วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

เมื่อแอร์รถเหมือนพัดลม...แก้อย่างไร #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง

เมื่อแอร์รถเหมือนพัดลม...แก้อย่างไร #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง
เมื่อแอร์รถเหมือนพัดลม...แก้อย่างไร #เรื่องน่ารู้ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง

สวัสดีครับ วันนี้ ASN Broker นำความรู้มาฝากกันอีกตามเคยครับ เมื่อฤดูร้อนแวะเวียนมาถึงปัญหาอีกเรื่องของคนที่มีรถยนต์ก็คือ "แอร์ไม่เย็น"
จนถึงขั้นทำให้อารมณ์เสียและหงุดหงิดตามมา "ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง"จะขอแนะนำให้รู้จักวิธีตรวจเช็คแอร์ให้เย็นฉ่ำเสียตั้งแต่เริ่มหน้าร้อน

โดยอย่างแรกท่านควรจะตรวจเช็คระบบแอร์รถยนต์ของท่านว่าความเย็นของแอร์สุดแล้วหรือยัง
แต่ถ้ามีสภาพความเย็นพอใช้ได้หรือไม่เย็นเลย ไม่เหมือนกับช่วงก่อนที่ซื้อรถมาใหม่ ๆ
แค่ปรับความเย็นเพียงนิดเดียวก็เย็นฉ่ำ แสดงว่ารถยนต์ของท่านเริ่มมีปัญหาข้อบกพร่องในระบบ
แอร์แล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากหลายกรณี
แต่ที่พบกันเป็นส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจาก 2 กรณี คือ

สาเหตุแรก
ที่ทำให้แอร์มีความเย็นไม่เต็มที่ มาจากระบบน้ำยาแอร์มีไม่เพียงพอ หรือเกิดการรั่วไหลออก
นอกระบบการทำงาน ซึ่งท่านควรทำเป็นสิ่งแรกคือการตรวจหาคราบน้ำมันจากจุดต่อต่างๆ ของ
ระบบแอร์ที่อยู่บริเวณห้องเครื่องยนต์ (เพราะส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณนี้) ซึ่งถ้าพบว่าที่จุดต่อ
จุดใดจุดหนึ่งเกิดมีคราบน้ำมันติดล้อมรอบบริเวณจุดต่อนั้น ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็คคราบน้ำมันออก
แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดแอร์อีกครั้งหากยังมีคราบน้ำมันไหลออกมาอีก แสดงว่า จุดนั้นเกิด
การรั่วซึม แก้ไขโดยการขันจุดต่อนั้นให้แน่นขึ้น
แล้วนำรถเข้าไปอัดน้ำยาเพิ่มที่ร้านบริการแอร์รถยนต์ให้เต็ม

หรือถ้าท่านตรวจเช็คระบบจนหมดแล้วแต่ไม่พบคราบน้ำมันเลย ท่านควรลองไปตรวจสอบน้ำยา
ในระบบดู ทำได้โดยการที่ท่านลองไปจ้องดู Side glass หรือเรียกภาษาช่างว่า ตาแมว
ซึ่งจะเป็นกระจกใสอยู่บริเวณหัวกระปุก ไดร์เออร์ (มีลักษณะเป็นกระปุกคล้ายกับถังดับเพลิง)
ให้อีกคนหนึ่งไปเปิดแอร์แล้วเร่งเครื่องยนต์ให้อยู่ในรอบสูง สังเกตดูว่ามีฟองอากาศไหลผ่าน
ตาแมว มากน้อยเพียงไร หากมีฟองอากาศไหลผ่านนานกว่า 15 นาที หลังการเปิดสวิตซ์แอร์
ก็แสดงว่าภายในระบบแอร์มีน้ำยาน้อยเกินไป ควรไปให้ร้านแอร์เติมน้ำยาให้อีกจนเต็ม
แล้วความเย็นฉ่ำก็จะกลับมา
แอร์รถยนต์

