในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ
ขณะที่ผู้นำจีนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและให้ตรึงเพลิงที่ลุกไหม้ให้อยู่
ชมคลิปการระเบิด
 คลิปนี้นำมาจากต้นทาง เผยแพร่สาธารณะ ทาง youtube
รูปภาพของ Revolution News
ภาพจาก Revolution News
https://goo.gl/yg5rPO
รูปภาพของ Revolution News
Revolution News
https://goo.gl/3ElcS0
รูปภาพของ Revolution News
Revolution News
https://goo.gl/Bw2cgA
รูปภาพของ บีบีซีไทย - BBC Thai
ภาพจาก บีบีซีไทย - BBC Thai
https://goo.gl/ov1DiU
สำนักข่าวซีซีทีวีของจีนรายงานว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือวัตถุระเบิดที่เกิดจุดติดระเบิดขึ้นมา
แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครยืนยัน การระเบิดเกิดขึ้น 2 ครั้ง หนที่สองแรงกว่าครั้งแรก
เครือข่ายเฝ้าระวังแผ่นดินไหวของจีนระบุว่าแรงระเบิดในหนแรกมีความรุนแรงพอๆกับการจุดระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน
ในขณะที่หนที่สองเทียบเท่ากับขนาด 21 ตัน สำนักข่าวซินหัวบอกด้วยว่า ในพื้นที่ใกล้เคียงมีระเบิดตามมาอีกหลังจากนั้น
สำหรับผู้บาดเจ็บล้มตายนั้น ซีซีทีวีรายงานว่ารวมไปถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสี่คน คนเจ็บมีมากกว่า 400
และที่สาหัสอย่างน้อย 32 คน ไฟยังคงลุกไหม้อีกหลายชั่วโมงต่อมา มีรถดับเพลิงเข้าทำงานมากกว่า 100 คัน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ในขณะที่เกิดระเบิดพื้นดินเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งรถและอาคารใกล้เคียงต่างสั่นไหว
กระจกหน้าต่างจากอาคารต่างๆแตกกระจายและทุกคนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น หลังจากนั้นผู้คนในเมืองต่างลงมาอยู่กันที่ถนน
ชาวแคนาดาคนหนึ่งที่อาศัยในเมืองบอกว่า ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นแผ่นดินไหว
แต่พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นระเบิดลูกที่สองและความโกลาหลต่อมาเมื่อทุกคนวิ่งหนีออกจากตึก
สถานีวิทยุทางการจีนบอกว่า ขณะนี้มองเห็นรอยร้าวที่ปรากฎในอาคารใกล้เคียงอย่างชัดเจน
เทียนจินเป็นเมืองท่าสำคัญของจีนอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงปักกิ่งและมีประชากรราว 15 ล้านคน
ที่มา  BBC Thai

สำหรับใครที่เห็นภาพและคลิป ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ คงจะรู้สึกน่ากลัวไปตามๆกัน ASN Broker(ประกันภัยรถยนต์) ขอแสดงความเสียใจกับชาวเทียนจิน กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกินขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาครับ

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เริ่ม 1 กย. ซื้อหวยลุ้น3ตัวหน้า รางวัลละ2พันบาท เริ่มจำหน่าย 17-30 ส.ค.นี้

เริ่ม 1 กย. ซื้อหวยลุ้น3ตัวหน้า รางวัลละ2พันบาท เริ่มจำหน่าย 17-30 ส.ค.นี้
เริ่ม 1 กย. ซื้อหวยลุ้น3ตัวหน้า รางวัลละ2พันบาท เริ่มจำหน่าย 17-30 ส.ค.นี้
กองสลากฯยัน 1 ก.ย.นี้ พร้อมออกรางวัล 3 ตัวหน้างวดแรก เผยเหตุล่าช้าต้องใช้เวลา แก้กติการางวัลใหม่หลังสลากทุกใบ และต้องใช้ เวลาพิมพ์สลากมากถึง 74 ล้านฉบับ เริ่มจำหน่าย 17-30 ส.ค.นี้ เชื่อคนจะไม่สับสน แต่จะโดนใจสลากใหม่มีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้น ผู้ค้าอ้าแขนรับแม้ยกเลิกแจ็กพอต 52 ล้านบาท ไม่กระทบยอดขาย แต่บรรยากาศขายสลากแยกคอกวัวกลับเงียบเหงา โอดคนไม่แลหวยถูก 80 บาท เลขไม่ดังขายไม่ออก ต้องขายพ่วงเลขฮิต ฝากความหวังรางวัลเลขใหม่ช่วยกระตุ้นยอดขาย


