วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

การขายรถเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

การขายรถเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์
การขายรถเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์

        สวัสดีครับวันนี้ ASNBroker นำเคสและวิธีตัวอย่างในการขายรถเองให้ได้ชัวร์ๆและไม่ขาดทุนมาฝากกันครับ เมื่อผมตั้งใจจะขายรถคันเดิม  ผมได้บอกขายกับคนแถวบ้าน  ( ทั้งชายและหญิง )  และเพื่อน ๆ หลายคน  แต่ความผิดพลาดที่ไม่น่าปล่อยให้เกิดขึ้นคือ  ในที่สุดผมกลับเลือกขายรถให้เต็นท์รถแทนที่จะขายให้กับผู้ซื้อโดยตรง  และเนื่องจากทางเต็นท์ต้องขายรถต่อให้คนอื่นอีก  ดังนั้นผมจึงถูกกดราคาต่ำมากจึงเป็นเรื่องที่ผมต้องเน้นกับคุณว่า  ถ้าคุณไม่ต้องการขาดทุนจากการขายรถ  ควรตัดคนกลางออกและใส่เงินจำนวนมากเข้ากระเป๋าตัวเอง  ตามคู่มือในบทนี้

เงินที่มากขึ้นจากการขายรถด้วยตัวเอง
ถ้ารถของคุณมีราคาขายอยู่ที่  225,000 บาท  โอกาสที่คุณจะช่วยให้พ่อค้าคนกลางได้คือ  170,000  บาท  แต่ถ้าคุณใช้ความอดทนและความพยายามมากขึ้น  คุณจะสามารรถขายรถได้ในราคา  225,000  บาท  หรือมากกว่านั้น  หากขายให้ผู้ซื้อโดยตรง

การขายรถตัวเองเริ่มจาก
 ความประทับใจแรก ! ก่อนลงโฆษณา  คุณควรดูแลรถให้อย่ในสภาพดีสูงสุด  ทำความสะอาดและขัดเงาให้ดีจัดซื้อส่วนที่ขาดหายหรือแตกหักมาเปลี่ยน  วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถโชว์รถในสภาพดีที่สุด  ถ้าคุณไม่รู้ว่าควรแก้ไขอย่างไร ?  ควรสอบถามผู้รู้หรือขอคำแนะนำจากร้านค้าที่ไว้ใจได้เพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ที่ชำรุด  ก่อนที่จะมีคนมาขอดูรถ

การดูแลส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์
1.หากพบว่ามีน้ำมันหล่อลื่นรั่วให้ซ่อมแซมเสีย
2.นำรถไปยังอู่เครื่องยนต์

ทำความสะอาดภายนอก
1.แก้ไขรอยบุบและรอยแตก
2.ตั้งศูนย์ล้อให้ได้ระดับ
3.ทำความสะอาดภายใน
4.ตรวจดูกระโปร่งหลัง
5.การตกแต่งยางจะทำให้รถเกิดความแตกต่างอย่างมาก
6.การแก้ไขเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยขึ้นทั้งหมดนี้จะใช้เวลาเพียงแค่  2-3  ชั่วโมง

ตกแต่งรอยขูดขีด
1.ทำความสะอาดก่อนแว็กซ์
2.ร้านขายอุปกรณ์เครื่องยนต์จะสามารถทาสีใหม่
3.ใช้การตกแต่งสีที่ประหยัดที่สุด
4.หารอยขูดขีด  รอยบุบสลายทั้งหมดเพื่อแก้ไข

แว็กซ์ภายนอก
1.พยายามแว็กซ์ให้ดีที่สุด
2.ขัดจนเป็นเงา

ทำความสะอาดภายใน
1.ใช้เครื่องดูดฝุ่นใต้ที่นั่ง
2.ล้างพรม  ทำความสะอาดบริเวณพื้น
3.ใช้แปรงสีฟันขจัดสิ่งสกปรกจากรอยกระเทาะและรอยแตกบนแผงปัด  ประตู
4.ทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่  และช่องเก็บของ
5.ใช้ผ้าชาร์มัวร์และยาขัดเงาขัดภายใน
6.ทำความสะอาดกระจกด้วยหนังสือพิมพ์  ระวังอย่าให้เป็นรอย
7.ถูเพดาน
8.ทำความสะอาดตัวถัง
9.หาข้อตำหนิ  รอยฉีกขาด  รอยขูด  หรือแตก  และแก้ไขให้เรียบร้อย

แก้ไขส่วนที่ต้องใช้งาน
1.เครื่องปรับอากาศ
2.สายอากาศ
3.ไฟเบรก
4.นาฬิกา
5.ไฟแผงหน้าปัด/เกจ
6.ประตู/ที่จับประตู
7.ไฟฉุกเฉิน
8.ไฟหน้า
9.แตร
10.ไฟ  (  รวมทั้งช่องเก็บของและป้ายทะเบียน )
11.ล็อก
11.กระจก
12.วิทยุ
13.ยางสำรอง
14.พวงมาลัย
15.ไฟท้าย
16.สัญญาณเลี้ยว
17.ที่ปัดกระจก
18.ของไหลทำความสะอาดกระจก

ตรวจสอบส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์
1.แก้ไขส่วนที่สึกหรอ
2.เช็กท่อน้ำ
3.เช็กสายพาน
4.เช็กของไหลในอ่างเก็บของไหล
5.เปลี่ยนไส้กรองอากาศ

ตรวจและเปลี่ยนของไหล
1.ตรวจน้ำมันหล่อลื่นและไส้กรอง
2.ตรวจของไหลเกียร์อัตโนมัติ
3.เปลี่ยนคูแล็นท์

