วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คุณต้องทราบอะไร ก่อนต่อประกันภัยรถ #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์


คุณต้องทราบอะไร  ก่อนต่อประกันภัยรถ #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
คุณต้องทราบอะไร ก่อนต่อประกันภัยรถ #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

บางครั้งปัญหาจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย  อาจทำให้คุณต้องเสียเงินค่าซ่อมแซมจำนวนมาก   แต่หากรถคุณมีประกันก็เหมือนคุณมีบัตรประกันสังคมรถหรือประกันชีวิต  คุณย่อมสามารถไปพบแพทย์ได้ทุกเมื่อที่เจ็บป่วย  หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพโดยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ อีกเช่นกันกับการประกันภัยรถคุณสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ   และสบายใจว่าเมื่อใดหากคุณโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุโดยที่เป็นฝ่ายผิด   หรือมีบุคคลได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  คุณมีผู้รับผิดชอบแทนเรียบร้อยแล้ว      อย่างไรก็ตาม  ก่อนซื้อประกันรถคุณควรตรวจสอบ บริษัทประกันภัยที่จะซื้อก่อนดีกว่า ASN Broker จะมาแนะนำทริคให้เพื่อนๆกันครับ
 ใครเป็นผู้ได้รับการคุ้มครองจากประกันภัย
        1.ตัวคุณ
        2.คู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก
        3.รถของคุณที่เสียหายจากอุบัติเหตุ
        4.รถของคู่กรณีซึ่งเป็นฝ่ายถูกและได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
        5.บุคคลที่สามซึ่งได้รับผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น  (ตามประเภทของประกัน)
บริษัทประกันภัย
        ทุกวันนี้มีบริษัทประกันภัยรถยนต์ให้คุณเลือกรับบริการมากมายดังนั้นคุณควรศึกษาบริษัทที่คุณสนใจก่อนตัดสินใจด้วยว่า   บริษัทนั้นมีประวัติการให้บริการลูกค้าดีไหม?  ใช้เวลาไปถึงที่เกิดเหตุนานเกินไปหรือเปล่า? รับผิดชอบตอารประกันภัยหรือมีการหลบเลี่ยงมากน้อยแค่น้อยแค่ไหน? วางใจได้หรือไม่? พนักงานให้บริการด้วยความสุภาพหรือไม่? โดยข้อมูลเหล่านี้คุณสามารถหาไดด้จากเพื่อนฝูงที่ใช้บริการหรือจากข่าวสารทั่วไป  ซึ่งบริษัทประกันภัยที่ดีจะให้บริการปรึกษาปัญหาด้านกฎหมาย   ในกรณีที่คุณมีปัญหาจาก   อุบัติเหตุด้วย  ดังนั้นการเลือกบริษัทประกันภัยที่ดีมีความสำคัญมากเช่นกัน
        ค่าบริการที่แพงอย่างดุเดือดควรสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ   ค่ารักษาพยาบาลที่คุณจะได้รับ  และเงินชดใช้  เมื่อรถสูญหายอย่างคุ้มค่า
        ก่อนตกลงซื้อประกันรถ   ขั้นแรกคุณต้องมั่นใจว่าบริษัทนั้นมีความมั่นคงพอ   โดยถามพนักงานขายประกันเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบริษัท   เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทประกันภัยมากมายถูกปิดลง   เนื่องมาจากความผดพลาดทางการเงิน   และการล้มละลาย   ระวังจะเสียเงินฟรี ! 
         ข้อต่อมาที่คุณควรศึกษาคือ   เบี้ยประกัน   เบี้ยประกันที่แตกต่างย่อมมีผลถึงระดับความคุ้มครองที่คุณจะได้รับ   ควรเลือกประกันที่เหมาะสมกับสถานะการเงินและรูปแบบประกันที่เหมาะสมกับสถานะการเงินและรูปแบบที่คุณควรได้รับการคุ้มครอง 
  พื้นฐานการประกันภัยมักแบ่งออกเป็น   4   ประเภทด้วยกัน
แบบ           ทั่วไปที่รถทุกคันต้องประกัน
การคุ้มครอง   คุ้มครองผู้บาดเจ็บจากรถ
แบบ           ประเภท   1
การคุ้มครอง   คุ้มครองรถของผู้ประกัน   รถของคู่กรณี
 แบบ           ประเภท  2
 การคุ้มครอง   คุ้มครองรถของผู้ประกัน 
แบบ           ประเภท  3
การคุ้มครอง   คุ้มครองรถของคู่กรณี
         ให้พนักงานขายประกัน   อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของแบบประกันภัย   และผลคุ้มครองที่คุณจะได้รับ   เบี้ยประกันที่คุณต้องจ่าย  และหากมีรายละเอียดข้อไหนที่คุณไม่เข้าใจ   ควรถามให้กระจ่างก่อนตัดสินใจซื้อด้วย
        เมื่อเร็ว ๆ นี้   บริษัทประกันภัยต่าง ๆ มีการเพิ่มค่าประกันจนลูกค่ารู้สึกเหมือนโดยโกงราคา   ที่เลวร้ายที่สุดคือบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่มักหาวิธีเลี่ยงการคุ้มครองด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ที่สามารถพลิกแพลงได้ภายหลัง   จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่คุณต้องระวังและทำความเข้าใจในเงื่อนไขเหล่านั้นอย่างละเอียด
 