กองสลากพร้อมออกรางวัล 3 ตัวหน้างวดแรก แล้ว โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 ก.ย.นี้ สำนักงานสลากฯมีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ในการออกรางวัลใหม่เพิ่มเติมคือ รางวัลเลข 3 ตัวหน้า จำนวน 2 รางวัล โดยลดรางวัลเลขท้าย 3 ตัว จากเดิมที่มี 4 รางวัล ลดเหลือเพียง 2 รางวัล ทำให้รางวัลเลข 3 ตัว งวดวันที่ 1 ก.ย. มีเลขหน้า 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล และเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล รวมเป็น 4 รางวัลเท่าเดิม โดยผู้ที่ถูกรางวัลเลข 3 ตัวหน้า หรือเลขท้าย 3 ตัวจะได้รับเงินรางวัลเท่ากัน รางวัลละ 2,000 บาท และการออกรางวัลเลข 3 ตัวหน้าในวันที่ 1 ก.ย. ไม่ได้ล่าช้าในการทำงานของสำนักงานสลากฯ แต่มีสาเหตุมาจากระบบการพิมพ์สลากฯ ซึ่งในแต่ละงวดมีปริมาณสูงมากถึง 74 ล้านฉบับ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิมพ์

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ในแต่ละงวดจะพิมพ์สลากเก็บเป็นสต๊อกไว้ล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน หรือประมาณ 3-4 งวด นอกจากนี้ ยังต้องมีการแก้ไขกติกา หรือเงื่อนไขที่พิมพ์ลงไปใหม่ในด้านหลังสลากทุกใบด้วย โดยเพิ่มข้อความของรางวัลใหม่ เลข 3 ตัวหน้า มูลค่ารางวัลละ 2,000 บาท เพื่อให้การออกรางวัล และการประกาศรางวัลเป็นไปตามกฎหมายของสำนักงานสลากฯ ซึ่งกระบวนการต่างๆเหล่านี้ ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำหน่ายระหว่างวันที่ 17-30 ส.ค.58 เป็นต้นไป จะมีโอกาส ถูกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว จำนวน 2 รางวัลและรางวัลเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 2 รางวัล ซึ่งจากการลงพื้นที่หลายจังหวัด ประชาชนไม่ได้สับสนหรือสงสัยการเพิ่มรางวัลเลข 3 ตัวหน้า รวมถึงการยกเลิกรางวัลแจ็กพอต 52 ล้านบาท ก็ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายสลาก เพราะราคาสลากที่ไม่เกิน คู่ละ 80 บาท ส่งผลให้สลากขายดีกว่าเดิมที่ขายคู่ละ 110-120 บาท ผู้ค้าสลากส่วนใหญ่บอกว่าขายสลากได้หมดทุกงวด
“ผู้ค้าสลากต้องการเพิ่มโควตาจากปัจจุบันได้รับคนละ 5 เล่มใหญ่ หรือ 500 คู่ อยากให้เพิ่มเป็น 10 เล่มใหญ่ หรือ 1,000 คู่ เพราะขายคู่ละ 80 บาท จะได้กำไรคู่ละ 9.60 บาท จากเดิม 500 คู่ ได้กำไร 4,800 บาทต่องวด จะเพิ่มเป็น 9,600 บาท ต่องวด ถ้ารายได้ในระดับนี้ ผู้ค้าสลากบอกว่าอยู่รอด ผมจะนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุมบอร์ดสลากฯ ในวันที่ 10 ส.ค.นี้” นายธนวรรธน์กล่าว