อย่าลืม
1.แก้ไขหากมีเสียงผิดปกติเกิดขึ้น
2.เติมน้ำมันหล่อลื่น  ประตู  ฝากระโปรงรถ  และบานพับตัวถัง

คุณมีเอกสารเรียบร้อยหรือไม่ ?
1.คู่มือรถ
2.บันทึกการบริการ
3.เอกสารประกัน

การซ่อม
ถ้าคุณไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมใหญ่  ควรตอบคำถามผู้ซื้อตามตรงในส่วนที่สึกหรอ  เพราะส่วนใหญ่ผู้ซื้อมักมีช่างเครื่องมาตรวจสอบด้วย

การโฆษณา
ขั้นแรก   ราคาที่ถูก
1.ราคาที่คุณต้องการควรเป็นราคาที่ยังไม่ได้บวกดอกเบี้ยจากการกู้ยืม
2.ควรเผื่อราคา  10-15  เปอเซ็นต์สำหรับการต่อรองได้
3.ผู้ซื้อรถใช้แล้วมักคาดหวังว่า  จะสามารถเจรจาต่อรองได้
4.ผู้ซื้อรถใช้แล้วจำนวนมากคุ้นเคยกับราคาตามหนังสือรถ

แหล่งโฆษณา
1.หนังสือพิมพ์
2.หนังสือรถ
3.นิตยสารซื้อขาย
4.เขียนป้ายชื่อ  และเบอร์โทรศัพท์ติดไว้ที่รถ
 

สิ่งที่คุณควรบอกในโฆษณา
1.แบบ /  รุ่น
2.ปี
3.กิโลเมตรทที่ใช้  (  ถ้าไม่มากนัก )
4.ลักษณะสำคัญ – ความแข็งแรง  สี  และรายละเอียด  ที่น่าสนใจ
5.ราคา  (  บวกเพิ่ม  10-15  เปอร์เซ็นท์ของราคาที่คุณต้องการ )
6.เบอร์โทรศัพท์  และเวลาที่สามารถติดต่อคุณได้

แนวทาง
1.ดูหนังสือเพื่อเป็นตัวอย่าง
2.ศึกษาหาข้อแตกต่างของรถ  เพื่อดึงดูดความสนใจคนซื้อ
3.คนที่น่าสนใจย่อมติดต่อหาคุณตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลงไว้ในโฆษณาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
4.ตอบทั้งหมดด้วยความซื่อสัตย์
5.แนะนำผู้ซื้อถึงทางที่จะมายังบ้านคุณ  หรือสถานที่นัดโดยละเอียด  และนัดเวลาที่แน่นอน

โชว์รถของคุณ
1.อย่าร้อนใจถ้าไม่มีคนมาขอดูรถคุณทันที  ให้อดทนรอ
2.หาสถานที่นัด  ซึ่งคุณจะพบผู้ซื้อได้สะดวก
3.พาเพื่อนไปด้วย
4.คุณทั้งคู่ย่อมจำเป็นต้องขับรถทดสอบก่อนแน่นอน
5.บอกถึงลักษณะพิเศษ
6.สร้างความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับรถของคุณ  เช่น  “ เป็นรถที่ดีคันหนึ่งเลยนะค่ะ  สะดวกสบาย  ฉันรักและวางใจมันมาก “
7.พวกเขาย่อมมีช่างเครื่องมาตรวจเช็กด้วย

การเจรจาต่อรองอย่างง่าย ๆ

หลังจากได้ทดลองขับแล้ว  ถ้าผู้ซื้อสนใจพวกเขาจะเริ่มยอมรับ  หรือต่อรองราคาที่คุณสามารถลดให้ได้   ถ้าผู้ซื้อชอบ  คุณสามารถลดราคาลงได้เล็กน้อย โดยไม่ต้องเป็นราคาขาดตัวที่คุณกำหนดไว้    ถ้าผู้ซื้อถามคุณถึงราคาต่ำที่สุดที่คุณสามารถลดได้บอกราคากลับไป  ถ้าได้ราคาที่พอใจก็ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องขับรถกลับบ้านเสียเที่ยว

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

ป้องกันตัวเอง
1.ถ้าพวกเขาไม่มีเงินสดจ่าย  ให้ขอเงินมัดจำ  10-30  เปอร์เซ็นต์  โดยคุณต้องการมีสัญญาหรือใบเสร็จให้เขาซึ่งเมื่อถึงเวลาชำระเงินหากเขาผิดนัดคุณสามารถยึดเงินก้อนนั้นได้
2.ระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุจนกระทั่งส่งมอบรถ
3.เขียนใบรับเงิน  ลงชื่อทั้งคุณและผู้ซื้อ
4.อย่าให้ใบเสร็จแก่ผู้ซื้อจนกระทั่งได้เงินครบ

ใบเสร็จ /  ใบสัญญาประกอบด้วย
1.ชื่อ  ที่อยู่ของผู้ขายและผู้ซื้อ
2.ประวัติรถ  แบบ  รุ่น  ปี  และอื่น ๆ
3.ทะเบียนรถ
4.ราคาซื้อขาย
5.วันที่
6.สภาพในขณะที่ขาย
7.ลายเซ็นทั้งคู่
8.ก๊อบปี้ให้ผู้ซื้อ  และคุณเก็บต้นฉบับไว้

ทั้งหมดนี้คงเป็นแนวทางเพียงพอที่จะทำให้คุณเป็นคนที่ฉลาดกับรถได้ไม่ยาก  และหวังใจอย่างยิ่งว่านอกจากคุณจะเป็นคนหนึ่งที่ฉลาดกับรถแล้ว  คุณยังเป็นคนที่ฉลาดกับการรักษามลภาวะรอบตัวคุณด้วยขอบคุณครับ

ที่มา : http://www.asnbroker.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น