สาเหตุที่สอง
ส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะประเภทรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว และไม่เคยมีการตรวจเช็คแอร์เลย
คือเรื่องของ คอยล์ตัน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของฝุ่นละอองที่ถูกพัดลมแอร์ดูดเข้ามากๆจนเริ่มที่
จะมีการอุดตัน ทำให้แอร์เริ่มไม่เย็น ท่านสามารถจะสังเกตการอุดตันของคอยล์แอร์ได้จากการ
ตรวจเช็คเหมือนกรณีแรกที่กล่าวมา หากการตรวจเช็คน้ำยาแอร์ ทุกอย่างยังสมบูรณ์ดี
แต่แอร์ยังไม่เย็นอีก หรือเมื่อเปิดแอร์ในช่วงแรกก็มีความรู้สึกเย็นดี แต่พอใช้ไปสักพักหนึ่ง
แอร์ก็เริ่มที่จะไม่เย็น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งบอกเหตุว่า คอยล์แอร์ เริ่มที่จะอุดตันแล้ว
เพราะอากาศที่จะไหลผ่านระบายความเย็นของคอยล์แอร์ไหลผ่านได้ไม่สะดวก จึงทำให้คอยล์
แอร์เกิดเป็นน้ำแข็ง อากาศที่ออกมาจากช่องแอร์จึงไม่เย็นเท่าที่ควร ซึ่งสาเหตุนี้ที่ท่านคงจะทำ
การถอดล้างคอยล์แอร์เองไม่ได้แน่นอน ดังนั้นควรนำรถยนต์ของท่านเข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์
บริการจะดีกว่า เพื่อให้ช่างแอร์ทำการถอดล้างคอยส์แอร์ให้ หากท่านต้องการให้แอร์รถยนต์มี
ความเย็นชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดปี ท่านก็ควรจะนำรถของท่านไปล้างคอยล์แอร์ทุก 1 ปี
เพื่อให้คอยส์แอร์มีสภาพสมบูรณ์ตลอดไป

อีกอย่างที่อยากจะแนะนำก็คือวิธีการใช้แอร์ในรถยนต์
ท่านไม่ควรเปิดอัตราเร่งของพัดลมแอร์ในสปีคสูงอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คอยล์แอร์เกิด
การอุดตันเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วไป นอกจากนั้นการปรับระดับความเย็นของอุณหภูมิไม่ควรที่จะปรับ
เปิด-ปิด ในระยะเวลาที่รวดเร็วจนเกินไป (ถ้าเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติไม่เป็นไร)
เพราะในระบบแอร์ นั่นมีแรงดันของน้ำยาสูง หากท่านเปิด ๆ ปิด ๆ เร็วจนเกินไป
น้ำยาในระบบจะเกิดแรงดันสูงอาจทำให้ท่อน้ำเกิดแตกหรือรั่วได้ เพราะฉะนั้น หากต้องปรับ
อุณหภูมิความเย็นให้ลดลงหรือปิดแอร์ ถ้าต้องการเปิดใหม่ไม่ควรที่จะเปิดในทันที
ควรจะรอให้แรงดันของน้ำยาลดลงเสียก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที แล้วจึงเปิดให้ตาม
ต้องการ จะช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ของท่านได้เป็นอย่างมาก

และอีกประการหนึ่งที่ท่านควรจะรู้ไว้คือ เรื่องของการตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์
ซึ่งถ้าช่างตามร้านแอร์ที่ท่านไปเข้ารับบริการเขาบอกท่านว่าคอมเพรสเซอร์แอร์เสีย
ท่านควรจะลองตรวจสอบดูก่อนว่ามันเสียจริงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ชิ้นนั้นไม่ใช่ราคาถูกๆ
แต่มีราคาเรือนหมื่น มีช่างบางคนชอบใช้วิธีเปลี่ยนลูกเดียว หากว่าท่านไม่รู้เรื่อง
อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนั้นก็ได้ มีคนโดนแบบนี้มาแยะแล้ว

ถ้าคอมเพรสเซอร์เสียอย่างที่ช่างตามร้านบอก ท่านสามารถทดสอบดูได้โดยการปิดสวิตซ์แอร์
ทั้งหมดแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินสักพัก คราวนี้ลองเปิดสวิตซ์แอร์
สังเกตุดูว่า เครื่องยนต์มีอาการอะไรที่แตกต่างจากก่อนหน้าที่จะเปิดสวิตซ์แอร์เหรือเปล่า เช่น
รอบเครื่องต่ำลง ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีอาการอะไรสั่น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักนิดก็แสดงว่า
เคราะห์ร้ายเริ่มมาหาท่านแล้ว ให้ลองตรวจเช็คดูระบบฟิวส์ แล้วไม่มีจุดขาดเสียหายก็แสดงว่า
คอมเพรสเซอร์ของท่านมีปัญหาแน่นอน ซึ่งก็คงจะต้องซ่อมหนัก หรืออาจจะถึงขั้นเปลี่ยนใหม่

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คงจะพอทำให้ท่านผู้ใช้รถยนต์ได้หายร้อนกันได้บ้างกับเรื่องของระบบแอร์
ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่สำคัญมากที่สุดระบบหนึ่งภายในรถยนต์ของท่าน ดังนั้น
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพดีและทนทาน
ด้วยการตรวจเช็คตามเวลาที่กำหนด

ที่มา http://www.asnbroker.co.th

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
 
Motor Insurance
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น