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง และศูนย์การค้าสลากไทย จ.นนทบุรี พบว่าการซื้อขายยังไม่คึกคัก มีคนเข้ามาหาซื้อไม่มากนัก ทั้งนี้ นางสุนทร ชื่นใจ แม่ค้าสลาก
รายย่อยที่สี่แยกคอกวัว กล่าวว่า รับหวยจากยี่ปั๊วมาแพง ต้นทุนที่ใบละ 76.50 บาท นำมาขายที่ 80 บาท ได้กำไรไม่มาก แต่ยังขายไม่ดี ต่างกับตอนหวยแพง ยิ่งแพงยิ่งขายดี เมื่อก่อนย่านนี้มีแม่ค้ารายย่อยเต็มไปหมด บางคนมาจากต่างจังหวัดปั่นจักรยานขาย แต่เดี๋ยวนี้หายไปหมด ส่วนการออกเลขรางวัลใหม่ 3 ตัวหน้า งวดที่ 1 ก.ย. ก็มีลูกค้ามาถาม บางคนยังไม่เข้าใจว่าจะออกรางวัลอย่างไร ตนก็ทราบจากข่าวว่าจะตัดรางวัลเลขท้าย 3 ตัว 4 รางวัล เหลือ 2 รางวัล แล้วเพิ่มรางวัลเลข 3 ตัวหน้าอีก 2 รางวัล ได้แต่หวังว่ารางวัล 3 ตัวหน้าจะช่วยเพิ่มความสนใจให้คนซื้อมากขึ้นเพราะสลาก 1 ใบ 80 บาท มีโอกาสถูกเบิ้ลทั้งหน้าและหลัง ทุกวันนี้ เลขสวยเลขดังยังขายได้ แต่เลขไม่สวยเหลือบานเบอะ จนต้องใช้วิธีกำหนดให้ซื้อเลขสวยพ่วงเลขไม่สวยไปด้วย

ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=729

จ่อหั่นค่าตั๋ว บขส. - รถร่วม หลัง ดีเซล ลดราคาต่อเนื่อง

จ่อหั่นค่าตั๋ว บขส. - รถร่วม หลัง ดีเซล ลดราคาต่อเนื่อง
จ่อหั่นค่าตั๋ว บขส. - รถร่วม หลัง ดีเซล ลดราคาต่อเนื่อง

คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เตรียมพิจารณาลดราคาค่าโดยสารรถ บขส.- รถร่วม ลง 2-3 สตางค์ หลังราคาดีเซลลดลงต่อเนื่อง คาดมีผล 20 ส.ค.นี้ ขณะที่ ค่าโดยสาร ขสมก. ต้องพิจารณาต้นทุนด้านอื่นประกอบ ...

วันที่ 11 สิงหาคม พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมสรุปผลการศึกษาต้นทุนค่าโดยสาร ซึ่งจัดทำโดยกรมการขนส่งทางบก เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะ ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก เช่น รถ บขส. และรถร่วมบริการ รวมถึงรถเมล์ ขสมก. หลังราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากลิตรละ 29 บาท เหลือลิตรละ 22.89 บาท

เบื้องต้นคาดว่า ค่าโดยสารรถ บขส.และรถร่วมฯ จะปรับลดราคาลงได้ 2-3 สตางค์ต่อกิโลเมตร ส่วน ขสมก. จะต้องมีการพิจารณาต้นทุนด้านอื่นประกอบ เนื่องจากมีรถ ขสมก.อีกจำนวนหนึ่ง ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ผลการสรุปตัวเลขในวันนี้ จะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางอีกครั้งในวันพฤหัสบดี ที่ 13 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีการประกาศใช้ภายในวันที่ 20 ส.ค. นี้ ส่วนค่าเรือโดยสารจะมีการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป

ส่วนเรื่องการเตรียมปรับลอยตัวก๊าซเอ็นจีวี ของกระทรวงพลังงาน ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ ยอมรับว่าหากมีการลอยตัวจริง ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะที่ใช้เอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ทั้งแท็กซี่และรถเมล์ แต่ได้มีการหารือกับกระทรวงพลังงานในที่ประชุม กพช. แล้วว่าคงต้องมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งอาจมีมาตรการให้สิทธิในการใช้ราคาก๊าซเอ็นจีวีราคาพิเศษ สำหรับกลุ่มดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน.