        คำแนะนำในการลดค่าธรรมเนียมของคุณ
เมื่อมั่นใจว่าคุณได้เปรียบเทียบบริษัทประกันภัย   แต่ละแห่งแล้ว   ควรถามพนักงานขายประกันถึงส่วนลดพิเศษที่คุณสามารถได้รับในกรณีต่าง ๆ เช่น
        1.การใช้รถในราคาไม่แพงมาก   สามารถลดเบี้ยประกันภัยได้
        2.บางบริษัทมีส่วนลดให้สำหรับ
           * รถที่ไม่ค่อยขับ
           * คนขับที่ไม่สูบบุหรี่
           *คนขับที่ไม่ดื่มเหล้า

        3.สำหรับครอบครัวที่มีรถมากกว่าหนึ่งคัน   หลายบริษัทมีนโยบายลดค่าเบี้ยประกันให้ถึง  15-20  เปอร์เซ็นต์

        4.บริษัทมักจะลดราคาสำหรับ

         รถขนาดเล็ก

              เครื่องยนต์ที่มีลูกสูบต่ำลงมา

            รถที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย

             รถที่ติดระบบกันขโมย

            * เบรกแอนตี้ล็อก

             * ผู้ขับรถซึ่งมีประกาศนียบัตรเกี่ยวกับการขับรถปลอดภัย

              *นักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงตามกำหนด

             *สตรีโสดที่มีอายุอยู่ระหว่าง   30-49  ปี

             * ผู้ขับรถที่มีปรระวัติดี  (ไม่เคยมีคดีเกี่ยวกับการชนมากกว่า  3  ปี)

              คนในบริษัท

        5.บริษัทประกันภัยโดยทั่วไปมักคิดค่าบริการไม่ต่างกันกับบริษัทคู่แข่ง

        6.ก่อนตกลงซื้อประกัน  ควรถามพนักงานขายถึงราคาเบี้ยประกันว่า   ตามนโยบายของบริษัทแล้วเบี้ยประกันจะสูงขึ้นไหม   หากรถคุณประสบอุบัติเหตุภายหลัง   เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจ
        การเรียกค่าคุ้มครองเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุหรือสูญหาย
        การแก้ปัญหาหลังเกิดอุบัติเหตุมักทำให้เราต้องยุ่งยาก   สิ่งหนึ่งที่จะช่วยคุณได้คือ   ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
        1.แจ้งความกับตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   เช่น  ถูกชนและมีคนบาดเจ็บ   หรือชนกับมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีประกัน
        2.แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบโดยเร็วที่สุด   ทางบริษัทจะช่วยแก้สถานการณ์   และจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับคุณให้ทันที
        3.ถ้าตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย   แจ้งรายละเอียดทั้งหมดเพื่อลงในบันทึกประจำวัน
        4.ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ประกัน
        5.ให้รายละเอียดและเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดแก่เจ้าหน้าที่ประกัน
        6.ถ้าคุณรู้สึกว่าการสอบสวนหรือการจัดการที่ได้รับไม่ยุติธรรมควรขอคำแนะนำจากทนายความก่อนนัดตกลงอีกครั้ง

ที่มา https://www.asnbroker.co.th 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น