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เตือนภัย!! อย่าบีบแตรใส่รถแท็กซี่ (มีคลิป) #เรื่องเด่นโซเชียล

เตือนภัย!! อย่าบีบแตรใส่รถแท็กซี่ (มีคลิป) #เรื่องเด่นโซเชียล
เตือนภัย!! อย่าบีบแตรใส่รถแท็กซี่ (มีคลิป) #เรื่องเด่นโซเชียล
จขกท.นามว่า ยายเนียม ล็อคอินในพันทิป ได้ตั้งกระทู้ เตือนใจการใช้สัญญาณบีบแตร 
เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ในการใช้รถใช้ถนน ASNBroker (ประกันภัยรถยนต์)เห็นว่ามีประโยชน์ จึงอยากนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ
 ต้องขอเกริ่นก่อนเลย ว่าเราขอยืมล็อกอินพี่ที่รู้จัก และเคารพมาตั้งกะทู้นะคะ ข้อความและทุกตัวอักษรนี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเจ้าของลอกอินเลยแม่แต่นิดเดียวค่ะ

เตือนภัย!! อย่าบีบแตรใส่รถแท็กซี่ (มีคลิปค่ะ)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 58 เวลาประมาณ 15:30 น. ซึ่งดิฉันกำลังขับรถและอยู่ในรถเพียงคนเดียวค่ะ โดยเส้นทางที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางลัด ถ.กำนันประดิษฐ์สโมสร ที่สามารถทะลุออก ถ.ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์ได้
ขณะที่ดิฉันขับรถในเส้นทางหลักนั้น ได้มีรถแท็กซี่คันสีเหลืองล้วนทะเบียน ทษ-3025 กทม.ขับลงมาจากสะพานทางด้านขวา โดยขับลงมาตัดหน้ารถดิฉันที่มาจากทางตรง ดิฉันจึงต้องเบรกกะทันหันพร้อมกับบีบแตรรถ 1 ครั้ง เพื่อบอกให้รู้ว่าควรระวัง และไม่ให้เกิดการชนกัน และดิฉันก็ขับรถต่อไปอย่างปกติ และอยู่ๆ แท็กซี่คันเดิมพยายามแซงขึ้นมา

  คลิปต้นทางจาก จขกท.แชร์สาธารณะในyoutube 


  และตัดหน้ารถของดิฉันอีกครั้ง  ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นซอยชุมชน ที่ไม่ควรขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่าปกติ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ด้วยความตกใจดิฉันเลยบีบแตรรถอีกครั้ง คราวนี้แท็กซี่คันนั้นหลบซ้ายจอดรถกะทันหัน และคนขับเปิดประตูรถอย่างไว แต่ดิฉันหักหลบได้ทันคะ และด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่อง จึงไม่ได้จอดรถ
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบ แท็กซี่คันเดิมขับรถตามมาค่ะ ช่วงเวลานั้นก็มีสายเข้ามาพอดี ดิฉันจึงรับสาย (สนทนาด้วยสมอลทอร์คนะคะ)
 เป็นช่วงจังหวะที่แท็กซี่คันนั้นแซงขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 และครั้งนี้จอดรถกลางถนนเพื่อขวางรถดิฉันเลยค่ะ
 คนขับแท็กซี่เปิดประตูรถเดินลงมา ในมือมีท่อเหล็กความยาวประมาณ 2 ฟุตได้ และเดินตรงมาที่รถดิฉัน ดิฉันยอมรับว่าตอนนั้นกลัวมากค่ะ ทำอะไรไม่ถูก กลัวจะโดนทำร้ายทั้งคนและรถค่ะ ดิฉันเลยลดกระจกลงนิดหน่อย เพื่อพูดบอกคนขับแท็กซี่ว่า "มือไปโดนแตรคะ เพราะรับโทรศัพท์อยู่" ดิฉันพูดแบบนี้ไป เพราะไม่อยากคุยกับคนประเภทนี้ กลัวมีเหตุร้ายเกิดขึ้นค่ะ ยอมรับว่าดิฉันตกใจมาก พยายามใจเย็น และใช้สติ ไม่คิดตอบโต้ คนขับแท็กซี่คันนั้นเลยเดินกลับไป พร้อมพูดจาด่าทอต่างๆ นาๆ ซึ่งดิฉันเห็นว่ามีผู้โดยสารอยู่บนรถแท็กซี่คันนั้นด้วย แต่ทำไมยังกล้าทำขนาดนี้ และหลังจากที่คนขับขึ้นรถแท็กซี่แล้วขับไปแค่แปลเดียว ดิฉันเห็นรถจอดและผู้โดยสารขอให้หยุดรถ และลงกลางทางตรงนั้นเลยค่ะ (ไม่ทราบว่าถึงปลายทาง หรือทนพฤติกรรมไม่ไหวหรือเปล่านะคะ)

  คลิปต้นทางจาก จขกท.แชร์สาธารณะในyoutube 
  เหตุการณ์นี้ดิฉันจึงร้องเรียนไปยัง 1584 กรมการขนส่ง ศูนย์ร้องเรียนรถแท็กซี่ และรถสาธารณะ ทางเจ้าหน้าที่ 1584 ให้ดิฉันส่งคลิปไปให้ทางไลน์ และได้แนะนำให้ดิฉันเข้าแจ้งความ เนื่องจากเข้าข่ายคดีอาญา ซึ่งอาจจะทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินได้ ดิฉันจึงเข้าแจ้งความ เพราะคนที่ใช้อารมณ์แบบนี้ พกพาอาวุธแบบนี้ อาจจะเกิดกับใครๆ อีกก็ได้ค่ะ

  ดิฉันมีคลิป 2 คลิป ซึ่งบนรถดิฉันติดกล้องบันทึกไว้ และคลิปนี้ดิฉันก็ได้ส่งแจ้งความ และส่งให้ทาง 1584 ดูเพื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมคนขับรถแท็กซี่คันนี้ค่ะ
clip1: https://youtu.be/d1R6Jb42nQw
clip 2: https://youtu.be/MlKNWS5E2rw
 ล่าสุด จขกท. ได้ออกมาคอมเม้นท์ว่า [เจ้าของกะทู้นะคะ จากที่ดิฉันได้อ่านความคิดเห็นของทุกคน ดิฉันทราบแล้วว่าดิฉันบกพร่องตรงไหน และจะนำข้อบกพร่องที่ทุกคนแนะนำมาปรับเปลี่ยนความคิด และทัศนคติของตัวเองใหม่ค่ะ ในส่วนของคลิปที่ดิฉันอาจดูไม่มีน้ำใจต่อผู้ร่วมถนน และใช้แตรพร่ำเพรื่อเกินไปนั้น ดิฉันแค่อยากเพื่อเตือนใจตนเองกับบทเรียนนี้ และการแชร์เหตุการณ์นี้ก็เพื่อเตือนภัยผู้ที่อาจจะตกอยู่ในเหตุการณ์แบบดิฉัน ซึ่งอาจจะไม่ได้โชคดีแบบดิฉันที่ไม่ทันได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น แต่ดิฉันแค่อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยพิจารณาความประพฤติของคนขับแท็กซี่คันนี้ค่ะ เพราะคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์แบบนี้ พกพาอาวุธแบบนี้ อาจเกิดขึ้นกับใครอีกก็ได้ และอาจจะเป็นอันตรายต่อสังคมต่อไปค่ะ]

  ทั้งนี้ในกระทู้ก็มีวิพากษ์ วิจารณ์กันต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แตรรถบอกสัญญาณที่ผิดวิธีของ จขกท. หรือ การมีน้ำใจของการใช้ถนน กับอีกฝั่งที่ตำหนิ อารมณ์ร้อนของแท๊กซีคู่กรณีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อนสามารถไปอ่านนานาความคิดเห็น ได้ที่ กระทู้นี้ครับ(ที่มา) http://pantip.com/topic/34026260  

แท็กซี่ จอดแช่ เจอโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท แก้วิกฤติจราจร วิภาวดี

แท็กซี่ จอดแช่ เจอโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท แก้วิกฤติจราจร วิภาวดี
แท็กซี่ จอดแช่ เจอโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท แก้วิกฤติจราจร วิภาวดี

พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ช่วยงานด้านการจราจร เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เร่งแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าสนามบินดอนเมืองอย่างเร่งด่วน จากพฤติกรรมแท็กซี่จอดแช่ป้าย โดยให้เปรียบเทียบปรับรถแท็กซี่ที่สร้างปัญหาในอัตราสูงสุด คือ 1,000 บาท

  พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับร้องเรียนจากผู้ใช้ถนนวิภาวดี เรื่องการจราจรติดขัดเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุมาจากรถแท็กซี่จอดแช่ป้ายบริเวณสะพานลอยหน้าสนามบิน เป็นเหตุให้รถติดสะสมจนท้ายแถวยาวไปถึงอนุสรณ์สถาน ทำให้ผู้ที่เดินทางจากรังสิตไปยังหลักสี่ได้รับผลกระทบทุกวัน

  ผมได้กำชับให้ สน.ในท้องที่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วเสร็จโดยเร็ว และหากมีผู้ฝ่าฝืนจอดแช่ริมทางเท้า สร้างปัญหาการจราจร และส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ทาง จะมีการปรับสูงสุด 1,000 บาท ทุกราย” พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าว

  นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ สน.ในท้องที่จัดทีมจราจรยืนประจำจุด เพื่อตรวจตราไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรอีกเด็ดขาด

  พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการจราจร กล่าวว่า จะเริ่มดำเนินการจับปรับจริงภายในสัปดาห์นี้ โดยจะใช้อัตราโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท ในทุกกรณี และเตรียมประสาน สน.ในท้องที่ ร่วมกับ บก.จร.ในการดำเนินการ

  พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาแท็กซี่จอดแช่ป้ายเป็นปัญหาซ้ำซากมาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิธีการไล่ไม่ให้จอด แต่เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่รถแท็กซี่ก็กลับมาจอดซ้ำอีก ดังนั้นถึงเวลาต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อให้ปัญหายุติลง

  ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวในงานมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ขับแท็กซี่ที่ผ่านการอบรมพัฒนาศักยภาพและการบริการสำหรับผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะว่า แท็กซี่เป็นด่านแรกของการสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว ถือเป็นทูตทางวัฒนธรรมที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศ จึงต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดีบริการด้วยรอยยิ้ม

ภาพ CCTV สจส.กทม.

ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=726 

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กฤษฎีกาใหม่ ภาษีมรดก คนรวยโดนกันถ้วนหน้า ชั้นกลาง รวมเกิน 10 ล้านก็โดนด้วย

กฤษฎีกาใหม่ ภาษีมรดก คนรวยโดนกันถ้วนหน้า ชั้นกลาง รวมเกิน 10 ล้านก็โดนด้วย
กฤษฎีกาใหม่ ภาษีมรดก คนรวยโดนกันถ้วนหน้า ชั้นกลาง รวมเกิน 10 ล้านก็โดนด้วย
ภาษีมรดก” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วมีผลใน 180 วันเปิดโอกาสเศรษฐี–ชนชั้นกลางโอนทรัพย์สินให้ทายาท และผู้สืบสันดานก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558 ว่าด้วยภาษีการรับให้ ในกรณีที่โอนทรัพย์สมบัติก่อนผู้ให้เสียชีวิต ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ววานนี้ (5 ส.ค.58) โดย พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วันหรือ 6 เดือนข้างหน้า นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีเวลาพอที่จะให้หน่วยงานต่างๆเตรียมการให้พร้อมสำหรับการออกแบบฟอร์ม วิธีการเสียภาษี รวมถึงการทำความเข้าใจกับประชาชน

ทั้งนี้ ภาษีการรับมรดกกำหนดให้ผู้รับต้องจ่ายภาษีในส่วนที่เกินกว่า 100 ล้านบาทในอัตรา 10% แต่ถ้าเป็นการรับมรดกจากบุพการี หรือผู้สืบ สันดาน จะเสียในอัตรา 5% จากส่วนที่เกินกว่า 100 ล้านบาท ส่วน พ.ร.บ.ภาษีการรับให้ ซึ่งจะนำมาใช้แทนการให้ หรือโอนทรัพย์ให้โดยเสน่หา กล่าวคือการให้โดยเสน่หาที่ไม่เคยเสียภาษีจะไม่มีอีกต่อไป หากมีการโอนทรัพย์สมบัติให้ก่อนผู้ให้จะเสียชีวิตนั้น ต่อไปจะเข้าข่ายเป็นภาษีการรับให้ ซึ่งกำหนดภาระภาษีไว้ว่า ถ้าเป็นการรับจากบุพการี ผู้รับต้องจ่ายภาษีในส่วนที่เกินกว่า 20 ล้านบาท ในอัตรา 5% นอกเหนือจากกรณีบุพการีให้ผู้สืบสันดาน ต้องจ่ายภาษีในส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาทในอัตรา 5%

ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวด้วยว่า กรมสรรพากรกำลังเตรียมออกกฎหมายลูกให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ดังกล่าวจำนวน 21 ฉบับ มีทั้งประกาศกรม ประกาศกระทรวง และพระราชกฤษฎีกา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการยื่นภาษี แบบแสดงรายการภาษี รวมถึงการตั้งทีมขึ้นมาดูแลภาษีมรดกเป็นการเฉพาะ เพราะในการเสียภาษีนั้นจะสามารถยื่นแบบได้ทั่วประเทศ รวมถึงการยื่นภาษีทางอินเตอร์เน็ตได้ด้วย แล้วส่งมาให้สรรพากรส่วนกลางในการประเมินภาษี

เนื่องจากกรมมองว่าคนมีมรดกนั้นน่าจะมีทรัพย์สินกระจายอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นจึงอยากให้ทีมสรรพากรส่วนกลางพิจารณาเรื่องนี้ เพราะต้องประเมินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดรวมกันจึงจะทราบถึงภาระภาษีที่ชัดเจน และการใช้ทีมส่วนกลางในการพิจารณาทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับผู้รับมรดกจะต้องยื่นสำแดงภาษีภายใน 150 วันหลังจากที่รับมรดก ส่วนทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมี 5 ประเภทด้วยกันได้แก่ 1.บ้าน และที่ดิน 2.เงินฝากธนาคาร 3.หุ้นและหุ้นกู้ 4.รถยนต์ และ 5.ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งข้อนี้เป็นการเปิดโอกาสจัดเก็บภาษีจากทรัพย์อื่นๆ เพราะยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีทรัพย์สินหรือธุรกรรมทางการเงินใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง

“ในการเสียภาษีนั้นจะประเมินทรัพย์ทุกประเภท และมูลค่าที่ได้รับรวมกัน แม้จะรับไม่พร้อมกัน ก็ต้องถูกนำมาประเมินรวมกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หุ้น เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน รถยนต์ ตราสารการเงินอื่นๆ ซึ่งถ้าไม่เกิน 100 ล้านบาทก็ไม่ต้องเสียภาษี โดยในการประเมินหากเป็นที่ดินจะอ้างอิงราคาจากกรมที่ดิน หากเป็นหุ้นคิดในราคาตลาด ณ วันที่ ได้รับหุ้นมา เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่”

นายประสงค์กล่าวด้วยว่า การนำภาษีตรงนี้มาใช้ จริงๆก็เพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ สรรพากรไม่ได้คาดหวังว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าใด เม็ดเงินภาษีที่ได้ตรงนี้คิดว่าไม่มาก อาจจะเพียงปีละประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาทเท่านั้น ถ้าจะมากจะน้อยกว่านี้คงต้องขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐีเสียชีวิตในช่วงปีนั้นๆกี่คน กระนั้นก็ตาม รัฐคาดหวังให้เศรษฐีและผู้มีมากเป็นพลเมืองดีที่ยินดีเสียภาษีให้แก่รัฐโดยความสมัครใจบ้าง เช่น มีสัก 10,000 ล้านบาท จะเสียภาษีให้รัฐสัก 500 ล้านบาท ก็ยังเหลืออีกตั้ง 9,500 ล้านบาท ใช้อย่างไรก็ไม่หมด

สำหรับกฎหมายลูกที่จะต้องดำเนินการให้ทันใน 180 วันก่อน พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้ได้แก่ พ.ร.ฎ.กำหนดเปลี่ยนแปลงมูลค่ามรดก, ทรัพย์สินทางการเงินที่ต้องเสียภาษี, หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผ่อนชำระภาษี กฎกระทรวง เช่น กำหนดบุคคลที่ได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดก หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีตรวจสอบติดตาม, กำหนดทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย, ค่ารอนสิทธิ กรณีอสังหาริมทรัพย์, หลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าทรัพย์สินกรณีอื่น, กำหนดเวลา ที่กรมที่ดินต้องแจ้งการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก, กำหนดแบบแสดงรายการภาษีการรับมรดก และกำหนดวิธีการอายัดทรัพย์สินเพื่อนำมาชำระภาษีอากรค้าง เป็นต้น.

ที่มา http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=725